โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 274 ลิ่วเอ่อร์ครั้งที่สองแล้วนะ

บทที่ 274 ลิ่วเอ่อร์ครั้งที่สองแล้วนะ

“ทำดีมาก เสี่ยวเจี้ย” ลิ่วเอ่อร์ตบบ่าเขาอย่างชื่นชม เขาที่ขี้ระแวงไม่ได้รีบขึ้นไปดูในทันที แต่สั่งให้ลูกน้องคนนี้ออกไปสำรวจรอบๆให้ดีก่อน ถ้ามีอะไรตุกติกแม้แต่น้อย ให้รีบรายงานโดยด่วน

“พวกแกรออยู่นี้นานแล้ว เห็นอะไรน่าสงสัยบ้างไหม”

“เฮียเอ่อร์ สบายใจได้เลย ผมให้พวกลูกน้องตรวจสอบท่าเรือนี้ดูแล้ว วันนี้ไม่มีใครมาที่นี่ซักคนครับ” เสี่ยวเจี้ยทุบอกเป็นประกัน

ได้ยินดังนั้นลิ่วเอ่อร์ก็พยักหน้า ก้าวเท้าเดินขึ้นเรือไป

ชายชุดชำทั้งหลายคอยจับปืนสั้นเอาไว้ในมือ คอยจับตามองทุกอย่างรอบๆอย่างเคร่งเครียด ล้อมเรือเอาไว้เพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัย ถ้ามีคนเข้ามาใกล้บริเวณนี้ ต้องถูกยิงจนร่างพรุนเป็นรังผึ้งแน่ๆ

“เมื่อไหร่จะลงมือ” เจี่ยงเสี่ยวเล่อเริ่มจะอดทนรอไม่ไหวแล้ว ไม่คิดเลยว่าไอ้สวะอย่างลิ่วเอ่อร์ ในเวลานี้จะมีอาวุธมาด้วย สงสัยเขาคงประเมินหนูท่อตัวนี้ต่ำไปจริงๆ

ถังฉีตงก็มองฉูเจ๋อหยางเช่นกัน ถ้าออกไปตอนนี้ก็คงจับพวกนั้นได้พร้อมของกลางแล้ว ลิ่วเอ่อร์คิดจะหนีก็คงหนีไม่ได้แน่ นอกเสียจากว่าลิ่วเอ่อร์จะมีปีกบินหนีน่ะนะ ถ้าไม่อย่างนั้นคืนนี้มันก็ต้องเป็นแค่ลูกไก่ในกำมือพวกเขาเท่านั้น

ฉูเจ๋อหยางตอบกลับมาแค่คำสั้นๆว่า “รอก่อน”

ในฐานะที่เป็นคนออกคำสั่งของคนในทีม เขาก็ต้องลดความอันตรายที่จะเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด ประมาณใช้ต้นทุนน้อยแต่ได้กำไรมหาศาล

เมื่อฉูเจ๋อหยางบอกให้รอก่อน ทุกคนจึงทำได้แค่รอ

ทุกๆวินาทีราวกับหลอมละลายกลายเป็นเหงื่อที่ไหลอาบอยู่บนหลัง เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย ในค่ำคืนที่อุณหภูมิสูงถึงสามสิบสององศา ภายในรถจึงไม่แม้แต่จะเปิดเครื่องทำความเย็น แม้แต่ไอเย็นๆที่แผ่ออกมาจากตัวของฉูเจ๋อหยางก็ยังทำให้เหงื่อไหลซกออกมา

ทุกคนแกล้งทำเป็นไม่ได้ร้อนอะไร สถานการณ์ลำบากกว่านี้ก็ใช่ว่าไม่เคยเจอ ฉะนั้นพวกเขาจึงชินกับมันแล้ว ได้นั่งอยู่ในรถก็ถือว่าสบายที่สุดแล้ว

ก็แค่ทรมานกับการรอก็แค่นั้น

แม้ว่าทุกคนจะถูกบรรยากาศตึงเครียดแผ่คลุมเอาไว้หมด ฉูเจ๋อหยางก็ยังคงประเมินสถานการณ์อย่างสุขุมเยือกเย็น

หลังจากที่ลิ่วเอ่อร์ขึ้นไปบนเรือเป็นเวลาสิบนาทีได้ในที่สุดก็กลับออกมาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มพอใจ เขาดูสินค้าพวกนั้นแล้ว เป็นของคุณภาพดีทั้งนั้น ขอแค่คืนนี้ขนสินค้าออกไปจากท่าเรือได้อย่างราบรื่น

ลิ่วเอ่อร์คนนี้ก็จะมีจุดเปลี่ยนชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ถึงตอนนั้นเขาจะไม่ใช่ฝ่ายที่ต้องคอยสังเกตแววตาคนอื่น แต่คนพวกนั้นต่างหากที่ต้องหันมาประจบสอพลอเขา

ไม่เสียแรงที่เขาลงแรงกับเสิ่นชีชี รอให้เขามีเงิน เขาจะซื้อกระสุนอีกล็อตใหญ่ ถึงตอนนั้นถ้าเขาจะบีบฉูเจ๋อหยางให้ตายก็ย่อมทำได้

“เฮียเอ่อร์ แล้วจะทำยังไงกับคนพวกนั้นครับ” เสี่ยวเจี้ยหมายถึงคนที่ถูกจับมาอยู่บนเรือ

ลิ่วเอ่อร์ยกมือทำท่าคีบบุหรี่ เสี่ยวเจี้ยก็รีบควักหยิบเอาบุหรี่ออกมาสอดไว้บนนิ้วของลิ่วเอ่อร์อย่างรู้งาน จากนั้นก็จุดไฟบุหรี่ให้กับลูกพี่อย่างนอบน้อม

ควันบุหรี่สีหม่นถูกพ่นออกมาจากปากของลิ่วเอ่อร์ เขาค่อยๆเปิดปากพ่นควันออกมาช้าๆ “ฆ่าทิ้ง เป็นอาหารปลา”

“ครับ เฮียเอ่อร์” เสี่ยวเจี้ยพยักหน้ารับทราบ

ลิ่วเอ่อร์ส่งสัญญาณมือให้คนที่อยู่ตรงปากทางเข้าท่าเรือ ไม่นานรถบรรทุกสองคันก็วิ่งเข้ามา

“ระวังด้วย อย่าให้ของตกหล่น” ลิ่วเอ่อร์ยืนสูบบุหรี่อย่างพอใจอยู่ข้างๆ เห็นลูกน้องที่ขนของลงจากเรือแต่ละเที่ยว ความละโมบในแววตาก็เผยออกมาอย่างปิดไม่มิด ไม่เสียแรงที่เขาเสี่ยงลงทุนลงแรงไปเยอะ

เขาดูดเงินจากเสิ่นชีชีมาเยอะ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงฮุบกินสินค้าล็อตใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้หรอก ยังดีที่เขาพอมีสมองอยู่บ้าง ไม่เหมือนคนพวกนั้นที่รู้จักแต่เรื่องฆ่าๆแกงๆ

นิ้วมือเรียวยาวของฉูเจ๋อหยางเคาะบนหลังมืออยู่สองสามที จากนั้นก็หยุดกะทันหัน เสียงทุ้มเย็นทรงพลังก็ดังขึ้น “ลงมือได้”

ทันที่ฉูเจ๋อหยางเปล่งเสียงออกมา ถังฉีตงก็ถือเครื่องสื่อสารเตรียมพร้อมไว้ในมือแล้ว พูดกับคนอีกด้านที่รอซุ่มโจมตีอยู่ว่า “ลงมือเลย”

เสียงครืดๆดังขึ้น ประตูรถก็ถูกเปิดออกมา เจี่ยงเสี่ยวเล่อโดดลงจากรถเป็นคนแรก ตามด้วยถังฉีตงที่ส่ายหัวอย่างเอือมๆ ซนเหมือนลิงจริงๆ

ลิ่วเอ่อร์คีบบุหรี่ที่เหลืออยู่ครึ่งมวนไว้ในมือ สัญชาตญาณที่สะสมมานานกำลังบอกเขาว่าอะไรบางอย่างกำลังรุกคืบเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สีหน้าของเขาจึงค่อยๆตึงเครียดขึ้นมา

“เฮียเอ่อร์ เป็นอะไรไปครับ” เสี่ยวเจี้ยไม่เข้าใจท่าทีที่ตอนแรกยังดูดบุหรี่อย่างสบายอารมณ์ของลิ่วเอ่อร์ มาตอนนี้กลับหน้านิ่วคิ้วขมวดซะงั้น

“หุบปาก” ลิ่วเอ่อร์กดเสียงต่ำ ไม่ได้สนใจลูกน้อง ตั้งใจฟังเสียงนั้นต่อไป ใกล้แล้ว เสียงนั้นใกล้เข้ามาจนได้ยินชัดแล้ว

เสี่ยวเจี้ยโดนตวาด จึงไม่กล้าพูดมากอีก แต่เมื่อเห็นแววตาของลิ่วเอ่อร์ที่ยิ่งดูแข็งกร้าวขึ้นอารมณ์ของเขาก็เป็นไปด้วย กลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว ล้วงหยิบเอาปืนที่เหน็บไว้ข้างหลังออกมา ยกขึ้นเสมออก จ้องเขม็งไปยังทางเข้าท่าเรือ

ทำไมเขาไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรเลย ไม่ได้ยินอะไรด้วย

ไม่ถึงหนึ่งนาที สีหน้าของลิ่วเอ่อร์ก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ตะโกนบอกลูกน้องที่กำลังขนย้ายของว่า “ทุกคนขึ้นรถ รีบสลายตัวเร็ว”

“เฮียเอ่อร์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ของยังขนลงมาไม่หมดเลยนะครับ จะไปทั้งอย่างนี้หรอ” เสี่ยวเจี้ยมองรถที่บรรทุกของยังไม่ถึงครึ่ง จึงถามขึ้นอยากข้องใจ

ลิ่วเอ่อร์ถีบเสี่ยวเจี้ยให้หลีกทาง รีบวิ่งไปที่รถด้วยความเร็ว ความรู้สึกเขามันไวพอ ของน่ะทิ้งได้ก็ทิ้ง แต่ว่าคนที่เขาจะเจอไม่ใช่คนธรรมดาแน่

คนนั้นก็คือฉูเจ๋อหยางที่เขาไม่เคยเอาชนะได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีความ หรือจะเรื่องแผนการ ชายหนุ่มน่ากลัวเพราะไม่ว่าเรื่องใดเขาก็ไม่เคยประมาทเลินเล่อ

หลังจากเสียงดังขึ้น ท่าเรือที่ตอนแรกเงียบสงบตอนนี้มีกลุ่มคนหลั่งไหลออกมา ล้อมพวกเขาเอาไว้ทั้งหมด

เสี่ยวเจี้ยที่ล้มอยู่บนพื้นก็ตกใจจนไม่กล้าลุกขึ้นยืน แนบหัวลงกับพื้นให้ต่ำที่สุด แอบลอบมองผู้ชายหลายคนที่สวมใส่เสื้อกันกระสุนราวกับผ่านการฝึกมาอย่างดีผ่านช่องเล็กๆ สายตาจับจ้องมาที่พวกเขาโดยพร้อมเพรียง

คนของพวกเขาตื่นตระหนกจนไม่มีสติหลงเหลืออยู่แล้ว เปรียบเทียบดูแล้ว ไม่ต้องคิดเยอะยังรู้เลยว่าคนของฝั่งนั้นเก่งกาจแค่ไหน ราวกับทุกคนคุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้เป็นอย่างดีสายตาโหดๆของลิ่วเอ่อร์จับจ้องไปยังจุดหนึ่ง เหมือนกำลังรอให้ใครบางคนปรากฏตัวออกมาไม่นานตรงตำแหน่งที่เขาจดจ้องอยู่ ก็มีร่างสูงตระหง่านค่อยๆเดินออกมาจากความมืด นัยน์ตาเย็นๆที่เหมือนเกร็ดน้ำแข็งมองมาที่เขา เขย่าขวัญคนมองได้เป็นอย่างดี มือลิ่วเอ่อร์ทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่ ดวงตาเบิกค้าง เขารู้ ว่าต้องเป็นแผนของฉูเจ๋อหยางแน่ๆ เขาคงรีบร้อนเกินไป เลยไม่ได้คิดทบทวนให้ดีว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ มันจะเป็นอย่างราบรื่นได้ยังไงเมื่อเห็นหน้าของฉูเจ๋อหยาง แผลเป็นข้างซ้ายก็เจ็บตรึงขึ้นมาชั่วขณะ ความเคียดแค้นเผยออกมาจากเบื้องลึก เสียงแหบห้าวก็ดังขึ้นราวกับอยากฆ่าเขาทั้งเป็น “แกอีกแล้วหรอ”นัยน์ตาอึมครึมของฉูเจ๋อหยางกวาดมองมาทางเขาอย่างนิ่งๆ “ดูท่าแกคงจะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามันจะมีวันนี้”“แกรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”ลิ่วเอ่อร์ไม่เข้าใจ ฉูเจ๋อหยางมาที่นี่ได้ยังไง มันก็เป็นแค่ทนายไม่ใช่หรอ ทำไมถึงได้รู้ข้อมูลเยอะขนาดนี้ อีกอย่างเขาหายเงียบไปตั้งนาน กว่าจะล้วงข้อมูลจากเสิ่นชีชีมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายฉูเจ๋อหยางยกมุมปากขึ้นน้อยๆ พูดความนัยที่มีแค่เขาสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ “ลิ่วเอ่อร์ ครั้งที่สองแล้วนะ”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์