คังเสว่มี่หันไปทางจี้อี้
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอกลับตำหนักไปจัดการทุกอย่างก่อน แล้วก็นำแผนการทั้งหมดอย่างละเอียดมาให้เจ้าดู!"
นางเพียงแค่อยากให้ทุกอย่างรีบดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะมันจะยิ่งดี แบบนี้นางจะได้รีบหาทางกลับโลกอนาคตได้โดยเร็ว
จี้อี้เห็นนางหันหลังเตรียมที่จะเดินออกไปก็ยิ้มออกมาเบาๆและเอ่ยเตือน
“เจ้าไม่ได้มาเพื่อให้ข้าจัดเตรียมรายการหนังสือตำราเพื่อเข้าสอบให้เจ้าหรอกหรือ?”
คังเสว่มี่หยุดเดินตบศีรษะตัวเองเบาๆแล้วหันหลังกลับมา
“จริงด้วย เกือบลืมไปเลย ถ้าเช่นนั้นเจ้าช่วยข้าเขียนได้หรือไม่ รอข้ากลับตำหนักแล้วค่อยไปซื้อมา
จี้อี้ลุกขึ้นยืนและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“หนังสือนั้นข้าเขียนไว้ให้แล้วจะไปหยิบมาให้เจ้าดู เจ้าแค่รอข้าเดินกลับไปหยิบที่ตำหนักก็พอแล้ว”
เป็นเช่นนั้นก็ดีจะได้ไม่ต้องไปร้านหนังสืออีก คังเสว่มี่พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นข้ารอเจ้าตรงนี้ นอกจากหนังสือเรียนพวกนั้นแล้ว เจ้าก็หยิบหนังสือนิทานมหัศจรรย์ ของล้ำค่าลึกลับ หรือหนังสือภูมิศาสตร์ แล้วก็หนังสืออื่นๆมาด้วยก็ได้นะข้าอยากอ่าน”
“เจ้าชอบอ่านหนังสือประเภทนี้หรือ?” จี้อี้เอ่ยถาม
“ใช่ หนังสือพวกนี้มันสนุกนะไม่น่าเบื่อ” คังเสว่มี่ยิ้ม หนังสือพวกนี้มันมีสิ่งที่นางต้องการ จี้อี้มองนางแล้วก็หมุนกลับไปเดินไปยังห้องหนังสือเพื่อเลือกหนังสือ
คังเสว่มี่นั่งรออยู่ในห้องตำราตาจับจ้องที่หนังสือตรง หน้าทีละเล่มๆดูไปเรื่อยๆก็รู้สึกถึงความหนักของเปลือกตา
ช่วงกลางวันของฤดูร้อนสภาพอากาศมักทำให้คนรู้สึก อ่อนเปลี้ยเพลียแรงเป็นพิเศษ ไม่รู้ ว่าจี้อี้จะหาหนังสืออีกนานแค่ไหนนางของีบพักสักหน่อยเสียแล้วกัน
เพียงแค่คิดว่าจะได้ทํารายได้จากร้านหวินเสี่ยงเก๋อ อารมณ์ของคังเสว่มี่ก็ดีขึ้นมาทันตาเพียงแค่พริบตานาง ก็เข้าสู่นิทราอันแสนหวาน
ยามที่จื้อี้โอบอุ้มหนังสือเข้ามาก็เห็นหญิงสาวกวาดทุก อย่างบนโต๊ะออกจนหมดและกำลังสร้างโลกใบใหม่ฟุบ หลับอยู่บนโต๊ะ
เขาอมยิ้มค่อยๆก้าวเดินไปหน้าโต๊ะและวางสมุดในมือลง ฟังเสียงลมหายใจสม่ำเสมอที่ดังขึ้นภายใต้ความเงียบสงัด
และจ้องมองใบหน้างดงามที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา
แสงแดดภายนอกหน้าต่างสาดส่องที่ร่างกายของนาง ปกคลุมไปด้วยสีทองอร่าม
แก้มนวลขาวชมพูใสบนใบหน้าที่นอนทับอยู่บนหลังมือนั้นล้นออกมา
ปากเล็กนั่นที่มักจะเจื้อยแจ้วอยู่เสมอเผยอออกมาเล็กน้อยอย่างน่ารักน่าชัง
เขามองอยู่สักพักก็ละสายตากลับมาและนั่งอยู่บนโต๊ะ ตรงหน้าอย่างเบาแรงและอ่านสมุดบัญชีที่ยังอ่านไม่จบต่อ
ความเงียบสงัดภายในห้องมีเสียงบางเบาของชายหนุ่มพลิกสมุดบ่อยครั้ง
แต่ก็ไม่ได้มีเสียงออกมา เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง เมื่ออ่านจบก็เอาวางไว้ตรงอีกที่อย่างเบามือ
มีบ้างที่จะเงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้าสำรวจใบหน้าใส ดวงตาคมยาวเข้มราวกับหยกใสในฤดูใบไม้ผลิ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ที่ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังออกมา จี้อี้มองคังเสว่มี่ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
จึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูและเจอกับฉวี่ซางที่กำลังจะเคาะประตูเรียกพอดี ฉวี่ซางมองคังเสว่มี่ที่นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะเหมือนกำลังหลับสบายจึงลดเสียงลงอย่างไม่รู้ตัวพร้อมกับเดินตามจี้อี้เข้ามา
“ซื่อจื่อ ท่านอ๋องทราบว่าท่านกลับมาแล้ว จึงให้ท่านไปร่วมเสวยอาหารกลางด้วยกันขอรับ”
จี้อี้ไม่ได้พูดอะไรกลับไปแต่หันกลับไปมองทางคังเสว่มี่
ฉวี่ซางถามอีกว่า “ท่านอ๋องบอกว่าให้ท่านพาคุณหนูใหญ่คังไปร่วมทาน อาหารกลางวันด้วยขอรับ"
จี้อี้กะพริบตา “นางหลับอยู่!"
“หรือว่าจะให้ปลุกคุณหนูใหญ่ขอรับ?” ฉวี่ซางมองจื้อี้และถามอย่างระวัง
“ไม่ต้อง”
จี้อี้มองผ่านร่างของนางไปและเดินเข้าไปยังห้องตำรา
ฉวี่ซางมองไปยังหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทและถอน หายใจออกมา
หากใครที่ได้เข้าใกล้ซื่อจื่อก็คงจะมีท่าทีตื่นเต้นและ อยากจะพูดคุยกับ ซื่อจื่อจนตัวสั่น
การได้พูดคุยกับ ซื่อจื่อนั้นเป็นเกียรติยิ่งนักใครเล่าจะยอมเสียเวลาแม้แต่ครู่เดียวไป
แต่คุณหนูใหญ่คนนี้นั้นต่างออกไปนางนั้นได้นอนหลับ อยู่ในห้องตำราของซื่อจื่อ
แม้แต่เขากับ ซื่อจื่อที่พูดคุยกันอยู่นานก็ยังไม่มีทีท่าว่า จะตื่นขึ้นมา
คังเสว่มีที่กำลังหลับสนิทก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลัง พูดคุยถึงนางอยู่ข้างๆจึงลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าอบอุ่น เลือนรางเลยขยี้ตา
“โล่สุ่ย มีอะไรหรือ?”
โล่สุ่ยเห็นนางสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาจึงตอบกลับด้วย เสียงแผ่วเบาเพราะกลัวจะทำให้นางตกใจ
“ข้าเห็นว่าเลยเวลาอาหารกลางวันแล้ว แล้วท่านก็ยังไม่ลงมาก็เลยมาดู หลับแบบนี้จะไม่สบายตัวในตำหนักมีห้องพักอยู่ท่านจะ เข้าไปพักสักหน่อยมั้ยเจ้าคะ”
คังเสว่มี่ส่ายหน้านางเพิ่งจะหลับไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ตอนนี้ตื่นแล้วก็ไม่อยากที่จะนอนต่อแล้วจึงลุกขึ้นและ ดินออกไปจากห้องตำรา
“ตอนนี้กี่โมงที่ยามแล้ว? ทำไมถึงไม่เห็นจี้อี้เลย?”
“ซื่อจื่อไปเข้าเฝ้าท่านอ๋องจี้เจ้าค่ะ ยังไม่กลับมา”
โล่สุ่ยบอกให้นางลงบันไดอย่างระมัดระวัง เมื่อมาถึงชั้นล่างก็นำชามใส่น้ำมาไว้ข้างหน้า
“คุณหนูใหญ่คังล้างหน้าก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าจะไปเตรียมอาหารกลางวันให้นะเจ้าคะ"
คังเสว่มี่ที่ยังคงมึนงงก็ใช้น้ำล้างหน้าความง่วงที่มีอยู่ก็ หายไป
นางหาวออกมาอย่างเกียจคร้านพลางมองเห็นชายหนุ่ม ร่างสูงเดินเข้ามาจากทางเดินกล้วยไม้หิมะไกลๆ
“เสว่มี่ ข้าว่าแล้วเชียวว่าเจ้าต้องอยู่ที่นี่!”
ชายที่สวมเสื้อผ้าไหมสีม่วงอ่อนเสียงดังมาแต่ไกล ผมปลิวไสวไปพร้อมกับสายลมและมงกุฎสีทองบนศีรษะ
ดวงตากลมใสราวกับลูกท้อและรอยยิ้มสดใสในมือถือพัดโบกไปมากลางอากาศ ใบหน้าสดใสราวกับต้นไห่ถาง
คังเสว่มี่เห็นชายหนุ่มที่ยิ้มเจ้าชู้ออกมา เมื่อวานยังคิดอยู่เลยว่าช่วงนี้เขานั้นกำลังทำอะไรอยู่ นานแล้วที่ไม่ได้เจอไป๋หลี่เหลียน
นางลุกขึ้นยืนและตะโกนโบกมือเรียก
“ไป๋หลี่เหลียน!”โล่สุ่ยได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอกเลยชะโงกหน้าออกมาดู ก็เห็นคังเสว่มี่วิ่งไปทางซุ้มกล้วยไม้หิมะอย่างร่าเริงฉับพลันนางก็ตกใจจนต้องวางของในมือลงและวิ่งตามออกไป เอ่ยเรียกอย่างร้อนรน“คุณหนูใหญ่คัง กล้วยไม้หิมะทางนั้นมันมีค่ายกลเจ้าค่ะ ท่านอย่าวิ่งไปข้างในนะเจ้าคะ!”การเคลื่อนไหวของคังเสว่มี่ช้าลงได้ยินคำพูดของโล่สุ่ยก็รีบหยุดชะงักฝีเท้าลงและหยุดห่างจากกล้วยไม้หิมะ เพียงแค่สองก้าวเท่านั้นไป๋หลี่เหลียนที่อยู่ตรงข้ามก็ค่อนข้างที่จะซวยไป เขาเห็นว่าคังเสว่มี่ ยืนอยู่ทางนี้ก็ยกชุดและเหาะข้ามมาเมื่อเขาได้ยินคำพูดของโล่สุ่ยก็ตอนที่เท้าของเขานั้น ก้าวเข้ามายังซุ้มกล้วยไม้หิมะเสียแล้ว“รีบถอยกลับไป!”ถึงแม้ว่าคังเสวมี่จะไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีค่ายกลอะไร ทว่าได้ยินน้ำเสียงตื่นตระหนกของโล่สุ่ยก็รู้สึกได้ว่ามัน ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่หลังจากที่เท้าข้างหนึ่งของไป๋หลี่เหลียนก้าวเข้าไปแล้ว ก็รู้สึกว่ามันไม่ปกติจึงหันหลังและเตรียมที่ถอยออกไป แต่ข้างในนั้นมีแรงดึงดูดไหลออกมามหาศาลเหมือนกับกำลัง ดึงเท้าของเขาเอาไว้ทำให้เขานั้นตกเข้าไปในดงกล้วยไม้หิมะสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีพลางกางพัดในมือ พัดกลายเป็นสีเขียวหยกและปาไปยังด้านหลัง พัดนี้เขาใช้กำลังภายในถึงเจ็ดส่วนและใช้แรงนั้นส่งตัวเองให้พุ่งขึ้นไปด้านบนปลายเท้าเตะเหล่ากล้วยไม้หิมะออกไป แต่กลับพบว่าแรงดันร่างกายนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
copy right hot novel pub