โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 138 โควโควคือใคร?

ตอนนี้ไม่มีอาการง่วงนอนเลยแม้แต่น้อย

นางแสร้งทําเป็นโกรธถลึงตาใส่ชวนหลัน

“เจ้ากลัวว่ามันจะยากที่จะเรียกข้าลุกขึ้นมาในตอนเช้าเช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นในทุกวันต่อจากนี้เจ้าก็ใช้วิธีนี้เถอะ”

ชวนหลันพูดด้วยความหวาดกลัวและกังวลใจ

“คุณหนู ชวนหลันตายอย่างไม่ยุติธรรมไม่ได้ บ่าวเห็นว่าท่านตื่นแล้ว จึงได้มอบผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเย็นให้ท่าน"

เห็นหน้านางดูตึงเครียดอย่างยิ่ง คังเสว่มี่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา เลิกคิ้วมองด้วยความสงสัยแล้วเอ่ย

“น้าเย็นก็นํ้าเย็นสิ แต่คราวหน้าอย่าเกิดฉุกคิดมาได้เปลี่ยนเป็นน้ำร้อนเสียล่ะ นั่นข้าไม่สามารถทนต่อมันได้นะ!”

เห็นแววตาของคังเสว่มี่มีรอยยิ้ม นางไม่ได้โกรธจริงๆ ชวนหลันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา บิดผ้าเช็ดหน้าให้แห้งแล้วโต้กลับ

“บ่าวก็ไม่ใช่ติงเช่อเฟย ที่ชอบใช้ชาร้อนมาล้างหน้า จนทั้งหน้าเต็มไปด้วยดอกไม้ฟอง”

“ฮ่าๆๆ......” คังเสวมี่ปีนลงมาจากบนเตียง

“ถ้าหากให้ติงเช่อเฟยมาได้ยินคำพูดนี้ของเจ้าเข้า นางคงได้โกรธจนปากเบี้ยวอีกเป็นแน่!”

“โกรธก็โกรธ อย่างไรก็ตามถึงบ่าวไม่พูดให้นาง นางก็ นางก็ไม่เห็นจะดีกับบ่าว!” ชวนหลับปรนนิบัติสวมใส่เสื้อผ้าให้คังเสว่มี่

“คุณหนู ท่านรีบหน่อยนะเจ้าคะ วันนี้ไปลงทะเบียนที่วิทยาลัย ไปสายไม่ได้เด็ดขาด รถม้าของจี้ชื่อจื่อก็น่าจะมาถึงแล้ว”

“อื้ม รู้แล้ว ให้พวกเขายกอาหารเช้ามาเถอะ”

คังเสว่มี่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ยังไม่ทันได้เริ่มทานอาหารเช้าก็ได้ยินเสียงของคนที่ อยู่ลานด้านหน้าบอกว่ารถม้าของจื้อี้มาถึงแล้ว

วันนี้นางต้องไปโก๋วจื่อเจี้ยน

มิอาจสายได้ ข้างกายไม่สามารถนำหญิงรับใช้ไปด้วยได้ หลังจากให้ชวนหลันคอยดูแลลานบ้านให้ดี นางก็ไปที่หน้าประตูบ้าน

รถม้าไม้จันทน์แดงจอดอยู่ที่หน้าประตูอย่างเงียบๆ ฉวี่ซางยังคงคอยติดตามอยู่ข้างรถม้าเหมือนเดิมเช่น เดียวกับอดีตที่ผ่านมา

“คุณชายฉวี่อรุณสวัสดิ์” นางยกมือขึ้นกล่าวทักทาย

ฉวี่ซางยิ้มแล้วเอ่ย “คุณหนูคังอรุณสวัสดิ์”

ยกม่านเปิดออก เห็นจี้อี้นั่งอยู่ข้างในรถม้า

เขาเห็นนางขึ้นมา

มองดูนางในขุดกระโปรงยาวสีฟ้าสดชื่นเย็นสบาย มวยผมที่เรียบง่ายแต่สุภาพ

ในแววตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม หันไปมองนางแล้วเอ่ยอย่างช้าๆ

“วันนี้อารมณ์ไม่เลวเลยนะ"

“ในยามเช้าอารมณ์ย่อมดีเป็นธรรมดา”

คังเสว่มี่คุ้นเคยกับรถม้า นางนั่งลงอยู่ข้างๆจื้อี้ เห็นบนโต๊ะมีขนมอบอยู่สองจาน จึงใช้นิ้วคีบขึ้นมาหนึ่งชิ้นใส่ไว้ในปาก

จี้อี้เห็นนางหยิบเอาขนม จึงยกมือขึ้นผลักขนมอบไปที่ข้างหน้านาง

“ยังไม่ทานอาหารเช้าล่ะสิ ทานขนมสักหน่อยเถอะ"

คังเสว่มี่พยักหน้า “ตื่นสายไปนิดหน่อย ยังไม่ทันได้กิน โชคดีที่บนรถของเจ้ามีของกิน มิเช่นนั้นอีกสักครู่ข้าคงต้องหิวเป็นแน่”

เมื่อวานนี้ตอนเที่ยงกินเยอะไป ตอนค่ำนางเลยกินอะไรง่ายๆไปนิดหน่อย

จี้อี้ก็หยิบแก้วออกมาจากด้านข้างอีกใบ แล้ววางไว้ที่ด้านหน้าของคังเสวีมี่

“อืม ข้าเดาว่าเจ้าน่าจะไม่ได้ทานอาหารเช้ามา ที่นี่ยังมีนมวัว เจ้าดื่มเถอะ”

สัมผัสความอุ่นที่ตัวถ้วย ยังมีของเหลวสีขาวที่บรรจุอยู่ในนั้น ส่งกลิ่นหอมที่คุ้นเคยของนมออกมา คังเสว่มี่รับเอาถ้วยหยกลายครามสีเขียวมา

นางยกถ้วยขึ้นมาแล้วดื่มไปอีกใหญ่ น้ำในแววตามีร่องรอยถึงความอิ่มอกอิ่มใจ

สมัยโบราณก็มีนมวัวเช่นเดียวกัน นางเกือบจะลืมมันไปแล้ว

ตอนนี้ร่างกายของนางกำลังเจริญเติบโต ดื่มนมมากขึ้นก็อาจทำให้สูงขึ้นมานิดหน่อย

ถึงแม้บางครั้งคำพูดที่จี้อี้พูดออกมาจะทำให้คนโกรธแทบเป็นบ้าตาย แต่ก็ยังเป็นคนที่คิดละเอียดรอบคอบนะเนี่ย

นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้างดงามราวกับบุรุษในภาพวาดที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นางยิ้มแล้วเอ่ย “ขอบคุณเจ้ามากพาข้าไปลงทะเบียน แล้วยังช่วยเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ช้าด้วย"

จี้อี้ยิ้มเบาๆ ยกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ย ในหน้าตาแฝงไปด้วยแสงอันบริสุทธิ์

“อืม เพราะว่าเจ้าไม่กินอาหารเช้าเลยอาจทําให้อืดอาดเชื่องช้า"

คังเสว่มี่กัดขนมข้าวเหนียวหวานที่อยู่ในปาก เกือบจะคล้อยตามไม่ปล่อยความโกรธออกมา

"จี้อี้เจ้านี่มัน!" ติดกับดักที่นี่อีกแล้ว!

นางจ้องมองที่เขา คิ้วยกขึ้นเล็กน้อย ผิวหนังดูประหนึ่งกับพรมไปด้วยนมวัว ทั้งขาวทั้งเกลี้ยงเกลา มองไม่เห็นข้อบกพร่องใดๆ

ดวงตาแคบยาว ยังคงมีรอยยิ้มอยู่เล็กน้อย รังสีแสงสว่างไสวซึมรั่วไหลออกมาจากใต้ขนตายาว เป็นครั้งคราว เหมือนดอกไม้ไฟในความฝัน

คังเสว่มี่ถอนสายตากลับ แล้วแอบคิดในใจ ช่างเถอะ เห็นกับที่เขาเตรียมอาหารเช้าไว้สำหรับนาง นางก็ไม่ประชดประชันเสียดสีเขากลับแล้ว

แต่ว่าอาหารว่างสองจานนี้ถึงแม้ว่าจะไม่เยอะ แต่ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่นางชอบกิน

เจ้าอุบายจี้ยังคงเก่งกาจยิ่งนัก แค่เดาก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่านางชอบกินอะไร

ดูเหมือนว่าจี้อี้จะมองความคิดข้างในจิตใจนางออก เขาชี้ไปที่กล่องขนมแล้วเอ่ย

“นี่เป็นของโปรดที่โควโควชอบกิน ข้าเห็นเจ้าค่อนข้างคล้ายคลึงกับมัน สิ่งที่ชอบน่าจะเหมือนกันกับมัน

ให้คนจัดเตรียมไว้สองจาน ตอนนี้ดูเหมือนว่า เจ้ากับมันรสนิยมช่างเหมือนกัน”

“โควโคว?” คังเสว่มี่ดื่มนมไปอึกนึงแล้วถามกลับ “นั่นคือใครหรือ?”

“เพื่อนที่สำคัญมากของข้าท่านหนึ่ง มีโอกาสจะแนะนำพวกเจ้าให้ได้รู้จักกัน”

จี้อี้ยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มในแววตาหายวับไปในชั่วแวบเดียว

เขาเชื่อว่า เมื่อตอนที่สาวน้อยผู้นี้และโควโควได้เจอกันจะต้องมี เรื่องที่น่าตื่นเต้นมากๆเกิดขึ้นเป็นแน่

ในใจลึกๆของคังเสว่มี่ก็กำลังคิดอยู่เงียบๆ คล้ายกันกับนาง แม้แต่สิ่งที่กินละสิ่งที่ชอบก็ล้วนเหมือนกัน

นางก็อยากจะทำความรู้จักยิ่งนัก มาอยู่ที่นี่ เพื่อนที่อยู่ข้างกายก็ยังไม่เยอะ

อยู่เดียวดายผู้เดียวก็ไม่สนุก

“งั้นก็ดี ถึงเวลานั้นยังสามารถเล่นด้วยกันได้”

จี้อี้พยักหน้า “ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทั้งสองอยู่ด้วยกันจะต้องสนุก ครึกครื้นมากเป็นแน่"

เห็นว่านางกินเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นําสิ่งของเก็บเข้าใส่ ไว้ในตู้ที่ทำขึ้นมาพิเศษ จากนั้นก็หันหน้าขึ้นมองนางแล้วเอ่ย

“เมื่อวานนี้เห็นเจ้าคัดค้านที่จะไปโก๋วจื่อเจี้ยน ข้ายังคิดว่าเจ้ารู้ว่าเจ้าจะต้องได้ไปเรียนหนังสือ อารมณ์น่าจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”

คังเสว่มี่เอนตัวพิงที่ผนังรถม้าแล้วถอนหายใจ“เดิมทีข้าก็ไม่ได้มีแผนที่จะไปเรียนหรอก แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ใยจะต้องทำหน้าอมทุกข์ไปเผชิญหน้ากับมัน ยิ้มเข้าไว้ก็เป็นอีกหนึ่งวัน”อีกอย่าง นางก็คิดไตร่ตรองมาดีแล้ว ในเมื่อต้องไป งั้นก็ตั้งใจเรียนหาความรู้ที่โก๋วจื่อเจี้ยนเพิ่มเติมสักหน่อยความรู้ของคนสมัยโบราณนั้นก็ไม่มีขอบเขตจำกัดเช่น เดียวกันถ้าหากนางสามารถบูรณาการระหว่างสมัยใหม่และ สมัยโบราณเข้าด้วยกันได้ บางทีอาจทําให้นางเก่งขึ้นไปอีกขั้นจี้อี้เอ่ย “เจ้าไม่เคยวางแผนที่จะไปเรียน แล้วเจ้าวางแผนอันใดไว้?”คังเสว่มี่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคางข้อศอกวางไว้บนหัวเข่า ปลายนิ้วเคาะที่แก้ม แล้วครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน“คิดว่าจะทำอย่างไรให้ได้กินสิ่งที่ดีกว่า ทําอย่างไรให้นอนหลับได้สบายมากขึ้น ทำอย่างไรให้เล่นได้อย่างมีความสุขยิ่งขึ้น”ที่จริงแล้วสิ่งที่นางพูดไปเหล่านั้นล้วนเป็น สิ่งที่นางพูดลอยๆออกมาโดยไม่ได้คิด สิ่งที่นางคิดมากที่สุดในตอนนี้ก็ยังคงพยายามค้นหาความลับของตัวเองในร่างเดิมนี้ให้เข้าใจอย่างชัดแจ้ง นอกจากนั้นยังหาดูว่าพอจะมีวิธีที่จะทำให้กลับไปบ้านได้หรือไม่จี้อี้พยักหน้า “งานอดิเรกของเจ้าช่างเป็นที่น่าประทับใจจริงๆ ทำให้ข้านึกถึงสัตว์ชนิดหนึ่ง ”โอ้ นี่กำลังด่าว่านางเป็นหมูหรือ?! นางก็แค่พูดลอยๆไปอย่างงั้น นางสามารถบอกเจ้าอุบายจี้ได้เชียวหรือว่านางต้องการเปิดประตูพื้นที่ช่องโหว่ของช่วงเวลา แล้วบินไปสู่ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแน่นอนว่าจะต้องถูกจับขังเข้าใจว่าเป็นโรคประสาท หรือสมองพิการเป็นแน่

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์