แม่นางหั้นตั้นยืนขึ้นมาในทันที ใบหน้าอันงดงามละเอียดอ่อนนั้นเต็มไปด้วย ความรู้สึกตื่นตกใจและไม่อยากเชื่อ ก่อนจะบ่นพึมพำออกมาว่า
“ทิศทางของหมากล้อม แปรผันได้หมื่นทิศ ทุกการเดินของคนที่มีความรู้ ล้วนแล้วแต่มีผลกระทบต่อการแพ้ชนะของ หมากที่ตามมา มีเกิด มีตาย เกิดๆ ตายๆ ร้อยแปดพันเก้ามิอาจคาดเดา! หากข้าลงเช่นนี้ ก็คงไม่มีทางแพ้ให้แก่หมาจิ้งจอกขาวตัวนั้นของเจ้าหรอก หรอก!
แต่นางก็เป็นคนเรียกให้คังเสว่มี่มาลองเอง นึกไม่ถึงว่านางจะสามารถบุกกระดานหมากนี้ได้สำเร็จจริงๆ
กระดานหมากกระดานนี้หมาจิ้งจอกขาวต้องพ่ายแพ้ให้แก่ทักษะการล้อมขั้นสูงมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เป็นหมากกระดานที่ทำให้คนนับไม่ถ้วนอยากบุกแต่ก็ไม่สามารถบุกได้ และในจังหวะเดียวกันนอกจากบุกไม่ได้ การแก้ไขปัญหาก็ไม่มี
คนภายนอกอาจจะดูเหมือนว่านี่เป็นเพียงแค่หมากกระดานชี้เป็นชี้ตายอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่ ในความเป็นจริงมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย หากไม่ระวัง ก็คงตกไปสู่คำๆเดียวนั่นคือ ตาย!
แต่เด็กสาวผู้นี้กลับเดินอย่างประณีต พามันแปรเปลี่ยนเป็นการเดินไปสู่จุดจบอีกรูปแบบ หนึ่งที่ไม่มีการฆ่า
เห็นภาพก็รู้ได้ในทันที ว่าไม่มีแพ้ไม่มีชนะ หมากดำขาวทั้งสองฝั่ง เริ่มต้นและจบลงอย่างสวยงาม
คังเสว่มี่ถอนหายใจออกมายาวๆ รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจางๆบนหน้าอก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าเมื่อสักครู่ความกดดันที่มาจากการเล่นหมากรุกที่ยากต่อการแก้ไข และใช้สมองมากเกินไปหรือไม่
อะไรที่ทำให้หมาจิ้งจอกดำพ่ายแพ้? ช่างเป็นหมากกระดานที่ยุ่งเหยิงอะไรเช่นนี้ในขณะที่ใครๆก็มองออกว่าหมาจิ้งจอกขาวไม่มีทางชนะแน่อยู่นั้น หมาจิ้งจอกขาวก็ยังถูกวางลงไปทั้งอย่างนั้นเลย
นางลูบไปบนหน้าผาก หลังผ่อนคลายจากอาการวิงเวียน จึงได้ยืนขึ้น หั้นตั้นจดจ่ออยู่บนกระดานหมากรุก นางกำลังยิ้มอย่างมีความสุขออกมา
“แม่นางหั้นตั้น คำสัญญาเมื่อสักครู่?”
เมื่อสิ้นสุดคำพูด ความดีอกดีใจของหั้นตั้นก็แสดงออกมาทางใบหน้า
นางยิ้มตาหยีปรากฏฟันซี่ขาวเรียงแถวกันสวยงาม สายตาอันทรงเสน่ห์ราวกับดอกซากุระที่ผลิบานในเดือนมีนาคมกระพริบออกมาด้วย ความยินดีปรีดาที่ยากจะยับยั้งเอาไว้ได้
จากนั้นก็จับไปบนไหล่ของคังเสว่มี่ ริมฝีปากยิ้มออกมา มีเสน่ห์และไร้เดียงสา ผมยาวสีดำดุจหยกวาดลงมาจากไหล่ ก่อนพูดขึ้นอย่างเบาๆว่า
“แน่นอน ข้า.......นั้นตอบรับเรื่องของเจ้า จะช่วยเจ้าจัดการให้อย่างดี จากนี้คังวี่จิ่นจะไม่สามารถเข้ามาในซ่องใดๆ ในเมืองหลวงได้อีก เข้ามาปุ๊บ ก็จะไล่ปั๊บ ไม่มีปัญหาแน่นอน!"
คังเสว่มี่เองก็แสดงความดีใจออกมา ถือว่าการช่วยเหลือเจ้าของร่างเดิมได้สำเร็จลงแล้ว นางเองก็สามารถวางใจได้แล้ว แต่ในตอนที่พี่สาวหั้นตั้นพูดอยู่นั้น จู่ๆก็รูสึกว่าน้ำเสียงของนางนั้นเหมือนดังมาจากที่สูง
เมื่อคังเสว่มีเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหั้นตั้นลุกขึ้นยืนร่างสูงของแม่นางหั้นตั้นเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าของคังเสว่มี่แล้วเหตุใดถึงได้ดูสูงกว่าตัวเองเช่นนี้ สำหรับสตรีนางหนึ่ง นางจะสูงมากเกินไปหรือไม่?
คังเสว่มี่ก้มหน้าลงมองกระโปรงยาวของตัวเองรู้สึกว่าตัวเองนั้นตัวเล็กขาสั้นขึ้นมาทันที หางตาดุจดอกท้อของนางก็ปรากฏความรังเกียจเดียด ฉันท์ออกมา
เมื่อผ่านไปชั่วครู่ ก็พยักหน้าแล้วพูดว่า
“หมากกระดานในวันนี้ข้าเองก็เล่นอย่างเต็มที่ และมีความสุขมาก แต่น่าเสียดายที่ต้องเร่งรีบ ข้าเองก็มีเรื่องที่ต้องจัดการ หวังว่าจะมีโอกาสได้ประลองฝีมือกับคุณหนูใหญ่คังอีกในครั้งในภายหน้านะ"
“แน่นอน” คังเสว่มี่ ตอบกลับมาด้วยความเกรงใจ ก่อนจะยกเท้าเดินออกไปด้านนอก
ไม่รู้ว่าหมากรุกกระดานนี้ดำเนินไปเนิ่นนานแค่ ไหน และไม่รู้ว่าคังวี่จิ่นจะคิดหนีไปหรือไม่ หากเขาคิดจะแอบหลบหนีไป นางต้องเสียเวลาในการตามหาตัวเขาอีกอย่างแน่นอน
เป็นเพราคังเสว่มีมัวแต่ขบคิดเรื่องอืนในใจจึงไม่ได้ยินคำว่า “คุณหนูใหญ่คัง” ในประโยคสุดท้ายของแม่นางหั้นตั้นที่พูดออกมา ในตอนที่นางสังเกตเห็นแผนหลังของคังเสว่มี่ที่เดินออกไปอย่างไม่หันกลับมามองนัยน์ตาของนางก็ฉายแววแห่งความไม่เข้าใจออกมา.......
เมื่อกลับไปยังห้องยิ่งเยว่อีกครั้ง คังวี่จิ่นที่เดิมทีคิดว่าเขาคงฉวยโอกาสหนีออกไปแล้วกลับยังอยู่ในห้องนี้ เมื่อเขาเห็นนางเดินเข้ามา คังวี่จิ่นที่กำลังแทะตีนหมูอยู่ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมเอ่ยถามนางขึ้นมา
“เป็นอย่างไร เถ้าแก่ไม่ตอบตกลงเจ้าใช่ไหมล่ะ ข้าเป็นลูกค้ารายใหญ่ของร้านอาหารจุ้ย เซียนเจ้าคิดว่าเจ้าของร้านจะยอมรับคำร้องขอของเจ้าหรือ หึ!"
คังเสว่มี่มองไปทางริมฝีปากที่เปรอะเปื้อนไป ด้วยซอสมันหยาดเยิ้มของเขา นางจึงได้ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วโยนใส่หน้าของเขา ก่อนพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า
“เช็ดปากของเจ้าซะ น่ารังเกียจเสียจริง"
คังวี่จิ่นไม่ได้เคืองโกรธแต่อย่างใด กลับหยิบผ้าเช็ดหน้าของนางขึ้นมาเช็ดปากพร้อมกับหัว เราะอย่างคิกคัก เพราขาหมูที่เคี้ยวอยู่ในปากจึงได้ส่งเสียงหัวเราะ หึหึ ออกมาได้ไม่ชัดเจนนัก “โกรธขนาดนี้ ข้าว่านะเจ้าต้องทำไม่สำเร็จอย่างแน่นอน”
“ท่านพี่ของข้า ท่านคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ! เถ้าแก่รับปากกับข้าว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าคังซื่อจื่ออย่าได้คิดมาที่ร้านอาหารจุ้ยเซียนอีก ซ่องแห่งอื่นๆ ก็ไม่ต้อนรับเจ้าอีกแล้ว!"
ไม่รู้ว่าทำไม ใบหน้าของคังวี่จิ่นถึงได้หล่อเหลามากถึงเพียงนี้แต่นางมองเขา เปรียบเสมือนมองพี่ชายของตัวเอง จึงอดที่จะยั่วยุผสมโรงไม่ได้ ทั้งสองคนต้องทะเลาะกันถึงจะรู้สึกสบายใจ
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเลือดข้นกว่าน้ำตามตำนานสินะ
คังวี่จิ่นใช้ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือเช็ดปากจนสะอาดแล้วจึงโยนลงไปบนโต๊ะอ้าปากเหวอในสิ่งที่เขาได้ยิน ริมฝีปากของเขาสีแดงราวกับทาชาดแดง จากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงครวญคราง
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อ เรื่องต้องไม่เลวร้ายเช่นนี้ ข้าต้องไปถามเถ้าแก่......"
เมื่อพูดจบ จึงได้วิ่งออกไปพร้อมกับขาหมูในมือคังเสว่มี่เองก็ไม่กลัวว่าเขาจะวิ่งหนี เพราะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นอยู่วันยังค่ำ หากไปถึงประตู ก็ยังมีชวนหลันรักษาการณ์อยู่ด้านล่างถึงแม้ว่าชวนหลันจะขวางคังวี่จิ่นไม่ได้ แต่เพียงแค่ตะโกนก็จบหลังจากผ่านไปเพียงแค่หนึ่งก้านธูป คังวี่จิ่นก็เดินกลับมา เวลานี้สภาพของเขาเปรียบเสมือนไก่ที่พ่ายแพ้จากการต่อสู้แสดงอาการหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้า ประตูเมื่อชายหนังตาที่เซื่องซึมขึ้นใบหน้าขาวดุจหยกแสดงออกถึงความเศร้า หมอง และเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “คังเสว่มี่ น้องเลว ! เจ้าคอยดูเถอะ อีกไม่นานหรอกองค์ชายหกจะจัดการเจ้า สวรรค์ ทำไมเจ้าถึงได้ปฏิบัติกับข้าเช่นนี้! ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซ่องนี้ ก็ไม่ใช่สถานที่ที่ข้าจะมาได้อีกแล้ว!"
copy right hot novel pub