นางตั้งใจจะมาคุยเรื่องธุรกิจ คังเสว่มี่หยิบมารยาทออกมาอย่างเต็มที่ น้ำเสียงของนางอ่อนโยนขั้นสุด พยายามที่จะอ่อนหวานอย่างชัดเจนที่สุด สร้างความประทับใจครั้งแรกให้กับอีกฝ่าย
ในที่สุดร่างที่ไม่ขยับเขยื้อนของอีกฝ่ายก็หันมา คังเสว่มี่เมื่อพบกับใบหน้านั้นนางก็ถึงกับตกตะลึง ทำไมใบหน้านั้นถึงได้งดงามมากมายขนาดนี้กันนะ
เส้นผมดุจอัญมณีสีดำขลับที่ปล่อยลงมา ถูกมัดไว้กับด้ายไหมสีอ่อนอย่างงดงาม พาดอยู่บนไหล่ทางด้านขวา หางม้ายาวลงมาถึงเอวราวกับพู่สีขาว
ปิ่นปักผมสีเขียวมรกตขอบดอกซากุระด้าม หนึ่งได้รวบเส้นผมที่ปรกอยู่บนหน้าผากของ นางขึ้นไปอย่างเป็นระเบียบ
จนเผยให้เห็นหน้าผากที่ขาวดุจหยกอย่างไรอย่างนั้น
คิ้วสีน้ำตาลโค้งเรียวราวกับต้นหลิวคู่หนึ่ง ดวงตากลมโตดำขลับราวกับลูกท้อสดใสทั้งสองข้าง ลูกตาที่ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีหมึก
ริมฝีปากแดงฉาน ไม่อ่อนหวานสักนิด ชวนให้คนหลงไหลโดยไม่รู้ตัว
แม่นางมีความผึ่งผายเป็นสง่า ราวกับดอกไห่ถังอันงดงาม แต่งแต้มสีสันบนใบหน้าอย่างงดงาม ความงดงามนี้ของนางทำให้ผู้คนที่พบเห็นแทบจะหยุดหายใจไปเลยทีเดียว
เมื่อใดที่บุรุษได้พบเจอนาง แม่นางผู้อื่นในโลกย่อมไม่มีทางอยู่ในสายตาอย่างแน่นอน
ลูกตาที่ดำขลับของนางในเวลานี้ได้ แสดงออกถึงความโกรธเคืองลึกๆและความ อยากรู้ที่แฝงอยู่อย่างไม่ชัดเจน พร้อมกับพิจารณาเด็กสาวที่เข้ามาอย่างฉับพลัน
เมื่อคังเสว่มี่เห็นลูกตาของทั้งสองข้างของ
นาง
ก็เห็นความเคืองโกรธที่ฉายออกมาทางแวว ตาดูเหมือนจะบันดาลขึ้นมาเพราะนางเข้ามา เองโดยพละกาล
เมื่อครุ่นคิดอยู่สักพัก คังเสว่มี่ก็ได้พูดขึ้นด้วยความเกรงใจว่า “พี่สาว สวัสดี ข้าอยากมาหาเถ้าแก่ของร้านอาหารจุ้ยเซียน ขอถามหน่อย เจ้ารู้ว่าเขาอยู่ที่แห่งใดหรือไม่?”
ฉับพลันสายตาอันขุ่นเคืองของพี่สาวแสนสวย ได้มองไปทางคังเสว่มี่ด้วยความสงสัยอยู่เนิ่นนาน
ราวกับประหลาดใจกับการปรากฏตัวของแม่ นางน้อยคนหนึ่งในร้านอาหารจุ้ยเซียน ราวกับประหลาดใจในสิ่งที่ไม่มีที่มาที่ไปนี้
อารมณ์ความรู้สึกที่เปล่งประกายความสดใส ออกมาจากดวงตานั้นแปรปรวนไม่แน่นอน ราวกับคลื่นที่พัดผ่านไป
ในตอนที่คังเสว่มี่คิดว่าพี่สาวแสนสวยคนนี้มี ความสวยเพริศพริ้งราวกับดอกลิลลี่อยู่นั้น
อารมณ์ความรู้สึกนัยน์ตาของนางก็ดูสงบลง ดูเหมือนว่าความขุ่นเคืองเมื่อตอนแรกเริ่มก็ ลดลงไปมากแล้ว แล้วแทนที่ด้วยแววตาสนุกสนานแทน
นางยกนิ้วที่เรียวละเอียดนั้น แล้วปัดเส้นผมบนหน้าผากออกไปเบาๆ
การเคลื่อนไหวอย่างอ่อนช้อยนั้น ราวกับกำลังดีดพิณอันสูงส่งอยู่อย่างไรอย่างนั้น ความงดงามเพริศพริ้ง ริมฝีปากแดงสวยกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาพลางพูดว่า
“เจ้ามาหาเถ้าแก่ร้านมีธุระอันใดอย่างนั้นหรือ?” คังเสว่มี่แข็งทื่อไป น้ำเสียงนี้ ซึ่งห่างจากที่จินตนาการไว้มากทีเดียว ถึงแม้ว่าจะไพเราะเสนาะหูเหมือนกันก็ตาม แต่ทว่าก็มีเสียงต่ำๆและเสียงแหบพร่าเล็กน้อย
แต่กลับไม่สูญเสียความเซ็กซี่แต่อย่างใด กลับกันกลับทำให้น่าฟังและทำให้นางนั้นดูเซ็กซี่ขึ้นมาฉับพลันอีกด้วย
“คือย่างนี้ ข้าอยากมาคุยเรื่องธุรกิจค้าขายกับเถ้าแก่ ไม่รู้ว่าเถ้าแก่อยู่หรือไม่?"
มีหญิงงามเช่นนี้อยู่ในห้อง ไม่ใช่เถ้าแก่ แล้วเถ้าแก่คือใครกันละ
พี่สาวแสนสวยขมวดคิ้วเล็กน้อย ชายตามองขึ้น ราวกับพายุในฤดูใบไม้ร่วง ที่ซัดโหมกระหน่ำ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เจ้าอยากจะคุยเรื่องธุรกิจอะไรกับเถ้าแก่อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นเจ้าก็พูดออกมาได้เลย”
เพื่อธุรกิจคังเสว่มี่รู้สึกกระอ่วนใจไป นางเกิดรู้สึกเกรงใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับนิสัยของพี่สาวที่งดงามผู้นี้แล้ว พี่สาวที่งดงามผู้นี้กลับมีท่าทีที่สบายๆ
และยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของนาง ดูเหมือนว่าเรื่องธุรกิจนี้พี่สาวคนสวยสามารถตัดสินใจเองได้
เช่นนั้นก็ดี คังเสว่มี่หันไปมองนางอย่างเต็มตา พร้อมกับเดินไปข้างหน้าแล้วมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของพี่สาวคนสวยมุมปากคลี่ยิ้ม จากนั้นก็มองไปทางนางด้วยสายตาสงสัย แล้วพูดด้วยจริงใจ “พี่สาวคนสวยข้าอยากจะมาปรึกษากับเถ้าแก่สักหน่อย ข้าอยากจะให้เถ้าแก่รับปากข้าว่าหลังจากนี้ขอให้ร้านอาหารจุ้ยเซียนไม่ต้อง ต้อนรับคังวี่จิ่นซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องคังอีกต่อไป"เมื่อสิ้นสุดเสียง ดวงตาที่มืดราวกับยามราตรีในตอนเที่ยงคืนของพี่สาวผู้งดงามก็ได้โค้งมนขึ้นเล็กน้อย ราวกับได้ยินคำพูดอะไรที่ไม่น่าเชื่อ จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อออกไป ราวกับต้องลมอย่างสง่างามดวงตาคู่สวยก็จ้องมองไปทางคังเสว่มี่อย่าง ไม่กระพริบตารอยยิ้มมุมปากจางๆก็ค่อยๆคลี่ออกมา จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการเยาะเย้ย “ข้าขอเรียกเจ้าว่า แม่นางน้อยก็แล้วกัน ทำไมเจ้าถึงได้เสนอความต้องการเช่นนี้ออก มาเล่า”
copy right hot novel pub