โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 144 เจ้าอยากเล่นข้าก็จะเล่น

นางตะโกนถึงเพียงนี้ ทุกคนต่างก็พากันย้ายความสนใจมาที่คังเสว่มี่

เมื่อได้ยินชื่อของคังเสว่มี่ก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะ ออกมาเสียงดังพร้อมกันและพากันเอะอะโวยวาย

“ใช่แล้ว คนโง่ก็มาเล่นแบบนี้ด้วยหรือ จะไหวหรือ!”

สายตาของคังเสว่มี่จ้องแล้วกวาดมองไปที่ใบหน้าของ พวกเขา เห็นพวกเขาเอามือกุมท้อง ทุบโต๊ะ คิดว่าที่พูดมันเป็นเรื่องที่ช่างตลกช่างสนุกยิ่งนัก

มุมปากของนางเฉียงขึ้น ทันใดนั้นก็กระโดดไปอยู่ที่ข้างหน้าโต๊ะ ชี้นิ้วไปที่ทุกคน บนใบหน้าที่โกรธอย่างเดือดดาล แล้วลากเสียงแหลม

“พวกเจ้าน่ะสิเป็นคนโง่ ข้าไม่ใช่คนโง่ คนปัญญาอ่อนซะหน่อย!”

นางหันกลับไปมองแล้วตบลงบนโต๊ะ “พวกเจ้าเล่นอันใด ข้าก็จะเล่นด้วย"

หลี่ฟางและเหยาเมิ่งฉิงทั้งสองคนส่งสายตาให้กันอย่าง รวดเร็วกลางอากาศและสีหน้าที่ดูแปลกๆเช่นเดียวกัน จากนั้นหลี่ฟางก็ขึ้นไปยืนอยู่ข้างหลังของคังเสว่มี่ อธิบาย

“สิ่งนี้เจ้าเล่นเป็นหรือ? ข้าจะบอกเจ้าให้ละกัน” คังเสว่มี่พยักหน้าด้วยความโกรธที่ยังคงมีอยู่

“เจ้าพูดมา ข้าก็ไม่เชื่อหรอกสิ่งนี้มันจะยากถึงเพียงไหนเชียว!"

หลี่ฟางหันไปมองชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะแล้วขยิบตา ส่งสัญญาณให้เขา หนุ่มน้อยพยักหน้า ถือชามห้าใบบนโต๊ะแล้วเปิดให้คังเสว่มี่ดู

“อันนี้เรียกว่าเจ้าทาย ข้าทาย เจ้าทาย

วิธีเล่นง่ายมาก ก็คือที่นี่มีชามอยู่ห้าใบลูกบอลหนึ่งลูก

เจ้ามือจะเปลี่ยนตำแหน่งของลูกบอลที่อยู่ในชามไป เรื่อยๆ

เมื่อตอนที่เขาหยุดลง เจ้าก็ทายว่าลูกบอลนั้นอยู่ในชามไหน

หลังจากนั้นจะมีสองตำแหน่งคือเจ้ามือและผู้เล่น เจ้าสามารถเลือกให้ผู้เล่นชนะหรือจะเป็นเจ้ามือชนะ

หลังจากซื้อเสร็จ เจ้ามือก็จะพูดเงื่อนไขที่เขาต้องการ

ถ้าหากว่าเจ้าทายถูกว่าอยู่ในชามใบไหน เช่นนั้นเจ้าก็จะสามารถเรียกร้องได้หนึ่งเงื่อนไขจาก เจ้ามือ"

“งั้นถ้าหากว่าทายผิดล่ะ?”

คังเสว่มี่รู้ว่าตนเองสามารถเขียนบทกวีได้ในชั้นเรียน ของอาจารย์ฟาง บอกว่าโง่เขลา ผู้คนก็ไม่เชื่อ

แน่นอนว่าไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าดูโง่เขลาเบา ปัญญามากจนเกินไป คนอื่นจะได้ไม่สงสัย

หลี่ฟางเอ่ย “ถ้าหากว่าขณะที่เล่นโชคไม่ค่อยดี ดูจนตาลาย เจ้าก็ต้องยอมรับเงื่อนไขของเจ้ามือ

นี่มันง่ายมาก โดยทั่วไปแล้วจะไม่แพ้ จางเสี่ยว เจ้าลองเล่นกับนางสองรอบก่อนไม่นับว่าแพ้ ชนะ”

คังเสว่มี่ลังเลใจไปพักหนึ่ง “ในเมื่อไม่นับว่าแพ้ชนะ งั้นข้าก็เล่นละกัน”

เหยาเมิ่งฉิงแสร้งทําเป็นไม่ลงรอย มองไปที่หลี่ฟางแล้วเอ่ย

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ยังจะให้นางเล่นฟรี!”

“เล่นสักหน่อยจะเป็นไร เจ้าอย่ามารังแกเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่สิ!” หลี่ฟางก็แสร้งทำท่าทีโต้เถียงกลับนางไป

ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นเจ้ามือก็คือจางเสี่ยวชี เขาคาบไม้จิ้มฟันไว้ในปาก เห็นพวกนางทะเลาะกัน ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดแล้วเอ่ย

“จะทะเลาะอะไรกัน เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่มาแล้ว ก็ให้นางได้ลองเถอะ!”

แล้วทั้งสองคนก็เงียบเสียงลง

แสร้งทำเป็นหมางใจกัน ต่างคนต่างส่งเสียงฮ็ออกมา แล้วสะบัดหน้าหนี

จางเสี่ยว ยกคางขึ้นหันไปมองที่คังเสว่ กัดไม้จิ้มฟันแล้วเอ่ย

“เจ้าเห็นมันชัดเจนแล้วนะ!”

“อื้ม เห็นแล้ว” คังเสว่มี่พยักหน้า

มือของจางเสี่ยว ช่างรวดเร็วยิ่งนัก แต่ในความเร็วก็มีความช้าอยู่ ทำให้คนได้เห็นอย่างชัดเจนว่าลูกบอลกำลังไปใน ทิศทางใด และไม่ได้รู้สึกว่ากำลังจะโยนเกม

คังเสว่มี่เงยหน้าขึ้นมองเขา มุมปากคาบไม้จิ้มฟันดูนักเลงเล็กน้อย ช่างเหมือนคนที่ผลคะแนนไม่ค่อยดีในชั้นมัธยมปลาย ที่เป็นผู้ชายเลวๆร้ายๆแต่ก็ดูเท่ประเภทนั้น

เขายกคิ้วขึ้น

คิ้วด้านขวาจะสูงกว่าด้านซ้ายเล็กน้อย มองมาที่คังเสว่มี่แล้วเอ่ย

“มาๆ ทายๆ ดูสิว่าลูกบอลอยู่ที่ไหน?”

รอบที่หนึ่ง คังเสว่มี่ชี้ไปที่ชามที่สองทางด้านซ้าย เปิดออก ลูกบอลอยู่ในนั้นอย่างที่คาดไว้

รอบที่สอง ยังคงเป็นไปตามที่คาดไว้ นางบอกว่าอยู่ในชามตรงกลาง ลูกบอลก็อยู่ในนั้น

“ว้าว เสว่มี่ เจ้าสุดยอดไปเลย!” หลี่ฟาง จับมือของคังเสว่มี่ด้วยความตื่นเต้นแล้วเอ่ย

“ข้าบอกแล้วมันง่ายมากใช่ไหมล่ะ มาเล่นเถอะ!”

ผู้คนที่อยู่ด้านข้างก็เอะอะพูดสนับสนุน “ดูไม่ออกเลยว่านางจะเก่งกาจเพียงนี้ เล่นแบบนี้ แน่นอนว่าไม่เลวเลยทีเดียว”

ดูเหมือนว่าคังเสว่มี่จะถูกล่อลวงด้วยคำพูดเหล่านี้ ในแววตามีแสงที่ถูกกระตุ้นลอยออกมา แก้มสีขาวดุจหิมะเพราะด้วยความตื่นเต้นดีใจแก้มจึงแดงขึ้นมา เม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า

“งั้นก็ได้ ข้าก็อยากเล่นกับพวกเจ้า!"

เรียบร้อย ปลาติดเบ็ดแล้ว!

ถึงจะแต่งบทกวีได้จริงๆ ก็ไม่พ้นว่าเป็นคนไม่เต็มบาทหัวสมองที่มคนหนึ่ง อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้เห็นดี

สายตาของทุกคนส่องแสงแห่งการหัวเราะเยาะนาง สีหน้าทุกคนที่แตกต่าง เหมือนฝูงผึ้งกรูกันเข้ามาที่หน้าโต๊ะ

จางเสี่ยวชีเปิดชาม แสดงให้ทุกๆคนเห็น หลังจากนั้นก็เริ่มเคลื่อนย้ายอีกครั้งบนโต๊ะ

ครั้งนี้

เห็นได้ชัดว่าลีลาของเขาเร็วกว่าที่คังเสว่มี่ เห็นมาก่อน หน้านี้เล็กน้อย มือทั้งสองข้างไขว้กันเหมือนกับลำแสง ช่างเป็นการสับเปลี่ยนที่รวดเร็วยิ่งนัก

“เรียบร้อย ตอนนี้เริ่มทายได้ ลูกบอลแท้จริงแล้วอยู่ที่ชามไหน?”

หลี่ฟางผลักคังเสว่มี่ “มา เมื่อครู่นี้เจ้าดูมันอย่างชัดเจนเป็นพิเศษ เจ้ามาทาย!” คนอื่นๆก็เห็นด้วย “ใช่แล้ว ตาเจ้าดียิ่งนัก

เจ้าทายก่อน”

ลมฤดูร้อนพัดผ่าน มองดูใบหน้าที่รอส่งเสริมเหล่านั้น คังเสว่มี่ก็หัวเราะ ภายใต้น้ำใจไมตรีที่เปี่ยมล้นนางชี้นิ้วลงไปในชามที่สอง

“ข้าทายว่าอยู่นี่!”

น้ำเสียงของนางลดลง จางเสี่ยว ก็เลิกคิ้วมองไปที่นาง มีรอยยิ้มชั่วร้ายแขวนอยู่ที่มุมปากของเขา

“มาๆ ผู้เล่นซื้อชามที่สอง ทุกคนจะตามนางหรือว่าจะซื้อเจ้ามือ รีบคิดให้ดี แล้วนําป้ายแขวนเอวของพวกเจ้าวางไว้ให้ดีล่ะ!”

ป้ายแขวนเอวคือนักเรียนทุกคนที่เข้ามาเรียนในโก๋วจื่อเจี้ยนหลังจากที่ลงทะเบียนเสร็จก็จะพบป้ายไม้สี่เหลี่ยม ขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือช้างบนมีชื่อและก็หมายเลขห้องเรียนเป็นตัวแทนบอกสถานะของนักเรียนคังเสว่มี่ก็มีหนึ่งชิ้น นางนำของตนเองวางไว้ตรงผู้เล่นเพิ่งจะเก็บมือเข้า ก็เห็นคนอื่นๆล้วนต่างพากันนำป้ายแขวนเอววางไว้บน ตำแหน่งเจ้ามือนางหันหน้ากลับมา เลิกคิ้วขึ้น มองหลี่ฟางและทุกคนด้วยสายตาที่ตั้งคำถาม“พวกเจ้าไม่ได้บอกว่าข้าแม่นยำยิ่งนักหรอกหรือ? ใยจึงไม่ลงตามข้าเสียล่ะ?”“เรื่องดีเกิดขึ้นไม่เกิดสามครั้ง เจ้าแม่นติดต่อกันสองรอบแล้ว! มันจะแม่นยำอีกครั้งได้อย่างไร!”ในน้ำเสียงที่ดูถูกของเหยาเมิ่งฉิงออกมาโดยไม่ได้ ยับยั้ง เลิกคิ้วเอียงขึ้นและมองไปที่คังเสว่มี่ มันเหมือนกับได้เห็นเรื่องตลกของนาง“ใช่แล้ว ใครที่ไหนจะไปโชคดีถึงเพียงนี้!”“โง่เดาถูกมาได้ครั้งสองครั้ง ยังคิดอยากจะถูกไปตลอดชีวิตหรือไง?”คำพูดอะไรทำนองนี้ คังเสว่มี่ดูเหมือนจะไม่เคยได้ยิน และก็ไม่ได้ค้นพบว่าสีหน้าท่าทางที่คุยโวเกินจริงของ คนเหล่านี้ได้เปลี่ยนไปนางทำเพียงแค่ยิ้มเบาๆ

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์