แม้กระทั่งร่างกายก็ถูกเขากดเอาไว้ไม่ให้ขยับทำให้ร่างกายใช้แรงไม่ได้เลยนางหายใจด้วยความโกรธและจ้องมองจี้อี้ที่ทำนิสัยอันธพาลพลางคิดในใจว่า
รอให้เขาเข้าใกล้อีกนิด ถ้ากล้าทำนิสัยเจ้าชู้ไก่แจ้ใส่นางนะ! จะใช้ฟันของนางกัดริมฝีปากสวยๆนั่นซะ
ในตู้โดยสารรถม้าเงียบสงัด ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มกำลังปกคลุมร่างกายของหญิงสาว เสื้อผ้าอาภรณ์อันใหญ่โตปกคลุมร่างกายบอบบางของนางไว้
เขาค่อยๆเข้าใกล้ริมฝีปากบางของนาง จนระยะห่างระหว่างทั้งคู่นั้นห่างกันไม่ถึงหนึ่งชุ่น
ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาช้าๆมองไปที่หญิงสาวใต้ร่างมองดู นางที่กัดฟันแน่นดวงตากล้ำกลืนความเจ็บแค้นจน ความโกรธปะทุออกมาจึงได้หยุด
“เห็นหรือไม่?ไม่ว่าเจ้าจะมีความสามารถมากเพียงใดหรือมีพละกำลังมากแค่ไหนแต่บนโลกใบนี้มักจะมีคนประเภทหนึ่งที่แข็งแรงกว่าเจ้าเสมอ เหมือนตอนนี้เจ้ากับข้า เจ้าดิ้นรนต่อสู้โมโห โกรธเคืองแต่เจ้าก็ยังมาอยู่เช่นสภาพนี้
เพราะว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ถ้าหากเจ้าไม่ระมัดระวังแล้วเจอยอดฝีมือเหมือนข้า เช่นนี้ เจ้าตอนนี้จะทำอย่างไรต่อไป?”
เสียงของเขานั้นอยู่ในรัศมีของไข่มุกราวกับพัดไปตาม กระแสน้ำที่ไหลผ่านตามภูเขาให้ความรู้สึกชุ่มชื้นในหัวใจ
คังเสว่มี่รู้ความหมายของคำพูดที่เขาต้องการจะสื่อเขากลัวว่าถ้าหากนางไม่ระวังแล้วเจอกับยอดฝีมือขึ้นมา แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆจะไม่มีวิธีหลบเลยหรือ? ใจของนางนั้นสั่นระรัวทว่าเมื่อนึกถึงคำพูดของเขาเมื่อ นั้นแท้จริงแล้วก็แค่เป็นห่วงนาง เช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมาอีก
เขาจะพูดกันดีๆไม่ได้เลยหรือ?
ถ้าหากพูดกับนางด้วยเหตุผลตั้งแต่แรกนางคงไม่คิดจะกระโดดลงจากรถม้าหรอก
เมื่อกี้ก็ยังทำตัวเป็นอันธพาลทำนางตกใจจนหล่นไปที่ตาตุ่มอยู่เลย แล้วตอนนี้ก็จะมาพูดจาวกวนเป็นห่วงเป็นใยนาง
ถึงแม้ความคิดจะเป็นเช่นนั้นแต่ทันใดนั้นใจกลับรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกยุบยิบในใจเกิดขึ้นแทนที่สีหน้า ไม่เป็นตัวเอง
“ยอดฝีมือไม่มาหลอกเอาหยกอยู่กลางถนนหรอก ถ้าหากเป็นยอดฝีมือจริงก็ต้องแย่งแล้วก็เหาะเหินหาย ไปแล้ว จะยืนรอให้คนมุงดูตนแย่งชิงทรัพย์ทำไม”
จี้จี้เห็นแววตาอ่อนใจฉายออกมาจากนางทว่าปากก็ยัง คงแข็งอยู่ช่วยไม่ได้ที่ถอนหายใจออกมา
“เจ้าเด็กบ๊องข้าไม่ได้หมายถึงครั้งนี้เสียหน่อย ภายหลังการช่วยคนก็ดี แต่ก็อย่าลืมว่าต้องเอาความปลอดภัยของตัวเองเป็น หลักเข้าใจหรือไม่?”
ยังว่านางว่าเด็กบ๊องอีก! คังเสว่มี่ถอนหายใจเสียงดังมองจี้อี้ตาขวางแบะปากพูด
“เจ้ามาพูดกับข้าแบบนี้ทำไม ข้าเด็กโง่ที่แม้กระทั่งทางกลับตำหนักยังจำไม่ได้ เจ้าพูดมากมายข้าก็ไม่เข้าใจหรอก!”
จี้อี้เลิกคิ้วเขารู้สึกว่าร่างในอ้อมกอดของเขานั้นเริ่มอ่อนยวบยาบลง
หยกเนื้ออ่อนที่ห้อยติดตัวที่หน้าอกของเขานั้นมีหนึ่งความรู้สึกของความไม่คุ้นเคยอย่างที่แตกต่างจากอันอื่นราวกับไฟสุมอยู่ที่อกกำลังแพร่ขยาย เห็นใบหน้าไม่สบอารมณ์ของนางแถมเบิกตากว้าง อย่างไม่รู้ตัวอารมณ์ในใจรู้สึกมีความสุขเบาบางในใจและหัวเราะด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ทำไมเจ้าถึงไม่ถือสาโกรธเคืองอะไรเลยในเมื่อทุกวันมี แต่คนพูดถึงเจ้าเยอะขนาดนี้?”
คังเสว่มี่เองก็ไม่รู้ว่าทำไมนางผ่านมันมาได้แล้วตั้งแต่เด็กที่โดนด่าว่าเด็กโง่เด็กปัญญาอ่อน แต่จี้อี้พูดขนาดนั้นแล้วนางฟังแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกับมีไฟร้อนรุ่มในใจ
นางหลุบตาลงต่ำพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง
นางหลุบตาลงต่ำพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ท่านเป็นโอรสองค์โตขององค์จักรพรรดิ มีความรู้และประสบการณ์พบปะผู้คนมากมาย นี่ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าท่านไม่ใช่เป็นคนพูดจาไร้สาระ ถ้าหากท่านพูดเหมือนกับพวกนางว่าข้านั้นโง่นั้นเอ๋อปัญญาอ่อน แสดงว่าในใจของท่านก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ใครๆก็ไม่ชอบให้คนอื่นมาว่าว่าปัญญาอ่อนหรอกใช่ ไหมละ?”
แท้จริงแล้วนางเองก็พูดไม่ชัดเจนว่าเพราะอะไรงั้นก็ ถือว่าอันนี้เป็นเหตุผลนั้นละกัน
จี้อี้ฟังจบก็หัวเราะขึ้นมา รอยยิ้มนั้นเหมือนกับตกอยู่ใต้แสงที่นุ่มนวลประกาย ระยิบระยับ เขายื่นมือออกมาและบีบแก้มเบา ๆ
“คิดได้ขนาดนั้นสมองของเจ้าก็คงไม่ได้โง่จริงๆสินะ”
นางก็ไม่ได้โง่ตั้งแต่แรกไหมละ นางเบะปากพร้อมกับรู้สึกว่าร่างกายนั้นหนักแปลกๆ ถึงได้รู้ว่าจี้อี้นั้นพูดคุยทับร่างกายนางอยู่ตลอด พลางบ่นพึมนํา
“ข้าไม่ได้โง่แต่ว่าเจ้านั้นทับข้านานเกินไปแล้วนะ ทำให้ข้าหายใจไม่สะดวกแล้วก็ทำให้ข้าโง่”
จี้อ็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า
ผ้าคาดหน้าผากหยกรูปจันทร์สีหิมะเปล่งประกายคาด อยู่บนหน้าผากสวยของเขาพลางยิ้มด้วยความสุขและ สบายเป็นกันเอง
“เจ้าผิดแล้ว
ชายหนุ่มนอนทับร่างหญิงสาวถึงแม้จะทับอยู่สามวัน สามคืนก็เพื่อปกป้องผู้หญิงของเขาไม่ใช่ทำให้กลายเป็นคนโง่เพราะหายใจไม่ออก”
ชายหนุ่มกดทับหญิงสาว? สามวันสามคืน?
ทำไมคังเสว่มี่รู้สึกว่าพอฟังแล้วความหมายมันทะแม่งอย่างไรอย่างนั้น
นางจ้องไปที่ที่คาดหน้าผากที่ส่องแสงแวววาวของชายหนุ่มพลางเบะปาก
“ความคิดของท่านช่างเปิดกว้างเสียจริง เพียงแค่คำพูดธรรมดาๆก็ทำให้ต้องมาในที่ที่ไม่ดีต่อร่างกาย”
จี้อี้มองด้วยดวงตาคมที่สวยงามพลางพูดด้วยน้ำเสียง น่าเกลียดน่าชัง
“วาจาของเจ้าก็ช่างร้ายกาจ เพียงแค่คำพูดธรรมดาก็ดึงดูดให้ข้ามายังที่ที่อันตราย”
คำว่าโง่ของนางและคำว่าสามวันสามคืนของเขานั้น ก็ไม่ต่างกันเท่าไรหรอก
แต่ว่า.........
อยู่ในรถม้าที่ปิดแน่นกับผู้ชายถกเถียงปัญหานี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะกับผู้ชายใจดำอย่างจื้อี้และยังตกอยู่ในกับดักแบบนี้นางเองก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไรเหมือนกัน
คังเสว่มี่สนใจคำพูดเหล่านี้มากเกินไปจากนั้นจึงกลับไป ถกเถียงปัญหาก่อนหน้านั้นโดยการเปลี่ยนคำพูดง่ายๆ ขึ้นมา
“เชิญซื่อจื่อถอยออกไปก่อน” เพียงแค่คำเจ็ดคำก็ไม่ได้มีความหมายสองแง่สองง่าม อะไร
จี้อี้เห็นสายตานางนั้นจนปัญญาและเฉลียวฉลาดอย่าง เหมือนเดิมทุกวันก็พยักหน้าพลางพูดว่า
“ข้าถอยก็ได้ถ้าหากเจ้าไม่คิดจะลงจากรถม้าอีก ข้าจะให้ฉวี่ซางหยุดรถเจ้าจะได้ไม่โดดลงไปอีก ถ้าบาดเจ็บขึ้นมาท่านอ๋องคังจะมาตำหนิคนของข้าว่า ทํางานไม่ดี”
ไร้สาระ
ตอนนี้นางไม่มีอารมณ์มาโกรธหรือทะเลาะกับเขาแล้ว แล้วจะโดดลงไปทำไมกัน
"ข้าไม่กระโดดหรอกน่า แถมเจ้ายังติดค้างกระโปรงของข้าอยู่ด้วย เจ้าไม่อยากให้ข้ารีบลงจากรถม้าก็เพราะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยสินะ
ไป๋หลี่เหลียนเคยบอกข้าว่ากระโปรงชุดนั้นมีค่ามากเพราะเป็นการนำผ้าไหมวี่หลันมาทำ"
“ข้าเคยบอกไว้นานแล้ว เห็นเจ้านึกถึงแบบนี้อยากจะปัดหนี้ให้ก็ทำไม่ลง”จี้อี้ค่อยๆถอยออกจากตัวนางช้า ๆ เมื่อร่างที่ทับอยู่ออกไปโดยฉับพลันก็ต้องขมวดคิ้ว แอบๆเหมือนกับว่าอยู่ ๆก็ไม่คุ้นชินเขามองที่ฝ่ามือขวาของตนเองความรู้สึกที่จับเอวบาง ทั้งนุ่มและยืดหยุ่นไม่เหมือนกับบุตรสาวของครอบครัวมั่งมีที่หาได้ทั่วไป มันยังคงเหลืออยู่ที่ฝ่ามือ เด็กหญิงคนนั้นคงฝึกวรยุทธอยู่ทุกวันสินะ เด็กคนนี้ทั้งดื้อรั้นและใจอ่อนคังเสว่มี่ที่โดนทับอยู่นานก็หมุนตัวและล้มลงไปทันที บั้นท้ายกระแทกลงไปล้อมรอบไปด้วยลมหายใจที่ หลอกให้ลุ่มหลงของเขานางถอนหายใจพร้อมกับความรู้สึกแปลกประหลาดใน หัวใจและค่อยไปรับความรู้สึกให้กลับมาสงบอีกครั้งถึง ได้เงยหน้ามองจี้อี้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขานั้นกำลังหลับตาลงอาภรณ์สีม่วงวางอยู่ในตู้รถม้า สายตาหยุดอยู่ที่นิ้วสวยเหมือนหยกและรอยยิ้มกว้างที่ อย่างดีไม่มีแม้แต่รอยยับ ประดับบนใบหน้าทันใดนั้นคังเสว่มี่ก็นึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ได้ว่านางนั้น ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาใจก็เต้นระรัวไม่หยุด โชคดีแค่ไหนที่ตอนนั้นเขาทับร่างนางไว้เสียเปรียบไม่น้อยเลยทีเดียว แถมยังตั้งใจฟังเขาพูดอีกแถมคำพูดของเขายังทำให้ใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นเสียอย่างนั้นแม้จะถูกเอาเปรียบแต่ก็ยังรู้สึกว่าเขานั้นดีต่อนาง! นางหันกลับไปจ้องไปทางจี้อี้เขม็ง“เมื่อกี้เจ้าจะทับข้าไว้ทำไมกัน?”จี้อี้ค่อยๆเงยหน้ามอง “ไม่ใช่เพราะเจ้าจะโดดลงจากรถหรือข้าถึงต้องกอด เจ้าไว้นะ?”คังเสว่มี่อึกอักก็จริงที่ว่านางจะโดดลงจากรถม้าจี้อี้ถึงได้กอดทับนางเอาไว้
copy right hot novel pub