โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 266 ข้อความจากหนานฉิง

บทที่ 266 ข้อความจากหนานฉิง

“ร้อน......” เป้ยฉ่ายเวยทิ้งไว้แค่คำกำกวมคำดียว จากนั้นก็นั่งลงข้างๆรุ่ยรุ่ย

ร้อนหรอ? อวี๋ซือซืองงตาแตก บนหัวมีเครื่องปรับอากาศเครื่องเบอเร่อกำลังทำงานอยู่เลย เธอยังรู้สึกหนาวนิดๆเลยเนี่ย เมื่อเธอมองไปยังที่เพื่อนสนิทอีกครั้ง เพื่อนก็ไม่สนใจเธอแล้ว

เรื่องที่เป้ยฉ่ายเวยกำลังคิดอยู่ในหัวตอนนี้ก็คิดได้แล้วว่าจะไปที่ไหน ต้องลองคิดคำนวณกับหลี่จื่อเชียนก่อน เพื่อสุขภาพของรุ่ยรุ่ย คิดว่าสักวันมะรืนก็คงจะออกเดินทางแล้ว

“นี่มันจะไม่เร็วเกินไปหน่อยหรอ?” เมื่อได้ยินว่าเธอจะไปจริงๆ อวี๋ซือซือก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที

เป้ยฉ่ายเวยรู้ว่าเพื่อนสนิทคงใจหาย แต่เธอก็กลัวว่าฉูเจ๋อหยางจะทำเรื่องอะไรร้ายๆอีก “อืม ใช่แล้ว คุณหมอเขาโทรมาหาฉันแล้วน่ะ”

“โอเคๆ พวกแกไปเถอะ อย่าลืมส่งข่าวคราวมาบ้างล่ะ”

อวี๋ซือซือรู้ดีว่ายังไงก็ต้องจากกันไม่ช้าก็เร็ว แต่ว่าการจากกันในคราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อนๆ ที่เมื่อจากกันแล้ว อยากกลับมาหากันเมื่อไหร่ก็มาได้ แต่การไปต่างประเทศครั้งนี้มีมหาสมุทรแปซิฟิคเข้ามากั้น อีกอย่างฉูเจ๋อหยางคงจับตามองเธอแน่ๆถ้าเธอจะไปหาเพื่อนสนิท

ถึงตอนนั่นถ้าเธออยากไปหาเพื่อนก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว

“คุณป้าสบายใจได้เลย รุ่ยรุ่ยจะส่งข่าวหาคุณป้าแน่นอน” รุ่ยรุ่ยขยิบตาให้อวี๋ซือซือ พูดขึ้นอย่างรู้ใจกัน

อวี๋ซือซือขำออกมา บีบแก้มซาลาเปาของเด็กน้อย แล้วก็พูดอย่างดีใจว่า “ไม่เสียแรงเลยที่ป้ารักหนูขนาดนี้ หนูของป้าที่เก่งที่สุดเลย”

“อิๆ มันแน่อยู่แล้วครับ” รุ่ยรุ่ยป่องแก้มแล้วพยักหน้าเสริม

เป้ยฉ่ายเวยก็ขำตามออกมาด้วย จากนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมาอยู่สองครั้ง เป็นเสียงแจ้งเตือนข้อความ เธอจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก หยิบขึ้นมาอ่านผ่านๆ แต่เมื่อเห็นรายชื่อที่อยู่บนหน้าจอ

ทั้งร่างก็ชะงักนิ่ง ไม่รู้ว่าควรมีปฏิกิริยาอย่างไร

“เวยเวยเธอโอเคใช่ไหม” หลี่จื่อเชียนนั่งอยู่ข้างๆเป้ยฉ่าย เขาเอาแต่จดจ่ออยู่กับเป้ยฉ่ายเวย เมื่อเธอมีอาการแปลกๆเขาก็จะรู้ก่อนใคร

เมื่อกี้ยังยิ้มแย้มอยู่เลย หลังจากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านคิ้วเรียวทั้งสองข้างก็ขยับเข้าใกล้กันจนแทบจะผูกเป็นโบว์ได้ ราวกับเจอโจทย์ที่แก้ยากนักหนา

เป้ยฉ่ายเวยตื่นจากภวังค์ เก็บโทรศัพท์ไว้ทั้งที่ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า แกล้งทำเป็นราวกับไม่มีอะไร พูดออกมาว่า “เปล่า ก็แค่ข้อความไร้สาระน่ะ”

จริงหรอ? ทำไมเขาไม่คิดว่าเป็นแค่ข้อความไร้สาระล่ะ แต่เมื่อคิดได้ว่าอีกสองวันพวกเขาก็จะไปแล้ว หลี่จื่อเชียนก็ไม่ได้ถามอะไรมาก

อวี๋ซือซือที่ตอนแรกหัวเราะคิกคักอยู่กับรุ่ยรุ่ย ก็พบว่าบนโต๊ะอาหารนอกจากเสียงของเธอกับหลานแล้ว อีกสองคนที่เหลือจู่ๆก็เงียบเสียงลง เธอจึงถามอย่างแปลกใจว่า “พวกแกเป็นอะไรไป อย่างกับมีเรื่องหนักใจอะไรให้คิดอย่างนั้นแหละ”

คิดไปคิดมาสักพักก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างมีเลศนัยออกมา “จื่อเชียน ได้ยินว่านายก็จะตามเวยเวยไปหนิ”

“อืม” หลี่จื่อเชียนพยักหน้า

อวี๋ซือซือยิ้มเจ้าเล่ห์ “งั้นก็คงต้องขอรบกวนนายให้ช่วยดูแลเวยเวยกับรุ่ยรุ่ยแล้วล่ะ ถ้ามีความคืบหน้าอะไรอย่าลืมบอกฉันด้วยล่ะ”

หลี่จื่อเชียนเข้าใจที่อวี๋ซือซือจะสื่อ ดวงตาก็เผยรอยยิ้มออกมา “ได้สิ ฉันจะดูแลทั้งสองคนให้ดีเลย”

“ซือซือ ข้าวคาปากก็ยังจะพูดอยู่อีกหรอ?” เป้ยฉ่ายเวยเองก็เข้าใจความหมายในถ้อยคำของเพื่อน จึงทำหน้าเอือมระอา ซือซือนี่จริงๆเลย ในเวลาแบบนี้ยังจะมาพูดอะไรอีก

“ฉันพูดอะไรล่ะ?” อวี๋ซือซือแบมือออกอย่างไม่รู้ไม่ชี้ “เวยเวยแกเข้าใจผิดแล้ว ฉันก็แค่อยากจะบอกว่าหลังจากรุ่ยรุ่ยผ่าตัดเสร็จ ให้เขามาบอกข่าวคราวฉันบ้างแค่นี้เองไม่ได้หรอ ฉันว่าแกนั่นแหละเข้าใจผิดไปไกลแล้ว”

“.........”เป้ยฉ่ายเวยเลือกที่จะไม่ตอบ

อวี๋ซือซือก็หัวเราะอย่างชอบใจ

หลังจากกินข้าวเสร็จ เป้ยฉ่ายเวยก็หาข้ออ้างขอตัวกลับห้องตัวเอง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดข้อความดู

———เวยเวย บ่ายสามโมงฉันจะรอเธออยู่ที่ร้านกาแฟซ่างเต่า

จาก : หนานฉิง

เป้ยฉ่ายเวยมองข้อความบนหน้าจออยู่นาน ไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไร หลังจากที่ทำเรื่องนั้นกับฉูเจ๋อหยางเมื่อวาน ก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าที่ไหนไปพบเธอ แม้ว่าเรื่องเมื่อวานจะไม่ได้มาจากความตั้งใจของตัวเอง แต่ทว่าความจริงมันก็ทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ดี

ลังเลอยู่นาน สุดท้ายเธอก็ตอบกลับไปด้วยคำเดียวสั้นๆว่า ได้

วันมะรืนก็ต้องไปแล้ว แค่ไปเจอสักครั้งก็คงไม่เป็นอะไรมั้ง ถึงอย่างไรก็เคยเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ถือซะว่าเป็นการบอกลาครั้งสุดท้ายแล้วกัน

ไม่ว่าความขัดแย้งชิงชังในอดีตจะมีมากแค่ไหน แต่หลังจากเธอไป เรื่องราวทั้งหมดก็คงจะจางหายไปเหมือนหมอกควันนั่นล่ะ

เป้ยฉ่ายเวยเก็บโทรศัพท์แล้วเดินลงไปชั้นล่าง อวี๋ซือซือยังคงเล่นอยู่กับรุ่ยรุ่ย ส่วนหลี่จื่อเชียนยืนมองอยู่ข้างๆ

“ซือซือ ตอนบ่ายฉันมีธุระต้องไปทำนิดหน่อย เธอช่วยดูรุ่ยรุ่ยให้หน่อยนะ”

“ออกไปข้างนอก ไปทำอะไร?” อวี๋ซือซือถามขึ้นโดยไม่ได้หันหน้ามามอง นิ้วมือยังคงบีบอยู่บนแก้มซาลาเปาของรุ่ยรุ่ย

เป้ยฉ่ายเวยพูดขึ้นอย่างเรียบนิ่ง “มะรืนก็ต้องเดินทางแล้ว ฉันมีเรื่องต้องไปตะเตรียมนิดหน่อย”

“ได้ รู้แล้ว” อวี๋ซือซือจึงพารุ่ยรุ่ยเล่นอย่างสนุกสนาน

หลี่จื่อเชียนเอ่ยปากพูด “ให้ฉันไปส่งเธอนะ ฉันกำลังจะไปบริษัทพอดีเลย”

“ไม่เป็นไร ที่ที่ฉันจะไปมันคนละทางกับบริษัทนายน่ะ” เป้ยฉ่ายเวยพูดปฏิเสธอย่างนุ่มนวล

หลี่จื่อเชียนก็ยังพูดออกมาอย่างใจกว้างว่า “ไม่เป็นไรน่า ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้รีบด้วย”

เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้จะทำอย่างไร จึงทำได้แค่ตอบตกลง

ทั้งสองคนจึงเดินตามกันออกไปติดๆ บนรถ เป้ยฉ่ายเวยก็พูดเท็จโดยการบอกจุดหมายปลายทางให้ห่างจากที่นัดหมายของหนานฉิงไปประมาณสองซอย

หลี่จื่อเชียนก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ขับรถไปยังจุดหมายที่เธอบอก

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถก็จอดลง ในตอนที่เป้ยฉ่ายเวยกำลังจะลงจากรถ หลี่จื่อเชียนก็เอ่ยปากถามทันทีว่า “เวยเวย เมื่อวานโทรศัพท์เธอแบตหมดหรอ?”

“ฮะ? เอ่อคือ ใช่ ฉันตื่นมาถึงรู้ คงทำให้พวกนายเป็นห่วงแย่” เป้ยฉ่ายเวยชะงักไปนิด จากนั้นก็ตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก

หลี่จื่อเชียนยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา พูดขึ้นเสียงเบาว่า “อืม เข้าใจแล้ว เดินถนนก็ระวังด้วยนะ ดูแลตัวเองดีๆ”

“โอเค นายก็เหมือนกัน งั้นฉันไปก่อนนะ” เมื่อเป้ยฉ่ายเวยเห็นรอยยิ้มบนหน้าของหลี่จื่อเชียน ก็แอบพูดขอโทษในใจเงียบๆ จากนั้นก็เปิดประตูลงรถไป

ประตูรถถูกเธอปิดลงเบาๆรอยยิ้มบนหน้าของหลี่จื่อเชียนก็ค่อยๆหายไป ความอบอุ่นในดวงตาก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความเฉยชา ในใจบีบรัดจนปวดหน่วง รู้อยู่แก่ใจว่าเธอกำลังโกหก แต่ก็ยังไม่คิดเปิดปากพูดหรือนี่จะเป็นเพราะการได้รักใครสักคน แค่ยอมอยู่ข้างๆกายเธอก็เพียงพอแล้วเมื่อวานโทรศัพท์ของเวยเวยไม่ได้ดับไป อีกอย่างยังมีคนจงใจตัดสายด้วย คนที่อยู่กับเวยเวยเมื่อวานไม่ใช่อวี๋ซือซือแน่ๆแล้วจะเป็นใครไปได้กันล่ะ........เป้ยฉ่ายเวยรีบกระโดดลงจากรถ เพราะเอาแต่รู้สึกว่าเธอไม่สามารถสบสายตาอ่อนโยนคู่นั้นของหลี่จื่อเชียนได้ ราวกับเธอเป็นผู้ร้ายมีความผิด ความรู้สึกแบบนี้เป็นอะไรที่รับไม่ไหวจริงๆแต่เธอก็บอกออกไปตรงๆไม่ได้ ถึงอย่างไรเรื่องแบบนั้นก็เป็นเรื่องน่าอายอยู่ดีที่ฉูเจ๋อหยางทำกับเธอนอกจากสร้างบาดแผลก็คือการบังคับ แบบนั้นเธอจึงต้องพารุ่ยรุ่ยจากไปโดยไม่บอกไม่กล่าว กับฉูเจ๋อหยางแล้วเธอไม่คิดว่ามีอะไรที่ต้องติดค้างกันเลยสักนิดแต่กับจื่อเชียนไม่ใช่อย่างนั้น ตั้งแต่ตอนแรก มันเป็นความสัมพันธ์ที่เธอรบกวนเขามาตลอด จนถึงตอนที่จะแยกจากกัน สุดท้ายเธอก็ยังพึ่งความช่วยเหลือจากเขาอยู่ดี ดังนั้นความรู้สึกผิดรุนแรงในใจตอนนี้ ทำให้เธอละอายใจมากเกินกว่าจะเข้าหน้ากับจื่อเชียนได้เป้ยฉ่ายเวยลองมาคิดดูอีกครั้ง ถ้าหากรุ่ยรุ่ยยอมรับจื่อเชียนได้จริงๆ เพื่อรุ่ยรุ่ยและเพื่อตอบแทนจื่อเชียน เธอยินยอมที่จะสานสัมพันธ์กับเขาก็ได้ ต่อให้มันจะไม่ใช่ความรัก แต่หวังว่าต่อๆไปก็คงมีความผูกพันบ้างล่ะ นอกจากที่เธอคิดเอาไว้ อย่างน้อยก็ครั้งนี้ล่ะ ทุกคนก็ดูเห็นดีเห็นงามกันไม่ใช่หรอ?

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์