“คุณหนูช่วงนี้เป็นวันหยุดยาวสิบวัน ท่านสามารถนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยที่นี่ได้
หรือไม่ก็ออกไปเดินเล่นสักหน่อยก็ได้นะเจ้าคะ อยู่แต่ภายในบ้านไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกเจ้าค่ะ”
คังเสว่มี่เห็นด้วยถ้าเอาแต่นั่งคิดอยู่ตรงนี้ก็คิดไม่ออก ลองออกไปเดินเล่นข้างนอกก็คงจะดี แถมนางยังสามารถแวะไปร้านหนังสือเพื่อซื้อหนังสือสักสองสามเล่มได้อีกด้วย
จะได้เข้าใจสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ มากขึ้น
เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็กำชับชวนหลันให้ไปเตรียมรถม้า ออกไปร้านหนังสือ
เมืองหลวงของฉีเทียนแบ่งเป็นพระราชวังต้องห้าม พระราชวัง เมืองชั้นในและเมืองชั้นนอกสี่ส่วน ตัวเมืองชั้นนอกนั้นเป็นวงกลมและเมืองชั้นในเป็น สี่เหลี่ยมการจัดวางผังเมืองแบบนี้นั้นเป็นสัญลักษณ์ ของเทียนหยวนตี้ฟาง(ฟ้าเป็นรูปกลมๆ ดินเป้นรูปสี่เหลี่ยม)
ตำหนักอ๋องคังนั้นตั้งอยู่ในส่วนเมืองชั้นในสั่งตะวันออก ถ้าออกมาจากวังหลวงและออกทางประตูฉงเหวินก็จะ เจอกับสถานที่ที่มีฝูงชนมากมาย
คังเสว่มี่นั่งอยู่ในรถม้าพลางเปิดม่านออกดูทิวทัศน์ ภายนอกพร้อมกับพูดว่า “ว้าวววว ทำไมคนเยอะขนาดนี้หรือว่าวันนี้มีเทศกาลอะไรงั้น หรือ?”
ชวนหลันยื่นศีรษะออกไปดูก็เห็นผู้คนมากมายเดินไป เต็มท้องถนน
“คุณหนูบ่าวว่าวันนี้น่าจะเป็นผลมากจากเหล่ายี่สิบเอ็ดวิญญาณนะเจ้าค่ะ ท่านมองดูช่วงกลางคืนผู้คนไม่กล้าออกมาเที่ยวเล่นข้าง นอกเพราะกลัวว่าผีจะเข้าสิงก็เลยออกมาเดินเล่นช่วง กลางวันกัน ดังนั้นวันนี้คนก็เลยมากกว่าปกติเจ้าค่ะ”
คังเสว่มี่ยื่นมือออกไปลูบผมของชวนหลันพลางยิ้มจน ชวนหลันของเราวันนี้สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้ตาม
“ไม่เลวๆ นับวันยิ่งเก่งขึ้นทุกวัน”
“คุณหนูก็จะพูดชมหรือว่าข้ากันแน่เจ้าคะ!”
ชวนหลันเงยหน้าพลางขมวดคิ้วมองคังเสว่มี่
“ชมสิ!” คังเสว่มี่หยิกแก้มของชวนหลันไปมา เด็กคนนี้เพิ่งจะอายุสิบสองแต่ตัวนั้นยังเล็กกว่านางอยู่ สักหน่อย
คังเสว่มี่มองนางเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเลยอดไม่ได้ที่จะหยกเล่นด้วย ถึงแม้ว่ารถม้าบนถนนนั้นจะเยอะ แต่ทว่าสัญลักษณ์อันใหญ่โตของตำหนักอ๋องคังนั้น
แขวนอยู่ด้านข้าง รถม้าของตำหนักมากมายนั้นต้องจอดตรงข้างกำแพง หลบทางให้ ดังนั้นคังเสว่มี่ก็เลยไม่เจอกับสถานการณ์การจราจรรถม้าที่ติดขัด นางมองทิวทัศน์ด้านนอกอย่างสนอกสนใจ
การก่อตั้งของแคว้นฉีเทียนนั้นผ่านมาได้ไม่ถึงสองราชวงศ์
สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่นั้นสืบสานต่อมาจากราชวงศ์ก่อนอย่างสมบูรณ์แบบ
ทุกหลังนั้นมีตะขอเงินและยอดปทุมสถาปัตยกรรม โครงสร้างวางสลับกันไปเป็นเอกลักษณ์ยิ่งใหญ่และ สวยงามของเมืองหลวง
แสงแดดรำไรผาดผ่านผู้คนตามถนนและพ่อค้าม้า แผงลอย
ใบหน้าของทุกคนนั้นถูกย้อมไปด้วยสีทองอร่ามดูตลบ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของหญ้าหอม
ทันใดนั้นสายตาของนางก็หยุดนิ่งขมวดคิ้วมองไปยัง กลุ่มคนที่สวมผ้าคาดหน้าผากกลุ่มหนึ่ง
“ชวนหลับ ฉีเทียนนี่มีประเพณีที่ผู้ชายนำหยกรูปจันทร์สีหิมะมา คาดไว้ที่หน้าผากด้วยหรือ?” ชวนหลันมองพลางส่ายหน้าอย่างมั่นใจ
“ไม่มีเจ้าค่ะ!มีเพียงแค่จี้ซื่อจื่อเท่านั้นที่สวมหยกเดือนเสี้ยวได้เจ้าค่ะ ปกติไม่มีประเพณีแบบนี้เจ้าค่ะ คุณหนู ทำไมอยู่ๆถึงถามล่ะเจ้าคะ?” คังเสว่มี่ลากนางพลางชี้ไปที่กลุ่มเด็กวัยรุ่น
ทางนั้นมีสองคนที่ส่วมผ้าคาดหน้าผากเห็นไหม?” “เจ้าดูสิ"
ชวนหลันจ้องมองก็เห็นกลุ่มเด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าที่ม่วง หน้าผากสวมผ้าคาดหน้าผากลายหยกรูปจันทร์สีหิมะ
ชวนหลันจ้องมองก็เห็นกลุ่มเด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าที่ม่วง หน้าผากสวมผ้าคาดหน้าผากจันทร์สีหิมะ
ทันใดนั้นนางก็ปิดปากหัวเราะพลางมองไปทางคังเสว่มี่
“คุณหนูดูไม่ออกหรือคะ กลุ่มคนพวกนั้นเขาเลียนแบบจี้ซื่อจื่อเจ้าค่ะ คุณหนูลองดูเสื้อผ้าของพวกเขาสิคะพวกเขาสวมเสื้อผ้าสีม่วง
หยกรูปจันทร์สีหิมะที่ศีรษะก็เหมือนกับของจี้ซื่อจื่อ
พวกเขานั้นเลียนแบบแม้กระทั่งกิริยาท่าทางที่งดงาม ละเอียดและสง่างามที่คนส่วนมากในเมืองหลวงชื่นชอบ คนในเมืองหลวงต่างก็ชื่นชิยลักษณะท่าทางแบบนั้นเจ้าค่ะ”
คังเสวีมี่มองไปที่กลุ่มคนด้านนอก นางนึกถึงจี้อี้ที่ “บังเอิญ”
ช่วงชิงจูบแรกของนางไปแถมยังยิ้มหน้าระรื่นไม่รู้ร้อน รู้หนาวอีกด้วย
นางปิดม่านลงกลับนั่งประจำที่และหยิบขนมเข้าใส่ปาก
คังเสว่มี่กัดไปเคี้ยวไปพลางจินตนาการว่าที่กำลังกัดอยู่ คือจี้อี้
คิดยังไงก็รู้สึกว่าเขาตอนนั้นหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย
ชวนหลันเห็นคุณหนูกำลังกัดขนมไม่เหมือนกำลังทาน แต่เหมือนกำลังกัดฟันจึงอดที่จะถามไม่ได้ว่า “คุณหนู ขนมไม่อร่อยหรือเจ้าคะ?”
คังเสว่มี่เงยหน้ามองใบหน้าเล็กที่มองมาอย่างสงสัยก็รู้ ได้ว่านางนั้นเข้าใจผิดจึงส่ายหน้าและพูดว่า" ขนมน่ะอร่อยมาแต่ว่าถ้าหากเจ้าให้ขนมกลายเป็นจี้อี้คนพันธุ์นั้นได้ คงจะดีกว่านี้!”
“ให้เป็นจี้อี้คนพันธุ์นั้น?” ชวนหลันมองด้วยสายตามที่เป็นไปด้วยคำถาม
คังเสวีมี่ “ใช่ แค่ทำให้ขนมกลายเป็นจี้อี้ไอ้บ้านั่นเจ้าทำได้ไหมละ?”
ชวนหลันพยักหน้า “ได้เจ้าค่ะ แต่ว่าคุณหนูจะให้ข้าทำขนมเป็นรูปจี้อี้ไปทำไมเจ้าคะ?”
คังเสว่มี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขนมก็ต้องเอามากินสิ เจ้าจำไว้นะหลังจากนี้ไม่ว่าจะขนมอะไรก็ต้องทำเป็นรูป จี้อี้ หลังจากนี้ถ้าจี้อี้ทำให้ข้าโมโหอีกข้าก็หยิบขนมมากัดๆให้ขาดเป็นชิ้นๆเลย เขาเข้าใจไหม”
แค่นี้ก็เหมือนกับได้ชัยชนะแล้ว!
แต่สิ่งที่ชวนหลันคาดเดาในใจก็คือ ว่า หรือว่าคุณหนูจะชอบจี้ซื่อจื่อไปแล้วกันนะถึงแม้กระทั่งขนมยังให้ทำเป็รูปของจี้ซื่อจื่อเทียมขึ้นมาได้
ไม่แปลกเท่าไรเสน่ห์ของจี้ซื่อจื่อนั้นไม่มีใครเทียบ ขนมยังให้ทำเป็นรูปของจี้ซื่อจื่อ
เพียงแต่งานอภิเษกสมรสระหว่างองค์รัชทายาทกับคุณหนูจะทำอย่างไรกัน?
เจ้านายและบ่าวรับใช้ต่างก็คิดกันคนละเรื่องและทันใด นั้นรถม้าก็หยุดลง
ชวนหลันเปิดม่านดู “หยุดรถม้าทำไมกันนี่ยังไม่ถึงร้านหนังสือหัวเวินเลย ไม่ใช่หรือ!”
คนขับรถม้าชี้ไปทางด้านหน้า “คุณหนูถนนด้านหน้ามีคนอยู่เหมือนน่าจะมีเรื่องเกิน ขึ้นนะขอรับ"คังเสวมี่ยืนศีรษะออกไปดูเห็นเพียงร้านอาหารกำลังล้อม ไปด้วยฝูงชนข้างในมีเด็กสาวกับพวกผู้หญิงเหมือนกำลังแย่งของกัน ยังไงยังงั้นนางเห็นว่าร้านหนังสือหัวเวินอยู่ข้างหน้าไม่ไกลจาก ร้านอาหารเท่าไรนักจึงถกกระโปรงขึ้นและโดดลงจากรถม้า“พวกเราเดินไปกันเถอะไม่อย่างนั้นถ้านั่งรออยู่ตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องนั่งรออีกนานแค่ไหน”คังเสว่มีตะโกนเรียกให้ชวนหลันลงมาและพูดกับคนขับรถม้าว่า“รอให้ถนนโล่งแล้วเจ้าไปรอข้าที่ร้านหนังสือหัวเวินนะ” คนขับรถม้า “ขอรับคุณหนูใหญ่”เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆก็ได้ยินพวกหญิงสาวหน้าตาเกรี้ยว กราดพูดจากันอย่างเต็มไปด้วยโทสะ“เมื่อกี้เจ้าบอกว่าช่วงนี้ร่างกายเจ้าไม่ค่อยดีนักนั่นเป็น เพราะว่ามีวิญญาณชั่วร้ายหรือมีวิญญาณชั่วร้ายสิงอยู่ ที่สร้อยหยกของเจ้า เจ้ารู้วิชาไล่วิญญาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้าก็เลยกำจัดวิญญาณให้เจ้า แล้วตอนนี้ทำไมเจ้าถึงมาพูดว่าหยกนี่เป็นของเจ้ากัน?”หญิงสาวรูปร่างอุดมสมบูรณ์แต่งตัวดูมีฐานะกำลังยืนอยู่ตรงข้ามได้ยินเด็กสาวพูดดังนั้นก็ยกคิ้วสูงและพูด ด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
copy right hot novel pub