โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 265 กลอุบาย

บทที่ 265 กลอุบาย

“เธอยังไม่เลิกยุ่งกับอาเจ๋ออีกหรอ” น้ำเสียงของเหาเสว่ฉินหนักขึ้น

หนานฉิงพยักหน้า พูดขึ้นอย่างเจ็บปวด “ใช่ค่ะ เพื่อรักษาความเป็นเพื่อนในอดีตเอาไว้หนูเลยไม่อยากทำให้เรื่องมันไปกันใหญ่มากกว่านี้ แต่เธอก็รังแกกันเกินไปแล้ว แม่คะ หนูทนกล้ำกลืนต่อไปไม่ไหวจริงๆ”

“เสี่ยวฉิง ลูกวางใจได้แม่จะไม่ให้แกต้องรู้สึกเสียใจเด็ดขาด” ตาของเหาเสว่ฉินทอแววเยือกเย็น ตบมือเธอเบาๆปลอบโยนพร้อมถามขึ้นว่า “แต่ความสัมพันธ์ของแกกับฉูเจ๋อหยางไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆใช่ไหม”

หนานฉิงสูดจมูกได้ถูกเวลา นัยน์ตาเศร้าๆมองไปทางเหาเสว่ฉิน “แม่ แม่ไม่เชื่อในเสน่ห์ของลูกสาวตัวเองหรอ ขอแค่ไม่มีนังนั่นมาแทรกกลาง อาเจ๋อก็ไม่มีทางทำแบบนี้กับหนูหรอก”

“มานี่มา แม่จะสอนแกเองว่าควรทำยังไง” เหาเสว่ฉินครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็คิดกลอุบายในใจขึ้นมา

หนานฉิงรีบชะโงกหน้าเข้าไป เหาเสว่ฉินก้มลงกระซิบกระซาบอยู่ข้างหูเธอ ดวงตาของหนานฉิงก็เป็นประกายขึ้น สุดท้ายก็ไม่หลงเหลือความเสียใจเอาไว้ มีเพียงความตื่นเต้นที่เหลืออยู่

พูดขึ้นเสียงอ้อนๆด้วยความดีใจว่า “แม่ดีจังเลย”

แม่คงเคยอาบน้ำร้อนมาก่อนจริงๆ แผนของแม่ไม่มีอะไรไม่ดีเลย แบบนี้ต้องสามารถทำให้คนชั้นต่ำอย่างเป้ยฉ่ายเวยเหลือทนแน่ เธออยู่เฉยไม่ได้แล้ว

“แม่ไม่ดีกับลูกแล้วจะให้แม่ไปดีกับใคร” เหาเสว่ฉินพูดออกมาอย่างรักใคร่

หนานฉิงหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา “อื้อ หนูรู้แล้วค่ะว่าควรทำยังไง”

“แกนี่นะ ต่อไปก็อย่าวู่วามอีกล่ะ ในห้องมีแต่เศษแก้ว ออกไปข้างนอกกับแม่ดีกว่า” เหาเสว่ฉินเขี่ยจมูกลูกสาวเบาๆ

“ก็ได้ค่ะ หนูเชื่อฟังแม่หมดเลย” หนานฉิงแปลงร่างกลับไปเป็นคุณหนูผู้เป็นเด็กดีและเชื่อฟังในทันที

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยกลับมาถึง รุ่ยรุ่ยก็ตื่นมาพอดี เมื่อเห็นว่าเธอกลับมาแล้ว ก็วิ่งโถมเข้าไปในอ้อมกอดของเธอราวกับนกที่เพิ่งบินกลับรัง “แม่ครับ แม่กลับมาแล้ว”

“ขอโทษนะครับรุ่ยรุ่ย เมื่อวานแม่เมา เลยทำให้หนูเป็นห่วงเลย” เป้ยฉ่ายเวยมองไปทางหลี่จื่อเชียนที่อยู่ข้างๆอย่างรู้สึกผิด

สายตาของจื่อเชียนก็ยังอบอุ่นไม่เปลี่ยน ยิ้มกลับมาด้วยรอยยิ้มปลอบใจ

“แม่ครับ ครั้งต่อไปห้ามเป็นแบบนี้นะ” รุ่ยรุ่ยทำตัวเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็กน้อย พูดขึ้นมาอย่างแกล้งทำเป็นซีเรียส

เป้ยฉ่ายเวยอดขำไม่ได้ “ได้จ้าๆ แม่รู้แล้ว นี่ยังไม่กินข้าวกันใช่ไหม งั้นเดี๋ยวแม่ไปทำให้กินนะ"

“ไม่ต้องแล้ว อาหารเตรียมเสร็จแล้วล่ะ กินได้ตลอดเวลาเลย” หลี่จื่อเชียนสั่งให้คนทำข้าวเที่ยงเอาไว้ให้อย่างรู้ใจกัน แค่รอให้เธอกลับมาก็กินได้เลย

“จื่อเชียนขอบใจนายนะ”

“เรื่องเล็กๆเอง เวยเวยเธอไม่ต้องเกรงใจฉันขนาดนี้ก็ได้” หลี่จื่อเชียนยิ้มออกมาอ่อนๆ

“หลานรัก ป้าพาหนูไปกินข้าวดีกว่า” อวี๋ซือซือดูออกว่าเป้ยฉ่ายเวยมีเรื่องอยากพูดกับหลี่จื่อเชียนตามลำพัง จึงจูงมือรุ่ยรุ่ยเดินไปทางห้องครัวก่อน

เป้ยฉ่ายเวยมีเรื่องอยากจะพูดกับหลี่จื่อเชียนจริงๆ หลังจากที่เกิดเรื่องเมื่อวานขึ้น เธอก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว รู้สึกได้ว่าที่ฉูเจ๋อหยางแสดงออกมามันดูอันตรายเกินไป เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ ต้องรีบทำอะไรแล้ว

เธอต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด “จื่อเชียน ฉันรู้ว่าถ้าถามนายตอนนี้มันอาจจะลำบากนาย แต่ฉันอยากไปจากที่นี่ให้เร็วขึ้นหน่อย เวลาที่รุ่ยรุ่ยต้องผ่าตัดก็ใกล้เข้ามาแล้ว”

แต่หลี่จื่อเชียนกลับยิ้ม “เวยเวยฉันก็กำลังจะพูดกับเธอเรื่องนี้อยู่พอดีเลย ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วล่ะ ไม่ว่าเธออยากไปตอนไหน ฉันก็จัดการให้ได้ทุกเวลา แต่ก็หวังว่าเธอจะไม่ว่ากัน เพราะฉันจะไปด้วย”

“ห๊า?” เมื่อได้ยินคำตอบของหลี่จื่อเชียน เป้ยฉ่ายเวยก็อึ้งไปนิด

“เพราะฉันไม่สบายใจที่จะปล่อยให้พวกเธอสองแม่ลูกไปกันเอง ถ้าการผ่าตัดของรุ่ยรุ่ยสำเร็จฉันก็กลับแล้ว” และนี่ก็เป็นโอกาสที่เขาจะให้ตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

เป้ยฉ่ายเวยมองสายตาจริงจังของจื่อเชียน รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น เธอไปกับรุ่ยรุ่ยเพียงลำพังก็คงไม่สะดวกอย่างที่ว่า เพิ่มมาอีกสักคนก็คงดีไม่น้อย แต่เธอก็ไม่อยากรบกวนเขาไปมากกว่านี้แล้ว

ตัวเธอรู้สึกผิดเกินไปแล้ว

ราวกับหลี่จื่อเชียนรู้ว่าเธอคงกำลังคิดไม่ตก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เวยเวย ที่ฉันทำถึงขนาดนี้ มันไม่ใช่เพื่อเธอทั้งหมด แต่เพื่อรุ่ยรุ่ยด้วย เธอคนเดียวดูแลเขาคงยุ่งจนมือไม่ขาดสายแน่ ไหนจะปัญหาเรื่องที่อยู่ที่กินอีก เพื่อรุ่ยรุ่ยแล้วก็หวังว่าเธอจะไม่ปฏิเสธฉันนะ”

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยมองเห็นความจริงใจและความอ่อนโยนในสายตาของเขา เธอจึงใจร้ายไม่ลง มันก็จริงอย่างที่เขาว่าเธอต้องการใครอีกคนยื่นมือเข้ามาช่วย เคยมีความคิดที่จะจ้างคนดูแล แต่คนดูแลที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่ดีเท่าคนรู้จักมักคุ้นกันหรอก

เธอผ่อนลมหายใจออกมา ยิ้มอย่างจนปัญญา พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ก็ได้ จื่อเชียนฉันรู้ว่าถ้าพูดขอบคุณอีกครั้งคงดูแปลกๆ แต่ฉันก็ยังอยากพูดอยู่ดี ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ ต่อไปนี้ถ้ามีเรื่องอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ นายต้องให้โอกาสฉันได้ตอบแทนนะ”

ที่เขาต้องการมาตลอดก็มีแค่เรื่องเดียว นั่นก็คือการได้ดูแลเธอและลูก แต่จื่อเชียนก็เก็บซ่อนความคิดนี้เอาไว้ “ได้สิ ถึงตอนนั้นฉันจะไม่เกรงใจเลย”

เมื่อได้ฟังคำตอบของหลี่จื่อเชียน เป้ยฉ่ายเวยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยเธอก็น่าจะมีโอกาสได้ตอบแทนเขาล่ะไม่ใช่หรอ?

“ไปกันเวยเวย รุ่ยรุ่ยกับซือซือคงรอพวกเราไปกินข้าวอยู่” หลี่จื่อเชียนขำกับท่าทางน่ารักๆที่ถอนหายใจออกมาแบบโอเวอร์แอคติ้งของเธอ อย่างกับแมวแหนะ อยากจะลูบผมเธอเลย

“โอเค” เป้ยฉ่ายเวยก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้า จนลืมไปว่าตัวเองเจ็บตรงไหนอยู่ ทันทีที่ยกเท้าจะก้าวเดิน บริเวณที่เป็นแผลก็เจ็บเสียดขึ้นมาทันที จนอดไม่ได้ที่จะซู๊ดปากออกมา

หลี่จื่อเชียนเห็นเป้ยฉ่ายเวยหยุดอยู่กับที่ ใบหน้าเหยเก เหมือนกำลังทนเจ็บอย่างนั้น จึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า “เวยเวย เธอเป็นอะไรไป เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”“เปล่า อาจเพราะเมื่อวานเมามากไปหน่อยเลยลื่นล้มน่ะ ตอนนี้เลยเจ็บอยู่หน่อยๆ แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอก” เป้ยฉ่ายเวยโกหกคำโตจนตัวเองรู้สึกผิด“กินข้าวเสร็จ ฉันจะพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วกัน” จื่อเชียนพูดขึ้นอย่างไม่สบายใจ เป้ยฉ่ายเวยรีบส่ายหน้า พูดออกมาอย่างรีบร้อน “ไม่ต้องหรอก แค่แผลเล็กๆเอง ไม่กี่วันก็น่าจะหายดีแล้ว” หลี่จื่อเชียนมองสีหน้าที่ดูไม่เป็นธรรมชาติของเป้ยฉ่ายเวย ในใจก็ปวดหนึบขึ้นมา สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป พูดขึ้นด้วยเสียงอบอุ่นเหมือนเคย “โอเค ถ้าทนไม่ไหวตรงไหน ต้องบอกฉันนะ”“อืมๆ เรารีบไปกินข้าวกันเถอะ” เป้ยฉ่ายเวยไม่กล้ามองตาหลี่จื่อเชียน ทนเจ็บเอาไว้รีบก้าวเดินไปทางห้องครัวในใจก็เอาแต่สาบส่งฉูเจ๋อหยาง โทษแค่สัตว์ป่าแบบเขาเลย ไม่งั้นเธอคงไม่เป็นหนักอย่างนี้หรอก คิดไปถึงภาพที่ชวนทำให้หน้าแดงนั้น เธอก็แทบอยากจะวิ่งชนกำแพงให้รู้แล้วรู้รอดไปที่น่าโกรธก็คือเธอยังจำภาพร้อนแรงเหล่านั้นได้หมด ทั้งท่าต่างๆที่ทำกัน มันยังชัดเจนจนเหมือนหนังโป๊ที่คอยเอาแต่ฉายอยู่ในหัว“เวยเวย เป็นอะไรไป เป็นไข้หรอ? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น” เมื่ออวี๋ซือซือเงยหน้าขึ้นก็เห็นเป้ยฉ่ายเวยเดินเข้ามาด้วยท่าเดินแปลกๆ หน้าก็แดงอย่างกับตูดลิง

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์