โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 217 บรรยากาศค่อนข้างจะเศร้า

บทที่ 217 บรรยากาศค่อนข้างจะเศร้า

อวี๋ซือซือกระโดดลงจากเตียง จับข้อมือของเป้ยฉ่ายเวยไว้ ขยิบตาให้ครั้งหนึ่งจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันไปด้วย”

“โอเค” เป้ยฉ่ายเวยทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ

ตอนที่ทั้งสองออกจากห้องมา อวี๋ซือซือก็ถามขึ้นอย่างอดรนทนรอไม่ไหว “พูดมา แกเป็นอะไร”

“เป็นอะไรเรื่องอะไร” เป้ยฉ่ายเวยแกล้งตอบกลับอย่างไม่เข้าใจ

“เวยเวยอีกแป๊บ พวกเราก็จะจากกันไปแล้ว แกยังคิดจะปิดบังอีกหรอ พูดมาว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น” อวี๋ซือซือชี้ไปที่ขอบตาแดงๆของเธอ แบบนี้มันต้องร้องไห้อย่างหนักมาแน่ๆ ตอนกลับมาร่องรอยถึงได้ไม่หายไปแม้แต่นิด

“ไม่มีอะไร ฉันก็แค่เจอโรคจิตน่ะ” เป้ยฉ่ายเวยหลบตา ตอบกลับอย่างค่อนข้างกำกวม เธอไม่อยากให้เพื่อนสนิทเป็นห่วงเธอ ยิ่งกลัวไปกว่านั้นคือเพื่อนตัวเองจะระเบิดอารมณ์แล้วไปเอาเรื่องกับฉูเจ๋อหยาง

“แกนี่มันพวกยอมคนจริงๆ มันน่าโมโหนัก” อวี๋ซือซือรู้ว่าถ้าเป้ยฉ่ายเวยไม่อยากพูด ก็จะไม่ยอมเปิดปากพูดหรอก เหมือนพวกหอยแมลงภู่อะไรพวกนั้น จึงทำได้เพียงเปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องอื่น “ฉันถามหน่อยเรื่องที่รุ่ยุรุ่ยแอดมิทที่โรงพยาบาลเนี่ย ทำไมแกถึงไม่บอกฉัน”

“ฉันไม่อยากรบกวนเธอ” แค่นี้เธอก็รบกวนมากเกินไปแล้ว

อวี๋ซือซือยิ่นมือออกไปจิ้มที่หน้าอกของเธอราวกับหงุดหงิด พูดว่า “รบกวนอะไร เราสองคนเกือบจะใส่กระโปรงตัวเดียวกันได้ด้วยซ้ำ แกยังมองว่าฉันเป็นคนอื่นอีกหรอ อีกอย่างรุ่ยรุ่ยก็เหมือนลูกฉันเหมือนกันนั่นแหละ”

“รู้แล้ว ครั้งหน้ารับรองเลยว่าจะบอกเธอคนแรก” เป้ยฉ่ายเวยถูกซือซือจิ้มหน้าอกแรงๆก็ไม่โกรธ แต่ดันยิ้มขึ้นมาซะอย่างนั้น เธอรู้ว่าเพื่อนสนิทของเธอเป็นคนปากร้าย แต่ในความเป็นจริงกลับใจดียิ่งกว่าใคร

อวี๋ซือซือรู้สึกอายๆกับรอยยิ้มของเป้ยฉ่ายเวยนิดหน่อย จึงยู่หน้าถามขึ้น “แล้วนี่แกจะไปเมื่อไหร่”

แม้ว่าจะไม่ค่อยอยากถามคำถามนี้ แต่ว่าเรื่องอาการกำเริบของรุ่ยรุ่ยจะมัวแต่ชักช้าไม่ได้แล้ว

“ก็น่าจะอีกไม่กี่วันนี่แหละ” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ บรรยากาศก็ดูเศร้าไปในทันที เธอรู้ดีว่าการจากกันไปในคราวนี้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่คิดอยากเจอแล้วจะได้เจอกันอีก ความเป็นไปได้ที่จะไม่ได้เจอกันอีกหลายปีก็มีเยอะ

ฟ้าข้างนอกยังคงสวยงาม เมื่อพวกเธอเดินผ่านทางเดินมา ข้างนอกก็เป็นสนามหญ้าให้คนป่วยได้เดินเล่น เมื่อมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังว่าตัวเองจะหาย ,ความสิ้นหวัง ,ความไม่สบอารมณ์ หรือจะเป็นความเจ็บปวดของผู้ป่วยทั้งหลาย ทุกๆรสชาติของชีวิตก็มีเพียงแค่ตัวเองเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใจมันได้อย่างลึกซึ้ง

อวี๋ซือซือตบไหล่ของเป้ยฉ่ายเวยหนักๆ พูดเสียงดังว่า “เอาล่ะ เราก็ไม่ใช่ว่าจะตายจากกันไปซะหน่อย การเดินทางสมัยนี้ก็เจริญขึ้นเยอะ ถ้าอยากเจอกันก็แค่ขึ้นเครื่องไปหาก็ได้แล้ว”

เป้ยฉ่ายเวยถูกอวี๋ซือซือตบหลังแรงๆจนเกือบจะสำลักน้ำลาย จึงพูดขึ้นว่า “เธอคิดว่าเธอกำลังโบกแท็กซี่อยู่หรือไง”

“แหะๆ โทษๆ มือฉันหนักไปหน่อย” อวี๋ซือซือลูบกลางหลังอย่างรู้สึกผิด เธอลืมไปเลยว่ามือเธอหนักขนาดไหน แม้แต่ผู้ชายทั่วไปก็ไม่น่าจะยินดีรับความ ’อบอุ่น’อย่างนี้ จากมือเหล็กของเธอหรอก

“ถังฉีตงคงไม่ได้ถูกเธอตีจนพิการไปแล้วนะ” เป้ยฉ่ายเวยเชื่อว่าต่อจากนี้ถังฉีตงคงมีชีวิตที่มืดฟ้ามัวดินแน่ๆ คาดว่าเขาคงถูกเพื่อนสนิทตีจนกระอักเลือดจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของทั้งสองไปแล้ว

อวี๋ซือซือเบ้ปากอย่างไม่พอใจ “พูดถึงเรื่องของแกอยู่ดีๆ แล้วจะวกไปเรื่องของคนน่าเบื่อพรรค์นั้นทำไมกัน”

เธอดูเหมือนจะอาจหาญ แต่ใครจะไปรู้ว่าไอ้ผู้ชายที่ไม่รู้ว่ากินอะไรถึงได้โตมาเป็นแบบนี้ ถูกเธอตีตั้งหลายครั้ง จนมือเธอเจ็บไปหมด ก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรสักแอะ

สงสัยเหมือนกันว่าแม่ของนายนั่นให้กินของเสียมาตั้งแต่เด็กๆแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่โตมาถึกขนาดนี้หรอก

“ไม่ใช่ว่าพวกเธออยู่ด้วยกันแล้วหรอ” ถ้าเธอจำไม่ผิดอะนะ

“อยู่ด้วยกันอะไรเล่า พูดอะไรไร้สาระ” ใบหน้าของอวี๋ซือซือเริ่มมีสีแดงจางๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งดูออก “ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนายนั่นสักหน่อย มากสุดก็แค่ความสัมพัน์แบบเซ็กส์เฟรนด์เหมือนแกกับฉูเจ๋อหยางเมื่อก่อนไงล่ะ”

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยได้ยินชื่อของฉูเจ๋อหยาง หัวใจก็บีบรัดขึ้นมา ปวดหน่วงจนเธอรู้สึกราวกับลมหายใจกำลังจะก่อตัวกลายเป็นน้ำแข็ง

อวี๋ซือซือเห็นเป้ยฉ่ายเวยอยู่ๆก็เงียบไป จึงมองเธออย่างสงสัย ก็พบว่าสายตาของเพื่อนสนิทเปลี่ยนไปเป็นกลัดกลุ้มตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เหมือนกำลังซ่อนอะไรเอาไว้ในใจ คิ้วก็แทบจะผูกกันเป็นโบว์ได้แล้ว

“เป็นอะไรไป ฉูเจ๋อหยางมาหาแกอีกแล้วหรอ?”

คำพูดของอวี๋ซือซือแทงใจดำเป้ยฉ่ายเวยเต็มๆ แต่เรื่องที่น่าขายหน้าแบบนี้ เธอไม่อยากให้เพื่อนรักรู้เข้า จึงแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรพูดขึ้นว่า “เปล่า เธอคิดมากเกินไปแล้ว ตอนนี้เขารักกับหนานฉิงดีจะตาย จะมาคิดถึงฉันได้ยังไง”

“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ฉันได้ยินมาว่าจนถึงตอนนี้ฉูเจ๋อหยางก็ยังไม่ได้ไปเจอนังผู้หญิงคนนั้นเลยนะ” นี่ก็เป็นข่าวคราวที่เธอได้รู้มาจากถังฉีตง ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ให้นายนั่นขึ้นเตียงกับเธอได้หรอก

เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน นายนั่นเลยต้องคาบข่าวมาให้เธอทุกวัน

อีกอย่างผู้หญิงที่ใกล้จะสามสิบแบบเธอ เมื่อได้ลองลิ้มชิมรสชาติของเนื้อหนุ่มก็ยากที่จะหยุดเหมือนกันนั้นแหละ ตามคำโบราณที่ว่าไว้ ผู้หญิงช่วงสามสิบเป็นหมาป่า สี่สิบเป็นเสือ และช่วงห้าสิบก็จะมีความต้องการสูง

ตอนนี้เธอได้ลองอะไรแปลกใหม่ มันก็เลยยากที่จะหลีกเลี่ยง อะแฮ่มๆ ก็เลยต้องทำอะไรแบบนั้นบ่อยๆอยู่ล่ะนะ

เรื่องพวกนี้มันไม่แสดงออกในช่วงเวลานี้หรอก

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยรู้ว่าจนถึงตอนนี้ฉูเจ๋อหยางยังไม่ได้ไปหาหนานฉิง ก็ค่อนข้างจะตกใจนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็แค่นยิ้มกับตัวเอง ที่ไม่ไปหาหนานฉิง แต่กลับมาใช้เงินสองล้านมาทำตัวเป็นเสี่ยเลี้ยงเธอ

ก็คงเพราะว่าเขาไม่กล้าที่จะแตะต้องผู้หญิงที่เขาทะนุถนอม ดังนั้นเลยมาหาคนที่เคยเป็นคู่นอนอย่างเธอสินะ

เขาคงแคร์หนานฉิงมากจริงๆ เป้ยฉ่ายเวยจะไม่คิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียวไปว่าเขาทำแบบนี้ก็เพราะชอบเธออีกแล้ว เรื่องที่เขาไม่แตะต้องหนานฉิง แบบนั้นยิ่งทำให้เธอไม่เพียงรู้สึกว่าตัวเองทึ่มแต่ยังโง่ด้วย

“อ๋อ”

“อ๋อ? แค่อ๋อเนี่ยนะ?” อวี๋ซือซือถามแบบไม่อยากจะเชื่อ นี่ไม่ใช่ที่เธอคิดไว้เลย อย่างน้อยเวยเวยก็ต้องอยากรู้สักหน่อยสิ

หรือแอบดีใจน้อยๆก็ได้ ถึงอย่างไรฉูเจ๋อหยางก็ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง แม้จะไม่รู้ว่าเขากลับไปคบกับหนานฉิงจริงหรือเปล่า “อืม ก็ไม่ไงหนิ” จะให้เธอมีท่าทียังไงล่ะ ยินดีกับเขาซะอีกที่สมหวัง เธอยังอยากจะส่งคำยินดีไปให้เขาอยู่เลยแต่เธอก็คิดว่าฉูเจ๋อหยางคงไม่ต้องการหรอก เอาแต่จะคิดแค่ว่าเธอง่ายล่ะสิ เหอะ ผู้ชายนะผู้ชาย “เวยเวยมีไข้หรือเปล่าเนี่ย” อวี๋ซือซือพูดพร้อมยื่นมือออกไปอังหน้าผากเธออย่างไม่ยอมหยุด ไม่ได้ไข้สักหน่อย แล้วทำไมถึงได้เฉยชาแบบนี้ล่ะ ไม่ใช่ว่าเวยเวยรักฉูเจ๋อหยางมาสี่ปีหรอกหรอ คงไม่ใช่ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในสองสามวันนี้แล้วเธอไม่รู้นะ “ซือซือฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันก็แค่ไม่อยากไปยุ่งกับเขาอีกแล้ว เมื่อก่อนเขาไม่มีคนรัก ฉันยังพอหลอกตัวเองได้ แต่ตอนนี้คนรักตัวจริงเขากลับมาแล้ว ฉันก็เริ่มคิดไปทั่ว ว่าที่เป็นแบบนี้มันเป็นการปล่อยตัวปล่อยใจหรือเปล่า?” เป้ยฉ่ายเวยพูดเสียงเบามาก ไม่มีใครรู้หรอกว่าในใจเธอมันบีบแน่นจนเจ็บแค่ไหน ฉูเจ๋อหยางให้บทเรียนกับเธอ สอนให้เธอได้รู้ว่าการทำให้ตัวเองอับอายที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร จนถึงตอนนี้เธอยังรู้สึกว่าหัวใจของเธอยังคงเป็นหลุมเหวอะหวะไม่มีทางเติมเต็มกลับมาให้เป็นรูปเป็นร่างได้ เมื่ออวี๋ซือซือลองคิดดูดีๆก็รู้สึกว่าที่เป้ยฉ่ายเวยพูดมาก็ถูก ตอนนี้ไม่ใช่ว่าฉูเจ๋อหยางมีแฟนตัวจริงอยู่แล้วหรอ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาชอบหรือไม่ชอบแฟนเขาหรอก ถึงยังไงการกระทำของเขาแบบนี้มันก็ไม่จริงใจอยู่ดี “ใช่ พวกเราไม่ต้องการผู้ชายเลวๆพรรค์นั้น แล้วเรื่องแกกับหลี่จื่อเชียนเป็นยังไงบ้าง”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์