เมื่อสิ้นสุดเสียง ดวงตาที่ดำสนิทราวกับยามราตรีในตอนเที่ยงคืนของพี่สาวสุดสวยก็โค้งมนขึ้น ราวกับได้ยินคำพูดอะไรที่ไม่น่าเชื่อ จากนั้นนางก็สะบัดแขนเสื้อออกไป ราวกับต้องลมอย่างสง่างาม
คังเสว่มี่เดินตามออกมาที่โต๊ะด้านนอก ดวงตาคู่สวยของพี่สาวคนสวยก็จ้องมองไปทางคังเสว่มี่อย่างไม่กระพริบตา รอยยิ้มมุมปากจางๆก็ค่อยๆคลี่ออกมา จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการเยาะเย้ย
“จากนี้ไปข้าขอเรียกเจ้าว่า แม่นางน้อยก็แล้วกัน ข้าอยากรู้ว่าเจ้านั้นเป็นผู้ใดเพราะเหตุใดเจ้าถึงได้เสนอความต้องการเช่นนี้ออกมาล่ะ
คังซื่อจือเป็นลูกค้ารายใหญ่ของทางร้านอาหารจุ้ยเซียนของเรา ในหนึ่งเดือน ก็คือสามสิบวัน อย่างน้อยก็มียี่สิบวันวันที่เขาอยู่ที่นี่ หากไม่ต้อนรับเขา ตัดช่องทางการหาเงินอย่างนั้นไม่เป็นการขาดรายได้อย่างใหญ่หลวงของร้านอาหารจุ้ยเซียนหรอกหรือ?”
คังเสว่มี่หัวเราะออกมา “ข้าเป็นผู้ใดนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ ข้ารู้ว่าการทำธุรกิจค้าขายนั้นก็เพื่อสร้างกำไร ในเมื่อสามารถเสนอความต้องการเช่นนี้กับเถ้าแก่ของเจ้าได้ ย่อมไม่ทำให้เถ้าแก่ของเจ้าขาดทุนอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าของสิ่งนี้ในมือของข้า จะสามารถเปลี่ยนเป็นคำสัญญาของข้ากับเจ้าได้ หรือไม่?”
เมื่อพูดจบคังเสว่มี่ก็นำป้ายหยกยื่นออกไปตรงหน้าของพี่สาวแสนสวย เมื่อดวงตาของพี่สาวแสนสวยก้มลงมองป้ายหยกที่คังเสว่มี่วางลงมานั้น ขนตาที่เรียวยาวก็ถูกปกคลุมไปด้วยหยดน้ำร่างกายสั่นเทาพร้อมกับจ้องเขม็งไปทางคังเสว่มี่ครั้งนี้ สายตาของนางลึกซึ้งยิ่งขึ้น ภายใต้ปฏิกิริยาโต้กลับของผลึกน้ำภายในลูกตาดำขลับ ที่สะท้อนความแวววาวอำพันอย่างชัดเจนออกมา
ผ่านไปชั่วครู่ นางก็ยื่นนิ้วออกไป ผลักป้ายหยกนั้นออกไปเบาๆ จากนั้นก็นั่งลงบนม้านั่งแล้วเอนกายพิงพนัก นางเชิดปลายคางที่ดูงดงามเห็นโครงหน้า อย่างชัดเจนขึ้น มุมปากกระตุกเล็กน้อย อย่างสบายใจ
“ป้ายหยกชิ้นนี้เป็นของที่ล้ำค่าอย่างมากชิ้นหนึ่ง ใช้มันไปแลกเป็นเงินตราไม่มีขีดจำกัดในทุกๆวันไม่ดีกว่าหรือ เจ้าจะได้มีเงินทุนหมุนเวียนที่สามารถควบคุมมันไว้ในมือได้ ซึ่งมันก็ไม่ด้อยไปกว่ารางวัลและค่าบริการ ของคังซื่อจื่อที่มาใช้จ่ายในแต่ละเดือนเลยเชียวนะ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง มันก็ไม่ใช่เพียงแค่เงินเท่านั้นด้วยที่เจ้าจะได้จากหยกชิ้นนี้”
พี่สาวแสนสวยหยุดชะงักไปสักพัก นัยน์ตาของนางก็เปล่งประกายแวววาวออกมา เปิดเผยความรู้สึกรักใคร่โดยที่ไม่รู้ตัว ได้มองไปทางป้ายหยกในมือของคังเสว่มี่ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราวกับเสียดาย อย่างยิ่งยวด :
“เจ้าก็รู้ คังซื่อจื่อเขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลของตำหนักอ๋องคัง หากเขาอยากเข้ามาข้าย่อมขัดขวางเขาไว้ไม่ได้ เจ้าคิดดูสิ ร้านอาหารจุ้ยเซียนอันเล็กนิดเดียวของข้า จะไปล่วงเกินต่อผู้สืบทอดตระกูลอ๋องคังได้อย่างไร? หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ร้านของข้าไม่เสียเปรียบกว่าหรือ ซ้ำร้าย คังซื่อจื่อเป็นลูกผู้มีอำนาจสูงศักดิ์คนแรกของเมืองหลวง ที่กล้ามายังร้านอาหารจุ้ยเซียนได้ทุกวัน นี่ก็เป็นการป่าวประกาศที่ดีที่สุดของทางร้านของข้า คนผู้อื่นก็ล้วนแล้วแต่เลื่อมใสในชื่อเสียงของของเขา และนี่ก็ถือว่านี่ก็เป็นแหล่งรายได้อย่างหนึ่งของข้าเชียวนะ!"
ใบหน้าของสาวงามแฝงไปด้วยรอยยิ้มบางหอมหวานโดดเด่น หางตาลูกท้อที่แฝงไปด้วยแววตางามสง่าท่วงท่าที่อ่อนช้อยและมีเสน่ห์ถูกซ่อนอยู่ในระหว่างการยกมือแยกเท้าเหล่านั้น
หากคนผู้อื่นที่มาคุยธุรกิจค้าขายกับนาง เกรงว่าจะยังไม่ได้พูดคุยก็คงจะหลงไหลในมนต์เสน่ห์นี้เข้าไปแล้วเข้าแล้ว แต่คังเสว่มีไม่ได้ถูกเอกลักษณ์ภายนอกของนางดึงดูดแต่อย่างใด ไม่มีการอิจฉาริษยาในเพศเดียวกัน และก็ไม่มีทางถูกความงดงามเย้ายวนจิตใจ อย่างแน่นอน
แต่ชั่วพริบตาเดียว เมื่อสาวงามได้ยินความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของ อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีปฏิเสธโดยตรงแต่อย่างใด นั่นย่อมแสดงว่ายังพอมีโอกาส
ริมฝีปากของคังเสว่มี่กระตุกเล็กน้อย หางตาลึกซึ้ง น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน กลับมีความเชื่อมั่นในตัวเองอยู่ลึกๆ
“เถ้าแก่ เจ้าก็อย่าพูดอ้อมค้อมกับข้าเลย หากต้องการแต้มต่อ เจ้าก็พูดออกมาตรงๆ พูดตรงๆไม่อ้อมค้อม ในเมื่อเจ้าจะเสนอความต้องการนี้ต่อข้า ก็ย่อมมีใจมุ่งมั่นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะด้วยเงื่อนไขอะไร ก็ลองเสนอออกมาดู"
เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้
ดวงตาคู่งามของพี่สาวแสนสวยก็เปล่ง ประกายออกมา ราวกับรู้สึกว่าการแสดงออกของคังเสว่มี่นั้น น่าสนใจมาก เผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ แววตาสุขสกาวแพรวพราว รอยยิ้มที่แสดงออกมาบ่งบอกถึงความงดงามของนางอย่างล้ำลึก“เจ้าช่างตรงไปตรงมาดีจริงๆ ข้าชักชอบแม่นางน้อยเช่นนี้อย่างเจ้าแล้วสิ"ดวงตาคู่นั้นของนางกวาดไปด้านข้าง ด้วยแววตาเฉียบคม ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้โอกาสหนึ่งกับเจ้า เจ้าต้องเล่นหมากรุกกับข้า หากเจ้าชนะข้า วันข้างหน้าก็ไม่ต้องพูดถึงร้านอาหารจุ้ยเซียนอีก ข้าจะให้ซ่องทุกหลังในเมืองหลวงแห่งนี้ ไม่ต้อนรับคังวี่จิ่นอีก!"
copy right hot novel pub