หัวสมองของนางนั้นขาวโพลนไปหมดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่
ท่าทีที่เกิดขึ้นกับนางในเวลานี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับนาง เรื่องราวเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรนาง เองก็ไม่รู้
ถ้าให้พูดตามหลักแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของนาง นางก็ต้องจําได้ ถ้าอย่างนั้นนางคงไม่สามารถบอกจี้อี้ได้ มันไม่มีหลักฐานที่จะบอกนางว่านางนั้นเป็นวิญญาณไป สิงร่างของผู้อื่น
"เห้อ....." จะพูดอย่างไรดี
ได้ยินนางถอนหายใจออกมาแผ่วเบาจี้อี้ก็มองนางด้วยแววตาลึกซึ้ง
“เจ้าค่อยๆพูดก็ได้ข้าไม่รีบ"
คังเสว่มี่หน้านิ่วคิ้วขมวดพลางพูดออกมาด้วยความกลุ้มใจ
“เมื่อสักครู่นั้นมันเหมือนกับข้าถูกสิ่งชั่วร้ายเข้าครอบงำ ข้ารู้ว่าค่ายกลนี้อันตรายก็ยังคงก้าวเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว ข้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ข้าพูดออกมาแล้วเจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า”
“ข้าเชื่อ.. จากที่ดูท่าทีของเจ้าแล้วเมื่อสักครู่ถ้าหากไม่ใช่ฝันกลางวัน นอกจากปีศาจร้ายอย่างอื่นก็ไม่มีแล้ว”
จี้อี้พยักหน้าเหมือนกับเชื่อคำพูดของนาง
คังเสว่มี่เองก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะเชื่อหรือไม่และพูดต่อ “ตอนนี้เจ้าก็ปล่อยข้าได้แล้ว”
“อืม”
จี้อี้กลั้นยิ้มมองนางปากพูดตอบรับออกไป แต่มือก็ยังวางอยู่บนเอวบางเหมือนเดิม
คนคนนี้มันไร้ยางอายยิ่งนัก!
คังเสว่มี่ยังห่วงใยไป๋หลี่เหลียนที่ยังอยู่ในค่ายกล ไป๋หลี่เหลียนเวลานี้เสื้อตรงไหล่ของเขานั้นขาดเป็นสองท่อนไม่รู้ว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง
นางไม่สนใจว่าจี้อี้ยังกอดนางอยู่หรือไม่แต่นางจะไม่ ยอมปล่อยโอกาสช่วยไป๋หลี่เหลียนให้หลุดมือไปอีก
“เจ้าถอนค่ายกลหลิงหลงก่อนเลย ถึงแม้เจ้าจะเป็นลูกรักของฮ่องเต้แต่ไป๋หลี่เหลียนก็เป็น โอรสของฮ่องเต้เช่นกัน เจ้าอาจจะเดือดร้อนเอาได้ถ้าเกิดไป๋หลี่เหลียนเป็นอะไรขึ้นมา”
“นี่เจ้ากำลังเป็นห่วงข้าอย่างนั้นหรือ?” จี้อี้ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองไปที่ไป๋หลี่เหลียน เขายิ้ม ในตาของเขานั้นมีแต่ภาพของนาง
คังเสว่มี่เห็นเขายิ้มทั้งๆที่จะมีคนตายเพราะเขา
“จี้อี้เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ? เจ้าหยุดค่ายกลหลิงหลงเดี๋ยวนี้ ไป๋หลี่เหลียนยังอยู่ข้างในนั้นนะ!”
จี้อี้ยังคงสงบและผ่อนคลายอยู่เหมือนเดิม แม้จะได้ยินเสียงตะโกนร้องของไป๋หลี่เหลียนมุมปากก็ ยิ้มกว้างขึ้น
“ข้าได้ยินแล้ว เจ้ากลัวข้าจะลำบากไม่ใช่หรือ?”
เขาโคลงศีรษะไปมาผ้าสีเขียวตกลงมาตรงไหล่ ดวงตายิ้มเหมือนกับภาพวาด ที่มีบทกลอนและเสียงเพลงบรรเลงอยู่
คังเสว่มี่ตะลึงไม่รู้ทำไมหน้าร้อนขึ้นมาจนไม่กล้าสบตา กับเขาจนสายตาไปตกที่ไป๋หลี่เหลียนน้ำเสียงร้อนรน ดังมาแต่ไกล
“ใช่ ข้าเป็นห่วงเจ้า แล้วก็เป็นห่วงไป๋หลี่เหลียนด้วย เจ้ารีบหยุดค่ายกลเดี๋ยวนี้เลยนะ"
ความสุขของเขานั้นเห็นได้ในดวงตาของเขาและหายไปในพริบตา เร็วจนมองไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง เขาหันไปมองไป๋หลี่เหลียนพลางเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่ตายหรอก"
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะมั่นใจแต่คังเสว่มี่ก็ลังเลสอง จิตสองใจ
“ไม่ตาย?”
“ถ้าหากตายง่ายแบบนี้เขาก็คงไม่ใช่หนึ่งในสามองค์ชายหรอก”
“จี้อี้ เจ้ามันจิ้งจอกใจดำ ข้าว่าแล้วว่าเจ้าจะไม่หยุดค่ายกลแน่ๆ แต่ว่าที่เจ้าพูดก็ไม่ผิด ข้าจะตายแบบนี้ไม่ได้"
เห็นเพียงไป๋หลี่เหลียนเหาะออกมาจากค่ายกลมายืน ข้างๆคนทั้งสอง
เสื้อผ้าขาดวิ่นผมเผ้ายุ่งเหยิงมงกุฎหลุดออกจากศีรษะแต่ทว่าพัดยัง คงโบกสะบัดอยู่ในมือของเขาใบหน้างดงามเหมือนต้นไห่ถางยิ้มอย่างมีชัยชนะ
คังเสว่มี่เห็นว่าเขาออกมาได้ดวงตาก็เป็นประกาย “ไป๋หลี่เหลียน เจ้าออกมาแล้ว!”
ไป๋หลี่เหลียนพยักหน้าแต่คิ้วยังคงขมวดอยู่พลางกระพริบตา
“แน่นอน เพราะอย่างนั้นเจ้าไม่ต้องไปขอร้องเจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่เลย
เขามองข้าตกลงไปในค่ายกลแต่ไม่แม้แต่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ”
คังเสว่มี่ตะลึงหลังจากที่ได้ยินเหมือนกับว่าไป๋หลี่เหลียนไม่ใช่คนแรกที่ตกไปยังค่ายกลของจี้อี้และโดน จี้อี้ไม่สนใจไยดีแบบนี้
ไป๋หลี่เหลียนสะบัดพัดพลางหันไปยิ้มอย่างมีเลศนัยไปทางจี้อี้
“จี้อี้ ดูเหมือนฝีมือของเจ้าจะถอยหลังไปเยอะเลยนะข้าจัดการแค่นิดเดียวก็ทำลายค่ายกลของเจ้าได้แล้ว ค่ายกลหลิงหลงก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าของ”
จี้อี้ยิ้มเล็กน้อย
“จริงหรือ? เจ้าก็เคยเข้ามาตำหนักวี่หลันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แล้วทำไมไม่เคยเข้ามาได้เลยสักครั้งละ?”
ไป๋หลี่เหลียนเลิกคิ้วพลางหันไปทางคังเสว่มี่และฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับดวงตามที่โค้งอย่างดงาม
“เพราะว่าในตำหนักวี่หลันแต่ก่อนมีแค่เจ้าคนเดียวมองดูแล้วมันไม่มีกำลังใจ ข้าชายหนุ่มรูปงามผู้ชื่นชอบของสวยๆงามๆ
เวลามองหญิงงามก็ทำให้ข้ามีแรงกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา วันนี้ได้พบเจอคังเสว่มี่นางเป็นเหมือนต้นกำเนิด พลังงานของข้าก็เลยทำให้ข้ามีแรงทำลายค่ายกลหลิงหลงของเจ้าได้
ตอนพูดจบพร้อมกับหันไปมองทางคังเสว่มี่
คังเสว่มี่หรี่ตามอง ได้ยินคําพูดของไป๋หลี่เหลียนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ เหล่าหญิงสาวพอใจ
ริมฝีปากสวย ไม่เคยจะลืมหยอดคําหวานชมความงาม ให้หญิงสาวต้องใจเต้น
จี้อี้หันไปมองนางสายตาจับจ้องไป๋หลี่เหลียนพร้อมกับพูดถากถาง
" เจ้าพูดไม่ผิด ถ้าหากนางไม่อยู่ที่นี่เจ้าก็คงทำลายค่ายกลหลิงหลงไม่ได้"
ไป๋หลี่เหลียนได้ยินน้ำเสียงเย้ยหยันอยู่ในนั้น พร้อมกับคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้และหันไปมองทางแปลงดอกไม้
ริมทางของซุ้มกล้วยไม้หิมะตรงบริเวณนั้นกลับไม่มีแม้แต่ดอกกล้วยไม้เหลือแต่เพียงพื้นดินเปล่าๆ
ตรงนั้นเป็นตำแหน่งที่คังเสว่มี่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้
ไป๋หลี่เหลียนขมวดคิ้วพร้อมกับพัดไปมาและชี้ไปยังจุด ที่กล้วยไม้หายไปพร้อมกับมองจี้อี้
“ตรงนี้นางเป็นคนทําลายหรือ?"
“แน่นอนมิเช่นนั้นเจ้าจะออกจากค่ายกลหลิงหลงได้อย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ"
จี้อี้มองอย่างสงสัยเล็กน้อยแต่ว่าน้ำเสียงนั้นไม่พอใจเล็กน้อย
ไป๋หลี่เหลียนยกชุดขึ้นแล้วนั่งยองๆพร้อมกับมองคังเสว่มี่อย่างไม่เชื่อ“เสวมี่ เมื่อสักครู่ตรงตำแหน่งที่เจ้ายืนต้องผ่านซุ้มกล้วยไม้หิมะ ผ่านเข้ามาหรือไม่?"คังเสว่มี่เพิ่งจะเห็นตรงที่ที่เปลี่ยนไป พื้นดินเปล่าๆเทียบกับกล้วยไม้หิมะช่างบาดตายิ่งนัก นางมองแล้วจำได้ว่าที่นางยืนก่อนหน้านี้เหมือนกับที่ที่ นางยืนอยู่ตอนนี้ทว่าทางเข้าที่นางต้องเข้าไปนั้นไม่ใช่ ซุ้มกล้วยไม้หิมะแต่เป็นป่าหินสีฉาดตอนนั้นที่เห็นน่าจะเป็นความทรงจำจากในสมอง แต่ว่าตอนที่นางก้าวเข้าไป..พลังงานนั้นมันมีมากกว่านี้พอเหยียบเข้าไปกล้วยไม้ข้างในก็จะสลายหายไปนางนึกถึงคำพูดแน่วแน่ของจี้อี้ที่บอกว่าไป๋หลี่เหลียน จะไม่เป็นอะไรแสดงว่าจี้อี้นั้นมองเห็นตรงจุดนี้นานแล้วคนๆนี้ไม่มองไปตรงนั้นแล้วเขารู้ได้อย่างไร? คังเสว่มี่ลูบจมูกไปมา “เอ่อ น่าจะยืนอยู่ตรงนี้นะ”ไป๋หลี่เหลียนเขยิบเข้าใกล้มองนางและถอนหายใจ“ข้าว่ากำลังภายในของเจ้านั้นแข็งแกร่งมาก เจ้าดูสิกล้วยไม้หิมะตรงนั้นถูกกำลังภายในของเจ้าทำลายไปจนหมดข้าจะบอกว่าพลังของค่ายกลเมื่อครู่นี้นั้นลดลงจากตอนที่ข้าหลุดเข้าไปในตอนแรกมาก ถึงกับทำลายส่วนหนึ่งของค่ายกลทั้งหมดได้นี่เจ้านี่แกร่งจริงๆ”สายตาของคังเสว่มี่ยังคงจับจ้องอยู่ตรงพื้นดินว่างเปล่า และพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อครู่นี้ ตอนนั้นชั่วแวบหนึ่งที่นางรู้สึกว่าร่างกายนั้นเต็มเปี่ยม ไปด้วยพลังภายในเห็นค่ายกลหลิงหลงก็ไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว
copy right hot novel pub