คังเสว่มี่ไม่อยากสนใจเขา แต่กลับสนใจคำว่าองค์ชายหก ที่เขาพูดถึงแทน
องค์ชายหกผู้นี้ คังเสว่มี่เคยได้ยินชวนหลันพูดมาก่อน เป็นหนึ่งในองค์ชายทั้งสาม
องค์ชายห้าวฮวายวิน
ว่ากันว่าองค์ชายหกมีส่วนคล้ายคลึงกับมารดาของเขาเป็นอย่างมาก ใบหน้าที่งดงามราวกับดอกไห่ถัง นำพาให้บรรดาเหล่าสตรีแลดูต่ำต้อยขึ้นมาทันที
นิสัยของเขาเป็นคนรอบรู้แต่รักอิสระ ไม่เหมือนกับครอบครัวอื่น เขาไม่ชอบการเมือง ไม่ชอบกองกำลังทหารและเหล่าควันปืน แต่รักในศิลปะการแข่งขันและ สีสันที่สวยงาม ยิ่งกว่าสิ่งใด
มีบรรดาแม่นางมากมายที่ตกอยู่ภายใต้ร่างกายของเขา มานับไม่ถ้วน แต่เขากลับไม่ให้สตรีนางใดได้สัมผัสบนตัว ราวกับผีเสื้อที่ล่องลอยไปมา บนดอกไม้ที่เบ่งบาน
“องค์ชายห้าวฮวายวิ่น” ชื่อเสียงนี้ ย่อมมีที่มา
ดูเหมือนว่าสาวงามหั้นตั้นผู้นี้คงจะเป็นคนรู้ใจของเขาที่คอยช่วยจัดการธุรกิจค้าขายอยู่ด้านนอก องค์ชายหกผู้ที่ร่ำรวยสุดในเมืองนี้
แต่ก็ไม่เห็นจะแปลกหากแม่นางหั้นตั้นจะเป็นหญิงสาวที่องค์ชายหกโปรดปรานเพราะนางนอกจากจะสวยงามจนน่าหลงไหลแล้ว
นางยังมีความสามารถที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดคุยเจรจาอยู่ข้างกายของบุรุษ
นึกไม่ถึงว่า ในสมัยโบราณ การเป็นคนรักกันย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย คนเรานอกจากความงดงามดั่งดอกไม้แล้ว ก็ยังต้องมีความเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย
มิน่าเล่าเมื่อสักครู่หั้นตั้นถึงได้กล้าพูดเรื่อง สัญญาได้อย่างหยิ่งผยองว่าจะไม่ให้ซ่องทั่ว ทั้งเมืองหลวงต้อนรับคังวี่จิ่นอีก
ที่แท้ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มีผู้อุปถัมภ์อยู่เบื้อง
หลังนี่เอง องค์ชายหก
เถ้าแก่ในเมืองหลวงคนไหนจะไม่ไว้หน้าเขา กันเล่า
คังเสว่มี่ทอดถอนใจออกมา นางจะไม่นึกถึงเรื่องนี้อีก
จากนั้นก็เชิดคางไปทางคังวี่จิ่นที่กำลังโศกเศร้าเสียใจอยู่ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาราวกับดวงจันทร์ที่สว่างสดใส
“เอาล่ะ ตราบใดที่มีทักษะความสามารถทางด้านกังฟู ที่ลึกล้ำ แค่เพียงตั้งใจก็สามารถสำเร็จได้
ที่ข้าทำทั้งหมดในวันนี้ก็เพื่อเจ้าและพระชายาในอนาคต ไปกันเถอะ กลับตำหนักกัน!"
เมื่อลงมาถึงด้านล่าง ชวนหลันที่นั่งยองๆอยู่หน้าบันได กำลังถือหญ้าที่ไม่รู้ไปเก็บมาจากที่ไหนไว้อยู่ กำหนึ่ง ปัดเวียนวนไปมาอย่างเบื่อหน่าย
เมื่อได้ยินเสียงเดินมาจากด้านหลัง จึงได้หันไปมอง ก่อนจะตะโกนขึ้นว่า
“คุณหนู หาซื่อจื่อเจอหรือไม่เพคะ?”
คังเสว่มี่ยิ้มตาหยีพร้อมกับชี้ไปทางด้านหลัง “อยู่นี่ วันนี้ซื่อจื่อจะกลับตำหนักกับเรา”
“หาเจอแล้ว!"
ใบหน้าของชวนหลันเต็มไปด้วยความดีใจ โดยยังไม่ลืมที่จะโค้งทำความเคารพต่อคังวี่ จิ่น
“หม่อมฉันขอน้อมกายทำความเคารพเพคะ”
จิตใจของคังวี่จิ่นมัวหมองมาก หนังตาตก ไม่มองชวนหลัน ใบหน้าปรากฏสีหน้าลำบากใจออกมา
คังเสว่มี่ไม่สนใจเขา จึงให้ชวนหลันเดินไปพร้อมกับนาง
เด็กที่เพิ่งหย่านมแม่ย่อมต่อต้านเป็นธรรมดา เดี๋ยวนานวันเข้าก็ดีขึ้นเอง
เมื่อเหยียบย่ำก้าวผ่านไปบนประตูของร้านอาหารจุ้ยเซียน
คังเสว่มี่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ยื่นมือออกไปบังแสงแดดของดวงอาทิตย์ที่
สาดส่องเข้ามา ก่อนจะเกิดอาการวิงเวียน อานุภาพของดวงอาทิตย์ในสมัยโบราณไม่ ด้อยไปกว่าปัจจุบันเลยจริงๆ
ดวงอาทิตย์ใหญ่ขนาดนี้ ต้องเรียกรถม้ากลับไปส่งสักคัน
เมื่อคังเสว่มี่คิดได้ จึงได้หันไปมองคังวี่จิ่น ก่อนเงยหน้าขึ้นไปถามว่า
“เจ้านั่งรถม้ามาไหม?”
คังวี่จิ่นพยักหน้า แล้วชี้ไปยังลานโล่งที่อยู่ด้านหน้า “รถม้าจอดอยู่นั้น ชวนหลัน เจ้าไปเรียกคนมาให้นำรถม้ามาเร็ว”
หากเดินกลับไป คนจำนวนมากต้องเห็นว่าคังเสว่มี่ที่อยู่ที่นี่อย่างแน่นอน ให้รีบไปเรียกรถม้ามาดีแล้ว
ชวนหลันพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็โค้งตัวแล้วพูดว่า “เพคะ ซื่อจื่อ”
จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าทันที
ในขณะที่คังวี่จิ่นจ้องมองท่าทีที่ปราดเปรื่องของคังเสว่มี่อยู่นั้น ก็พลันนึกถึงคำพูดของอคังเสว่มี่ที่นางเอ่ยขึ้นก่อนจะก้าวออกมาจากห้องยิ่งเยว่
ความกระจ่างแจ้งก็ปรากฏขึ้นมาในหัวสมองของเขา และเข้าใจความหมายของประโยคนั้นในทันที
ดวงตาจึงได้ถลนราวกับจะออกมาจากเบ้า ก่อนตะโกนออกไปด้วยความโกรธเคือง
“เจ้าเด็กคนนี้ เวลาอยู่บ้านเจ้าคิดเรื่องอะไรบ้าง ? เด็กสาวคนหนึ่ง ทำไมถึงได้พูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาได้ ทำเพื่อข้าและพระชายาของข้าอะไรกัน ประโยคหยาบคายเช่นนี้เจ้ายังกล้าพูดออกมา!"
ปฏิกิริยาตอบรับช้าของคังวี่จิ่นที่มีต่อคำพูดของนางนั้นกินเวลานานพอสมควร จนถึงตอนนี้เพิ่งจะเข้าใจ คังเสว่มี่เบะปาก ก่อนจะเชิดคางขึ้นโดยไม่สนใจเขา
เหล่าบุรุษไปทำเรื่อง 'หยาบคาย เช่นนั้นในร้านอาหารจุ้ยเซียน ไม่อนุญาตให้นางพูดประโยคนี้ ก็แค่เพื่อชายาในอนาคตของเขาให้เขาเก็บสิ่งนั้นเอาไว้ใช้กับนาง ก็แค่นั้นเอง
ชวนหลันหันกลับมาด้วยเสียงขู่ เมื่อเห็นซื่อจื่อที่มีใบหน้าเรียบเฉยได้พริบตาเดียว ก็แสดงท่าทางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟใส่คุณหนูของนาง หลายปีมานี้
ซึ่งความสัมพันธ์ของจื่อและคุณหนูไม่เหมือนกับพี่น้องที่สนิทกัน หลายสิบปีพูดกันไม่กี่ประโยค
หากความสัมพันธ์ของซื่อจื่อและคุณหนูเป็น เหมือนพี่น้องคนอื่นๆในตำหนัก คอยดูแลซึ่งกันและกัน
คุณหนูผู้มีสติปัญญาเช่นนี้ หากวันข้างคนที่ไม่มีสายตากว้างไกลเหล่านั้นยังคิดรังแกคุณหนูอีก จะต้องไตร่ตรองแล้วไตร่ตรองอีกอย่างแน่นอน
แต่เนื่องจากทั้งสองคนที่ไม่ได้พูดคุยกันมาหลายปี วันนี้คุณหนูสามารถโน้มน้าวซื่อจื่อให้กลับตำหนักได้
ซื่อจื่อก็ตอบตกลงในชั่วพริบตาเดียว
สองคนยืนอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้ดูมีความรู้สึก อึดอัดอะไร แถมยังพูดกัดกันเล่น ราวกับว่าความเป็นพี่น้องยังดีอยู่ตลอดมาในใจของชวนหลันก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที ใบหน้าก็พลันหลุดยิ้มออกมา พร้อมหันไปตะโกนเรียกรถม้าพอเห็นอาการของคังเสว่มี่ไม่สนใจ คังวี่จิ่นก็พลันโมโห ยังไงซะเขาก็เป็นถึงพี่ชาย ถูกมองข้ามแบบนี้ มันช่างน่าอับอายยิ่งนัก พลันสาวเท้าเข้าไปยืนตรงหน้าของคังเสว่มี่ ทันที แล้วจะอ้าปากเพื่อสั่งสอนนางแต่กลับได้ยินเสียงใครคนหนึ่งที่ดังขึ้นมาทางด้านข้างที่มาพร้อมกับปากไม่มีหูรูดและพูดจาเหลว ไหล ลากเสียงร้องดังลั่น“เอ๊ะ นี่ไม่ใช่องค์รัชทายาทหรอกหรือ? ”ถันซื่อหัวที่พึ่งจะลงจากรถม้า ก็พลันมองเห็นคังวี่จิ่นยืนอยู่หน้าร้านอาหารจุ้ยเซียนพร้อมกับจับมือของสาวน้อยคนหนึ่งอยู่“ถึงแม้ว่าเขาจะมองเห็นเพียงด้านเดียว แต่ว่าสีผิวของนางที่ขาวดุจน้ำนม และยิ่งโดนแสงแดดกระทบ ก็ยิ่งดูผ่องขึ้นมาปานราวเกล็ดหิมะที่ใสๆ เป็นผิวที่ดูเอิ่มอิ่มและนุ่มนวลมากแล้วก็พลันโผล่หัวขึ้นมา พร้อมกับใบหน้ามุ่ยๆที่ดูน่าหลงใหลนั่นของนาง และเอวเล็กๆของนางที่แค่จับครั้งเดียวก็ เหมือนจะหลุดออกจากกันได้แม้ว่านางจะสวมกระโปรงยาว แต่ก็เหมือนกับว่าเขาสามารถมองเห็นขาเรียว ยาว เรียบเนียนของนางได้ ถ้าหากว่าสามารถเอามือไปลูบเอวของนางแล้วพลันจับไปที่ขาเรียวยาวคู่นั้น มันคงจะเป็นรสชาติความสุขในชีวิตอย่าง แท้จริง......
copy right hot novel pub