โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่222 คืนที่น่ากลัว

บทที่222 คืนที่น่ากลัว

“คุณเป็นแผลตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่….”

เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้ว่าแผลนั้นอยู่ตรงไหน เธอมองตามสายตาของฉูเจ๋อหยางไป เธอหลุดจากการจองจำของเขา สติกลับเข้าสู่หัวสมอง เธอกำผ้าปูเตียงแน่น พยายามระงับความอยากกรีดร้องเอาไว้ และแกล้งตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“แผลอะไร คุณเห็นผิดรึเปล่า ฉันมีแต่รอยแผลที่ต้นขาเท่านั้น”

เกือบไปแล้ว เกือบจะถูกจับได้เรื่องรอยแผลตอนคลอดรุ่ยรุ่ยซะแล้ว เธอสะเพร่าจริงๆ

ร่างกายส่วนบนของฉูเจ๋อหยางค่อยๆยืดเหยียดออกช้าๆ คิ้วหนาขมวดขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย

“คุณมีแผลที่ต้นขาตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่รู้ เป้ยฉ่ายเวยคุณปิดบังอะไรผมอยู่รึเปล่า”

เป้ยฉ่ายเวยเกือบจะถูกฉูเจ๋อหยางทำเอาขวัญหนีดีฝ่อ เธอกำผ้าปูเตียงจนเหงื่อจนเปียกชุ่ม แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะคลายออก โกรธอะไร สับสน ตอนนี้หลงเหลือเพียงความกลัวและความตื่นตระหนก

เธอได้แต่ยืนกรานเช่นนั้น เธอจะให้ฉูเจ๋อหยางรู้ว่ามีรุ่ยรุ่ยอยู่ไม่ได้ “ฉูเจ๋อหยาง คุณไม่รู้ว่าคุณพูดอะไรอยู่ ตอนนี้ในบ้านไม่ได้เปิดไฟ คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด”

เป้ยฉ่ายเวยพูดมีเหตุผล ฉูเจ๋อหยางสัมผัสโดนบริเวณนั้นจะไม่แน่ใจได้อย่างไร แต่ว่าปฏิกิริยาของเป้ยฉ่ายเวยเองที่ผิดปกติ “เปิดไฟพิสูจน์”

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยได้ยินเสียงฉวัดเฉวียนของฉูเจ๋อหยาง ใจเธอก็เหมือนระฆังกำลังตีสนั่น ให้เขาเปิดไฟไม่ได้ ดีที่นี่เป็นอพาร์ทเม้นต์ของเธอ เธอรู้ทางหนีทีไล่ดี

เธอไม่สนใจว่าฉูเจ๋อหยางจะคิดยังไง ใจเธอบีบรัดแน่น ทางหนึ่งก็ลุกขึ้นพร้อมผ้าปูที่นอนท่าทางสงบนิ่ง อีกทางก็แกล้งทำเป็นโกรธเขาพร้อมพูดขึ้นว่า “ฉูเจ๋อหยางคูณรู้เอาไว้นะว่าตอนนี้ฉันไม่ใช่นางทาสของคุณอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่ต้องการให้คุณมาตรวจสอบอะไรตรงนั้น คุณมันบ้าไปแล้ว”

เป้ยฉ่ายเวยพูดพร้อมเปิดตู้เสื้อผ้า และรีบหยิบชุดชั้นในออกมาอย่างรวดเร็ว เธอไม่สนว่าฉูเจ๋อหยางจะเห็นหรือไม่ เธอดึงชุดกระโปรงออกมาตัวหนึ่งและสวมใส่มันลงไป

แม้ว่าจะไม่มีแสงไฟภายในบ้านแต่แสงจันทร์ก็ยังสาดส่องมาจากนอกหน้าต่าง ฉูเจ๋อหยางมองแทบไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเป้ยฉ่ายเวย แค่การขยับไม่กี่ครั้งเธอก็สวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว การกระทำเช่นนั้นยิ่งเป็นการช่วยยืนยันความคิดในใจ

เสียงต่ำดังขึ้นอย่างเยือกเย็น “เป้ยฉ่ายเวย คุณหนีไม่พ้นหรอก”

เป้ยฉ่ายเวกลั้นหัวเราะในใจ ร่างผ่ายผอมพิงอยู่ที่ประตู ภายใต้แสงจันทร์สลัว เห็นชายคนหนึ่งเหมือนเทพเจ้า ร่างกำยำก้าวเท้าเข้าหาเธอทีละก้าวทีละก้าว

ทุกก้าวที่ใกล้เข้ามาเธอรู้สึกเหมือนกับว่าการหายใจนั้นถูกจำกัด หัวใจเต้นรัวรู้สึกมาถึงริมฝีปาก ราวกับจะพุ่งออกจากหน้าอก

เสียงพูดเธอสั่นเทา “ฉูเจ๋อหยางคุณอย่าเข้ามา ฉันกับคุณไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว ฉันจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคุณและหนานฉิงอีก ฉันจะไปตามทางของฉัน”

ทางที่มีเพียงเธอและรุ่ยรุ่ย เท่านั้นพอ

ฝีเท้าฉูเจ๋อหยางหยุดลง เขาเจ็บแปลบเพราะคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกคนชก เจ็บปวดข้างในใจ เธออยากจะหนีตัวเองไปอยู่กับหลี่จื่อเชียนขนาดนั้นเลยหรือ

สี่ปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือว่าข้าวของมีค่า เขาก็หาให้เธอไม่ได้ขาดตกบกพร่อง แต่ที่น่าตลกก็คือ เขายังไม่ทันบอกว่ามันจบแล้ว หญิงคนนี้กลับรีบร้อนต้องการที่จะไปสู่อ้อมอกของชายอีกคน

แต่ว่า เกมส์นี้เธอเป็นคนตัดสินตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าหากเขาไม่พยักหน้าบอกว่าจบแล้ว เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ

“ไปตามทางงั้นหรอ”

เป้ยฉ่ายเวยได้ยินเพียงพึมพำของเขา เธอก็เผลอยืดหลังขึ้น เธอไม่คิดว่าฉูเจ๋อหยางจะปล่อยเธอไป ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์นัก สี่ปีมานี้เธอเห็นมาไม่น้อย

“ฉูเจ๋อหยางถือว่าฉันขอเถอะนะ”

นี่เป็นครั้งที่สองของวันนี้ที่เธอเอ่ยปากขอร้องเขา ทุกครั้งที่ขอก็เพราะต้องการไปให้ไกลจากเขา การยืนกรานครั้งนี้ไม่เหมือนกับการที่เธออดกลั้นต่อหน้าหนานฉิงอย่างหญิงแพศยานิสัยเช่นนี้คือตัวตนที่แท้จริงของเป้ยฉ่ายเวยซึ่งดื้อรั้นและไม่ยอมอ่อนข้อระหว่างที่พูด ฉูเจ๋อหยางก็เดินมาถึงตรงหน้าเธอแล้ว สายตาของเขาทำให้เธอตกใจ เธอค่อยเบี่ยงตัวเพื่อหลบเลี่ยงเขา หันไปทางข้างหูของเขา เสียงต่ำจนแทบไม่เหลือความอ่อนโยนแต่โหดร้ายถึงขีดสุด “เป้ยฉ่ายเวยเกมส์นี้คุณไม่มีสิทธิ์จะบอกว่าจะจบลงตอนไหน”รูม่านตาของเป้ยฉ่ายเวยหดตัวลง น้ำตาไหลเอ่อล้นทั้งสองตา ราวกับว่าวินาทีต่อไปมันกำลังจะหยดลงมาในสายตาของเขา สี่ปีที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมา มันเป็นแค่เกมส์อย่างนั้นหรือ

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์