โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 278 มารหัวขน

บทที่ 278 มารหัวขน

“แกว่าอะไรนะ เป้ยฉ่ายเวยไปไหนนะ” หนานฉิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันที ชักถามขึ้นเสียงดัง

“คุณหนู เราหาโอกาสลงมือไม่ได้เลยครับ” ผู้ชายที่มารายงานรู้สึกผิดมาก

หนานฉิงทำมือให้เขาหุบปาก ขมวดคิ้วมุ่น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ถามว่า “พวกแกบอกว่าพวกแกสะกดรอยตามไปถึงไหนนะ”

“สนามบินครับ มีผู้ชายคนนึงกับเด็กคนนึงไปด้วย มีบอดี้การ์ดของผู้ชายคนนั้นคอยคุ้มกันไว้ตลอดทาง พวกเราเลยเข้าไปใกล้ไม่ได้ครับ” ชายหนุ่มตอบตามความจริง

“เด็ก? เด็กอะไร” ใจของหนานฉิงเต้นโครมคราม กำคอเสื้อของชายคนนั้นถามออกมาอย่างไม่รักษาท่าที มือขาวนวลทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดนูนขึ้นมาอย่างเครียดๆและตื่นตัว

ชายหนุ่มที่โดนเธอกำคอเสื้อก็งุนงงนิดหน่อย แต่เขาก็ไม่กล้าขัด จึงทำได้แค่ตอบกลับไปอย่างอึ้งๆว่า “เป็น เป็นเด็กผู้ชายครับ หลี่จื่อเชียนอุ้มอยู่.......”

“ไม่ใช่แบบนี้ ฉันไม่ได้จะถามแบบนี้ แกบอกฉันมา เด็กผู้ชายคนนั้นประมาณกี่ขวบ หน้าตาเป็นยังไง รีบบอกมา” ประโยคสุดท้ายหนานฉิงพูดขึ้นเสียงแตก ตาของเธอเบิกกว้าง เหมือนเดจาวูของผีผู้หญิงในหนังสยองขวัญ

ชายหนุ่มตกใจจนเริ่มพูดติดอ่าง “ประ ประมาณ สะ สัก ไม่ถึงห้าขวบครับ กี่ กี่ขวบกันแน่ ผะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะว่าอยู่ไกลมาก พวกเราเลยไม่ค่อยเห็นหน้าตาเด็กคนนั้นชัดเท่าไหร่”

“ไม่ถึงห้าขวบ ไม่ถึงห้าขวบงั้นหรอ......” หนานฉิงปล่อยมือกะทันหัน ทั้งร่างชะงักนิ่งอึ้ง ราวกับไม่อยากจะเชื่อความจริงนี่

เด็กผู้ชายอายุไม่ถึงห้าขวบ แอบหนีไปกับเป้ยฉ่ายเวยและหลี่จื่อเชียน ต้องไม่ใช่ลูกของหลี่จื่อเชียนแน่ เพราะว่าหลี่จื่อเชียนก็เพิ่งจะกลับจากต่างประเทศได้ไม่เท่าไหร่เอง แต่ถ้าไม่ใช่ลูกหลี่จื่อเชียน แล้วจะเป็นลูกใครล่ะ

ทำไมพวกนั้นต้องพาเด็กไปด้วย ในใจก็พอจะนึกคำตอบออก แต่ยังไงเธอก็ไม่อยากจะเชื่อความจริงบ้าบอพวกนี้

ถ้านับตามจำนวนปี เด็กคนนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นลูกของเป้ยฉ่ายเวยกับอาเจ๋อ

ไม่ แบบนี้เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้

หนานฉิงกำข้อมือของผู้ชายคนนั้นเอาไว้มั่นราวกับเสียสติไปแล้ว ในแววตาปรากฏพายุที่กำลังก่อตัวดูน่ากลัว

แต่เสียงที่พูดกลับนุ่มนวลอย่างเหลือเชื่อ “แกบอกฉันมาซิ ว่าเด็กนั่นเรียกหลี่จื่อเชียนว่าอะไร เรียกว่าพ่อใช่ไหม แล้วก็เรียกเป้ยฉ่ายเวยคนชั้นต่ำคนนั้นว่าแม่ใช่ไหม”

เมื่อเธอเห็นชายหนุ่มทำท่าทางโง่ๆ ก็เขย่าเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี เสียงพูดก็เปลี่ยนไปเป็นตะคอกอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง “แกบอกมาสิ ใช่หรือไม่ใช่ฮะ!”

มีความเป็นไปได้ไหมที่ความจริงแล้วเด็กคนนั้นจะเป็นลูกที่เกิดมาลับๆของหลี่จื่อเชียนกับเป้ยฉ่ายเวย ตอนนี้พวกนั้นกลับมาคืนดีกัน ดังนั้นเลยหอบลูกหนีไปตามกันไป

ใช่ มันต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ เป็นแบบนี้ต่างหาก

ข้อมือของผู้ชายคนนั้นเจ็บแปลบขึ้นมา รอยข่วนของนิ้วทั้งสิบประทับอยู่บนข้อมือของเขาอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าออกแรงผลักผู้หญิงตรงหน้าที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะสติแตกออกไป

ทำได้แค่พยักหน้าอย่างล่กๆ “เด็กคนนั้นเรียกแค่เป้ยฉ่ายเวยว่าแม่ ไม่ได้เรียกหลี่จื่อเชียนว่าพ่อ แต่เรียกว่าลุงครับ”

ชายหนุ่มแอบบ่นพึมพำในใจคนเดียว คนทั้งประเทศเลื่องลือกันว่าคุณหนูตระกูลหนานมีการศึกษาและประพฤติตัวดี เรียบร้อยสงบเสงี่ยม จิตใจงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ เขาอยากจะบอกว่าไม่เหมือนอย่างที่พูดมาเลยสักนิด

ดูเธอตอนนี้สิ อย่างกับผีสาวคลุ้มคลั่งก็ไม่ปาน

ความหวังอันน้อยนิดในใจของหนานฉิงถูกตัดฉับจากคำตอบของชายหนุ่ม เธอสลัดมือของผู้ชายคนนั้นออกอย่างแรง ชี้มือไปทางประตูแล้วตวาดขึ้น “ไป ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้”

“ครับ ครับคุณหนาน” ชายหนุ่มรีบเผ่นหนี

หนานฉิงกุมหัวตัวเองไว้อย่างกับคนป่วยทางจิต เดินวนไปวนมาภายในห้อง ใบหน้าถมึงทึงดูน่ากลัว ปากก็เอาแต่พูดพึมพำๆ

“เป้ยฉ่ายเวยนังหน้าด้านยังมีหน้ามาทำให้ไอ้มารหัวขนนั่นเกิดมาอีกนะ ฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่ ไม่ปล่อยไปแน่ๆ”

“ฮ่า!ฮ่า!ฉันจะฆ่าพวกแกเอง”

หนานฉิงหยิบเอาสารพัดสิ่งของปาใส่ผนังห้อง ห้องที่เพิ่งจะกลับมาเรียบร้อยได้ไม่ถึงสองวัน ตอนนี้ก็กลับมาระเกะระกะอีกครั้ง หลังจากที่เธอได้ระบาย สติก็ค่อยๆหวนกลับมา มือทั้งสองข้างสอดเข้าเส้นผม แววตาสั่นไหวล่อกแล่กดูน่ากลัว

เธอจะไม่ให้เป้ยฉ่ายเวยเอาชนะได้เด็ดขาด ถึงไอ้มารหัวขนนั่นจะเป็นลูกของอาเจ๋อจริงๆ เธอก็จะทำให้แม่ของมันหายไปจากโลกนี้ให้ได้

ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือไม่ให้อาเจ๋อรู้ถึงการมีอยู่ของเด็กเวรนั่น ไม่อย่างนั้นถ้าดูจากนิสัยของอาเจ๋อแล้ว คงไม่ยอมนิ่งดูดายแน่ ถึงตอนนั้นแล้วเกิดมีเด็กอีกคนมาเป็นโซ่ทองคล้องใจอีก เธอจะทำอย่างไร

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แผ่นหลังของหนานฉิงก็มีเหงื่อผุดขึ้นมา เบื้องลึกในใจก่อเกิดเป็นความหวาดหวั่นที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ เธอจะเสียอาเจ๋อไปอีกไม่ได้

ความสัมพันธ์ของเธอกับอาเจ๋อหยางยิ่งระหองระแหงอยู่ด้วย ถ้าเกิดมีมารหัวขนของเป้ยฉ่ายเวยขึ้นมาอีก แบบนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาคงยิ่งลดน้อยลงไปอีก

เมื่อคิดได้แบบนี้ แววตาของหนานฉิงก็ทอแววอำมหิต ก่อนที่อาเจ๋อจะรู้เรื่องของเด็กนั่น เธอคงต้องจัดการกับไอ้มารหัวขนนั่นก่อน

กะอีแค่เด็กคนหนึ่ง ถ้าหากอาเจ๋ออยากมี เธอก็ให้กำเนิดได้ จะมีกี่คนก็ไม่เป็นอะไร

เธอมีไอเดียแล้ว เธอไม่ได้เสียสติขนาดนั้น ตอนแรกที่เริ่มโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนไม่สามารถควบคุมได้ จนถึงตอนที่ค่อยๆสงบลง หนานฉิงใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมง เธอก็ผุดไอเดียได้อย่างรวดเร็ว เธอไม่สนว่าบนพื้นจะมีเศษแก้วแตกกระจายอยู่

เดินผ่านเข้าไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครบางคน

คนที่สามารถแก้ปัญหาเรื่องยุ่งยากได้ทุกอย่าง

รอสายอยู่ชั่วครู่ ก็มีคนรับ “เสี่ยวฉิง คิดยังไงโทรหาฉันเนี่ย”

แม้หนานฉิงจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงบาดหูที่เหมือนเสียงเลื่อยไฟฟ้าของชายหนุ่ม ในใจก็สั่นกลัวขึ้นมา เธอตั้งสติ พยายามปรับเสียงของตัวเองให้ดูไม่ได้เกรงกลัวเขาสักเท่าไหร่ “หลี่อ๋าว ฆ่าคนๆหนึ่งให้ฉันหน่อย ไม่สิ สองคนต่างหาก ฉันให้ห้าล้าน”

“เสี่ยวฉิงเธอเลือกฉันแล้วหรอ ขอแค่เธอบอกมา อย่าว่าแต่สองคนเลย สิบคน ร้อยคนก็ไม่มีปัญหา” หลี่อ๋าวพูดออกมาอย่างมีนัยยะหนานฉิงเม้มริมฝีปาก แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ พูดขึ้นอย่างเป็นการเป็นงาน “ฉันถามว่านายจะรับหรือไม่รับ”ปากก็ถามไปอย่างงั้น แต่เธอมั่นใจว่าเขาจะไม่ปฏิเสธแน่ เพราะเธอรู้ว่าผู้ชายในสายนี้หลงเธอมากแค่ไหนและก็เพราะว่าผู้ชายคนนี้ยึดติดกับเธอจวนเจียนจะกลายเป็นรักวิปริตไปแล้ว ดังนั้นเธอเลยไม่กล้ายุ่งกับเขามาก เป้ยฉ่ายเวยยังกล้าแอบมีเด็กเวรนั่นลับหลังอาเจ๋อเลย แล้วเธอจะต้องมีอะไรให้ไม่กล้าทำเรื่องอย่างนี้หลี่อ๋าวตอบรับอย่างพึงพอใจอย่างที่คิดไว้จริงๆ “รับสิ”แต่เขาไม่ได้ต้องการเงิน เงินสำหรับเขาแล้วมันก็แค่ตัวเลข “ฉันไม่ต้องการเงิน ฉันต้องการแค่เธอ....."“หลี่อ๋าวอย่าเยอะ” หนานฉิงไม่รอให้เขาพูดอะไรออกมาอีกรีบพูดตัดบทด้วยความรำคาญ ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีตัวเลือกอื่น ก็แค่หลี่อ๋าวคือนักฆ่ามืออาชีพ แค่ให้เงินเขาให้สมกับชื่อเสียงของเขา คนๆนั้นก็จะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปนี่ต่างหากคือเหตุผลจริงๆที่เธอยอมเสี่ยงถึงขนาดนี้เธอรู้จักกับหลี่อ๋าวโดยบังเอิญ ไม่รู้หลี่อ๋าวกินยาไม่เขย่าขวดหรือยังไง ถึงได้มาสนใจเธอได้ ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะมีพ่อแม่ของเธออยู่ ป่านนี้ผู้ชายคนนี้คงฉุดเธอไปแล้ว

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์