โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 167 ค่ายกลหลิงหลง

ทั่วทั้งร่างเหมือนกับมีหินมากดทับร่างเอาไว้ให้ติดกับพื้น

ไป๋หลี่เหลียนตกใจเจ้าจิ้งจอกจี้แสนเจ้าเล่ห์เจ้าเปลี่ยน ค่ายกลของเจ้าอีกแล้ว!

“แย่แล้ว!”

โล่สุ่ยเห็นคังเสว่มี่ชะงักฝีเท้าก็รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่เมื่อหันไปเห็นไป๋หลี่เหลียนก็รู้ว่าเตือนช้าไปก้าวหนึ่ง เท้าของเขานั้นได้ก้าวเข้าไปยังซุ้มกล้วยไม้หิมะแล้วเรียบร้อยโดนแรงกดกดร่างไว้ทำให้ขยับตัวไม่ได้

คังเสว่มี่เห็นว่าหลังจากที่ไป๋หลี่เหลียนเข้าไปในซุ้มกล้วยไม้หิมะแล้วก็เห็นว่าเคลื่อนไหวแปลกไป เหมือนกับเขากำลังต่อสู้อยู่กับอะไรบางอย่าง

และเมื่อเห็นว่าเขานั้นถูกกดลงกับพื้นจนไม่สามารถ ขยับไปไหนได้สีหน้าแดงเถือกราวกับกำลังขาดอากาศหายใจ

แข้งขามือไม้ปัดป่ายไปมา นางจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ตนและจี้อี้เข้ามายังคิดอยู่ว่า ตำหนักวี่หลันนั้นเงียบสงบและสวยงาม พื้นที่เปิดโล่งไม่มีแม้แต่สิ่งกีดขวางใดๆ

ไม่ว่าใครก็ตามที่เขามาก็สามารถเดินเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

ถึงมันจะไม่ค่อยเหมาะกับนิสัยที่ไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ เกินสามฟุตของจี้อี้ก็ตาม

แต่วันนี้ได้รับรู้แล้วว่ามีค่ายกลปกคลุมทั่วพื้นที่ของซุ้มกล้วยไม้หิมะถึงจะดูเหมือนปกติก็เลยหันไปถามโล่สุ่ย

“นี่มันค่ายกลอะไร ทำไมตอนข้าเข้ามามันถึงไม่มี? ไป๋หลี่เหลียนมีเรื่องอะไรกับ จี้อี้หรือไม่?”

โล่สุ่ยวิ่งออกมาจากในห้องและเห็นว่ามีคนตกอยู่ค่ายกลคนนั้นสวมชุดสีม่วงอ่อน ใบหน้าหล่อเหลามาพร้อมกับความเจ้าชู้ มองก็รู้ว่าเป็นองค์ชายหกไปหลี่เหลียน

ทันใดนั้นสายตาฉายแววเป็นห่วงก็มองไปทางคังเสว่มี่

“ค่ายกลของซุ้มกล้วยไม้หิมะทั้งหมดจี้อี้เป็นคนออกแบบและวางแปลงเจ้าค่ะ ตอนที่ท่านเดินเข้ามาพร้อมกับจี้อี้ก็เลยไม่เป็นอะไร"

“แล้วต้องทําอย่างไรถึงจะทําลายค่ายกลได้?" คังเสว่มี่ขมวดคิ้วถาม

โล่สุ่ยส่ายหน้า ใบหน้าอบอุ่นแสดงออกถึงความรู้สึกเสียใจ

“ค่ายกลของตำหนักวี่หลันนั้นเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ค่ายกลของวันนี้นั้นถูกเปลี่ยนไปเมื่อวาน ได้ยินซื่อจื่อเรียกว่าค่ายกลหลิงหลง ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจค่ายกลนี้นัก แล้วก็ไม่รู้ถึงอานุภาพของมัน แต่ว่าค่ายกลของ ซื่อจื่อนั้นไม่เคยมีอะไรง่ายเลยเจ้าค่ะ!”

ค่ายกลที่ซื่อจื่อออกแบบ หลายปีมานี้ไม่มีใครได้มาย่างกราย หรือถ้ามีใครเข้ามาและตกอยู่ในค่ายกลของตำหนักวี่หลันก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น แต่ว่าไป๋หลี่เหลียนแตกต่างจากคนอื่น เขานั้นเป็นองค์ชายและมีความสัมพันธ์กับจี้อี้เองก็ไม่ธรรมดา

ถ้าหากตำหนักวี่หลันเกิดเรื่องขึ้นก็คงจะยุ่งยากไม่น้อยเลยทีเดียว

คังเสว่มี่เห็นใบหน้าหล่อเหลาของไป๋หลี่เหลียนนั้นแดงมาก

ใจก็ร้อนรนขึ้นมากัดริมฝีปากไปมาและเงยหน้ามองไป ทางโล่สุ่ย

“เจ้าหาทางออกได้ไหม?”

โล่สุ่ยพยักหน้า “ซื่อจื่อไม่ได้บอกเส้นทางออกจากค่ายกลของตำหนักนี้ไว้เจ้าค่ะ”

สถานการณ์คับขันเช่นนี้สมองของคังเสว่มี่ก็ยิ่งต้องมี จากนั้นนางก็ถ่ายทอดคำสั่งออกไปอย่างรวดเร็ว สติรีบวิเคราะห์สถานการณ์

"เจ้ารีบออกไปกราบทูลท่านอ๋องให้จี้อี้กลับมาโดยไว ข้าจะอยู่รอดูที่นี่ว่าจะมีวิธีช่วยยังไงได้บ้าง!"

นางตอนนี้นั้นช่างเย็นชาแตกต่างจากเด็กสาวที่มีความ น่ารักก่อนหน้า

โล่สุ่ยมองอย่างตะลึงพลางพยักหน้าอย่างรีบเร่ง

“เจ้าค่ะ!” ก่อนที่จะเดินไปก็ยังไม่วายหันมากำชับว่า “คุณหนูใหญ่คัง ทางเข้าค่ายกลนั้นอันตรายยิ่งนัก ท่านอย่าได้เสี่ยงเข้าไปเลยดีกว่านะเจ้าคะ”

“ข้ารู้แล้ว”

เมื่อได้ยินนางรับปาก โล่สุ่ยก็รีบยกกระโปรงวิ่งไปทางซุ้มกล้วยไม้หิมะโดยไว คังเสว่มี่จับจ้องฝีเท้าของนาง ทุกฝีก้าวที่ก้าวผ่านนั้นมีกฎของมัน นางนั้นเป็นคนสมัยใหม่คนหนึ่งในอาณาจักรของคนยุคใหม่นั้นความรู้เกี่ยวกับค่ายกลนั้นน้อยนัก รู้มากสุดก็คือจําพวกธาตุในร่างกายจําพวกนี้

จ้องทางที่โล่สุ่ยเดินออกไปอยู่นานก็ไม่ยักจะเห็นประตูสักบาน

แต่ว่า.....

คังเสว่มี่กำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็หมุนตัวไปพลางตะโกนไปทางที่ไป๋หลี่เหลียนกำลังดิ้นทุรนทุราย

“ไป๋หลี่เหลียน เจ้าได้ยินข้าพูดหรือไม่?...

ถ้าได้ยินเจ้าเก็บกำลังภายในเอาไว้อย่าได้ใช้มัน!"

"ไป๋หลี่เหลียน ได้ยินคำพูดข้าหรือไม่"

กําลังกายในทั้งหมดของไปหลี่เหลียนนั้นรวบรวมออก มาหมดแล้ว

ใช้แรงทั้งหมดที่มีต่อต้านแรงกดที่กดดันร่างกายไว้ทุกครั้งที่เพิ่งกำลังภายในแรงนั้นมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ

แรงที่กดนั้นเหมือนกับหินก้อนใหญ่ทับร่างกายเอาไว้ ลมหายใจเริ่มขาดห้วงขึ้นเรื่อยๆ

นี่มันค่ายกลอะไรทำไมมันถึงร้ายแรงเช่นนี้! ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังฟังชัดขึ้นในหู สมองเหมือนกับถูกฟ้าผ่าทันใดนั้นก็ได้สติขึ้นมา

ใช่แล้ว

ตั้งแต่ที่เขานั้นก้าวเขามายังซุ้มกล้วยไม้หิมะนี้ เดิมทีเขานั้นเตรียมที่จะใช้วิชาตัวเบาเหาะข้ามไปแต่ มันก็มีแรงบางอย่างฉุดรั้งเท้าเขาเอาไว้ แล้วเมื่อเขาใช้กำลังภายในเจ็ดส่วนก็ถูกแรงกดดัน ร่างกายเอาไว้ จนไม่สามารถขยับได้เลยในตอนนี้

อีกนัยหนึ่งก็คือค่ายกลนี้มันมีการสะท้อนกลับ เจ้าใช้แรงมากเท่าไรมันก็จะยิ่งใช้แรงกลับเพิ่มขึ้นเท่า

ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยมือและปล่อยกำลังภายในทั้งหมดออก แรงดันมหาศาลนั่นก็ออกไปจากหน้าอกเช่นกัน

เขาถอนหายใจและตะโกนออกไป

“เสวมี่ เจ้าเก่งมากเลย

แค่แปปเดียวก็สามารถถอนค่ายกลของเจ้าจิ้งจอกจี้ได้ แล้ว!”

เมื่อกี้นางเห็นโล่สุ่ยเดินเข้าไปในค่ายกลทีละก้าวๆก็คิด ขึ้นมาได้ว่าวรยุทธ์ของโล่สุ่ยนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น คังเสว่มี่ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด

การจะไปแจ้งข่าวให้ด่วนนั้นการเหาะไปนั้นจะเร็วที่สุด แล้วทำไมถึงได้ค่อยๆเดินไปอย่างนั้น

สาเหตุที่นางนั้นไม่ใช้วิธีนั้นมีเพียงแค่สาเหตุเดียว นั้นก็คือตอนที่ต้องผ่านค่ายกลนี้จี้อี้บอกไว้ว่าไม่สามารถใช้กำลังภายในได้

เมื่อรวมกับสถานการณ์ของไป๋หลี่เหลียนนางเดาได้อยู่ แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้

แต่ว่า....

จี้อี้จะใช้เพียงแค่วิธีผ่อนคลายกำลังภายในแล้วจะถอน ค่ายกลได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?

แต่ละคนนั้นมีรูปแบบของตนเองในการทำอะไรบางอย่าง ความคิดของจี้อี้นั้นลึกดั่งมหาสมุทร ค่ายกลที่เขาวางไว้มันคงไม่ถอนง่ายขนาดนั้น มันไม่ค่อยเหมาะกับนิสัยของเขาเท่าไหร่นัก“ เจ้าระวังตัวด้วย ค่ายกลนี่มันไม่น่าถอนง่ายขนาดนั้น!"ค่ายกลหลิงหลง นี่มันอะไรกันค่ายกลหลิงหลง.....เนี่ย!สายลมฤดูร้อนพัดผ่านกลีบดอกกล้วยไม้หิมะจำนวน มากกลิ้งตัวโบกสะบัดไปตามสายลมและพลิ้วอย่างงดงาม ดอกกล้วยไม้พลิ้วไปข้างหน้าของคังเสว่มี่ เหมือนกับใบพัดขนาดเล็กที่หมุนเป็นวงกลมอย่างไม่ หยุดหย่อนสมองของคงเสว่มี่เหมือนกับถูกเข็มทิ่มแทง ตรงหน้ามีแสงขาวแดงกะพริบระยิบระยับตัดกันไปมา อย่างไม่ขาดสาย ท่ามกลางความมึนงงและอาการวิงเวียน มีเสียงแวบเข้ามาในหัว ท่ามกลางนภาที่กว้างใหญ่ราวกับสรวงสวรรค์เหมือน ภาพลวงตา“ค่ายกลหลิงหลงเป็นหนึ่งในสุดยอดค่ายกลของซวนเหมินและเปลี่ยนมาจากวิชาโจวอี้เป็นที่เลื่องชื่อในการ เปลี่ยนแปลงร้อยแปดพันเก้ารูปแบบทุกครั้งที่เปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ถ้าหากต้องการถอนค่ายกลแล้วช่วยคนในนั้นออกมาวิธีเดียวที่ทำได้ก็คือบุกค่าย เมื่อบุกเข้าไปมากคนรอดก็น้อยตายเก้ารอดหนึ่งก็เลยถูกเรียกว่าค่ายกลเก้าต่อชีวิต”ถ้าหากมีคนอยู่กับคังเสว่มี่ตอนนี้ และเห็นดวงตากลมโตดำสนิทของนางกำลังเริ่ม เลื่อนลอย จิตวิญญาณในดวงตาเหมือนกับไม้ที่ถูกเผาไหม้เกรียม ทั้งร่างประหนึ่งท่อนไม้แข็งที่ไร้จิตวิญญาณ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายเหมือนกับไม่มีอะไรอยู่เลย มีเพียงแค่เสียงที่ดังขึ้นในหัวอย่างไม่รู้ที่มาวนเวียนอยู่“เอ่อ เข้ามาในค่ายกลนี้สิ ให้ข้าทดสอบวรยุทธ์ของเจ้าหน่อยว่าฝึกถึงขั้นไหนแล้ว?”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์