บทที่ 287 ใจเขาแข็งเหมือนปาก
ดูสิ นี่แหละฉูเจ๋อหยาง เอาแต่ใจที่หนึ่ง ทุกคนต้องคอยหมุนรอบตัวเขา
เขาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร
เป้ยฉ่ายเวยยักไหล่ เธอหัวเราะกับตัวเอง “ใช่สิ ฉันได้คืบจะเอาศอก ถ้าหากว่าคุณยอมรับข้อเสนอฉันไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ยอมแพ้เสียเถอะ กลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเมื่อสีปีก่อนก็แล้วกัน”
“เป็น ไป ไม่ได้” ฉูเจ๋อหยางแค่คิดว่าพอตัวเองปล่อยมือ ผู้หญิงตรงหน้าก็จะอันตรธานหายไปราวกับสายลม ใจเขาก็หงิกงอเหมือนเถาองุ่น เจ็บแปลบที่หน้าอก
เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่า จะปล่อยเธอไปอย่างนี้ไม่ได้
ไม่ได้เด็ดขาด
เป้ยฉ่ายเวยเหลือบมองด้านหลังฉูเจ๋อหยางพร้อมแสยะยิ้ม หลังมือเธอดึงชายตัวเกร็งคนนั้นลงมา จากนั้นก็ประทับริมฝีปากที่ทั้งนุ่มและแห้งลงไป เธอออกแรงทั้งหมดในการประจับจูบเขา
สอดส่ายปลายลิ้นไปอย่างเชื่องช้า วาดลวดลายริมฝีปากอันน่าประทับใจ
ริมฝีปากเขาแสนจะเยือกเย็น ราวกับน้ำแข็ง ทำเอาหัวใจเธอเกือบจะแข็งตามไปด้วย
---ฉูเจ๋อหยางหัวใจคุณเย็นชาเหมือนกับริมฝีปากของคุณใช่หรือไม่ ไม่ว่าสี่ปีมานี้ฉันจะให้ความอบอุ่นอย่างไรมันก็ไม่ได้ดีขึ้นมาเลย
ฉูเจ๋อหยางล่องลอยอยู่ครู่หนึ่งกับการจูบโดยฉับพลันของเป้ยฉ่ายเวย แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น จากนั้นเขาก็ได้สติคืนมา เขารีบเปลี่ยนจากฝ่ายรับเป็นคนจู่โจมในทันที เขาดันร่างเธอพิงไว้กับต้นไม้ จากนั้นก็โอบรอบเอวบางของเธอ จูบยิ่งถลำลึกลงไป
นี่เป็นการแสดงให้รู้ว่าผู้หญิงในอ้อมกอดคนนี้ยอมรับข้อเสนอของเขาแล้วใช่หรือไม่
เป้ยฉ่ายเวยยอมรับการจูบของเขาอย่างว่าง่ายอย่างเช่นทุกครั้ง มือของเขาค่อยๆวนรอบเอวบางของเธอเพื่อลดการปกป้องตัวของเธอ ในมุมที่เขามองไม่เห็น น้ำตาทั้งสองสายไหลออกจากดวงตาที่หลับสนิทของเธอ ไหลจากมุมของดวงตาลงสู่ด้านในปกเสื้อ
นี่จะเป็นการปล่อยตัวครั้งสุดท้ายของเธอ
ฉูเจ๋อหยางรู้สึกได้ว่าร่างของหญิงสาวสั่นไหว เขาออกแรงโอบกอดร่างของเธอไว้ เขาไม่พอใจกับการจูบธรรมดาๆ เขาต้องการปล่อยเธอก่อนแล้วพากันไปต่อที่โรงแรม
แต่ผู้หญิงในอ้อมแขนช่างน่าหลงใหล ทำให้เขาตัดใจหยุดการจูบอันร้อนแรงนี้ไม่ได้
ก่อนหน้านี้ทุกครั้งเป้ยฉ่ายเวยจะเขินอายเหมือนกระต่ายน้อยแสนบริสุทธิ์ ไม่ว่าพวกเขาจะหลับนอนกันมาแล้วกี่ครั้ง เธอก็ยังไม่เคยยอมปล่อยตัวตามสบาย แต่วันนี้กลับเหมือนเธอกลายเป็นคนละคน มันทำให้เขาหยุดไม่ได้
จูบนี้ยืดเยื้ออยู่เป็นเวลานาน
นานจนเป้ยฉ่ายเวยรู้สึกว่าอิ่มตัวแล้ว เธอใจเด็ด ผลักฉูเจ๋อหยางลงกับพื้น หน้าแดง จากนั้นก็ออกแรงเตะไปยังตำแหน่งยุทธศาสตร์ของผู้ชาย
“โอ๊ย---”
ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของชายคนนั้น เขากำกางเกงสูทรัดรูปแน่น เขาหายใจหอบ สายตาราวกับจะฆ่าคน เป้ยฉ่ายเชื่อว่าตัวเองได้โดนดีแน่
เธอถูกฉูเจ๋อหยางจ้องด้วยดวงตาดุร้าย เธอกลัวจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว พูดกล่าวขอโทษและยืนกราน “ฉูเจ๋อหยาง ฉันขอโทษ ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้ หวังว่าต่อไปคุณจะไม่มาตอแยฉันอีก”
พูดจบเป้ยฉ่ายเวยก็ไม่กล้ารอช้า แม้แต่รองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่เธอก็ถอดออก เธอวิ่งข้ามถนนพร้อมกับยกรองเท้าขึ้น พร้อมโบกรถสีดำคันหนึ่งให้จอดรอเธอ
เธอไม่กล้าหันกลับไปมอง ไม่ต้องหันกลับไปก็รู้สึกได้ว่าดวงตาสีดำของฉูเจ๋อหยางนั้นน่ากลัวเพียงใด เธอไม่มีทางออกจริงๆ
มีแค่จังหวะนี้เท่านั้นที่จะสลัดฉูเจ๋อหยางหลุดได้ ร่างกายเขาแข็งแกร่งจนน่ากลัว เธอจะรอช้าไม่ได้สักวินาที
เธอก้าวขึ้นรถ และขอให้คนขับไปส่งเธอที่โรงพยาบาล
หลังจากที่ออกรถแล้ว เป้ยฉ่ายเวยก็อดยืดตัวขึ้นไม่ได้ เธอมองผ่านกระจกหลังรถไป เห็นร่างของชายคนนั้นพิงอยู่ใต้ต้นไม้ สีหน้าเขาปกคลุมด้วยเงาใหญ่มองเห็นไม่ชัด
ดวงตาทั้งคู่นั้นเย็นชา แม้แต่มองผ่านกระจก เธอยังสามารถเห็นเปลวไฟในสายตาที่สามารถเผาผลาญทุกอย่างได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นฉูเจ๋อหยางดุร้ายเช่นนี้ และจะเป็นครั้งนี้เพียงครั้งเดียว
เป็นเพราะการจู่โจมของเธอแท้ๆ
เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้บอกว่าตัวเองฉลาด หรือว่ายังโง่อยู่ เธอรู้ว่าครั้งต่อไปที่เจอฉูเจ๋อหยาง เธอต้องตายแน่
“คุณเป้ย คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” เสี่ยวเฉินคนขับรถที่เอารถไปซ่อมวันนี้ได้กลับมา ก่อนที่เป้ยฉ่ายเวยจะออกไปก็ได้ส่งข่าวบอกเขาว่าตอนที่เขากลับมาให้เขามารับที่โรงพยาบาล
ไม่คาดคิดว่าระหว่างทางจะได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” เป้ยฉ่ายเวยพยายามบังคับตัวเองไม่ให้มองผู้ชายคนนั้นอีก เธอเอนหลังและพิงพนักเก้าอี้ เธอจึงพบว่าหลังเสื้อของตัวเองนั้นเหงื่อออกเยอะมาก
เธอพยายามหาทางผ่อนคลายตัวเองโดยการพ่นลมหายใจออกยาวๆ
เมื่อครู่นี้หน้าสิ่วหน้าขวานมาก เกือบไปแล้ว วันนี้มันวันซวยอะไร
“ไม่ต้องเกรงใจครับ คุณเป้ยจะให้ผมบอกกับนายท่านหน่อยไหมครับ” เสี่ยวเฉินหมายถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเป้ยฉ่ายเวยเมื่อครู่ เขาไม่รู้ว่านั่นคือฉูเจ๋อหยาง แต่เมื่อเห็นรถที่จอดอยู่ข้างๆ เขาเลยคิดว่าเป้ยฉ่ายเวยถูกคนปล้ำ
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพอรู้เรื่องเป้ยฉ่ายเวย เขาคงแจ้งความเรื่องนี้แน่
“ไม่เป็นไร แค่คนบ้าน่ะ” เป้ยฉ่ายเวยตอบอย่างไม่ค่อยสมเหตุสมผล
ถึงแม้เสี่ยวเฉินจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่เขาก็เคารพต่อการตัดสินใจของเป้ยฉ่ายเวย เขารู้ถึงสาเหตุที่ตนเองต้องคอยอยู่ที่นี่ และรู้ถึงความรู้สึกที่นายท่านมีต่อคุณเป้ย
เขาแค่หวังว่าเมื่อถึงเวลา คุณเป้ยจะไม่ทำให้นายท่านของเขาต้องผิดหวัง
ฉูเจ๋อหยางช้ากว่าเป้ยฉ่ายเวยเพียงไม่นาน เมื่อเธอไปถึงโรงพยาบาลก็รีบทำเรื่องที่หมอขอ จากนั้นกลับไปนังบ้านพัก และไม่กล้าออกไปไหนตามอีก
บังเอิญเจอฉูเจ๋อหยางสองครั้งในหนึ่งวัน มันยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่ ถ้าหากว่าไม่ใช่ฉูเจ๋อหยางวางแผนไว้ นั่นก็น่าสงสัยมาก ฉูเจ๋อหยางแอบติดกล้องไว้บนตัวเธอรึเปล่าเมื่อกลับถึงบ้านเป้ยฉ่ายเวยก็หายใจเข้าออกลึกๆ ทำให้ใจสงบลง ไม่กี่นาทีถัดไป เธอก็แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นในห้องนอน รุ่ยรุ่ยนอนอยู่บนพื้นพรม เป้ยฉ่ายเวยจ้องมองเขาด้วยสายตาเอ็นดู เธออุ้มคนขึ้นมานอนบนเตียง จากนั้นก็ห่มผ้าให้ เธอนั่งข้างเขาเงียบๆ ใจลอยไม่รู้ว่าตอนนี้ฉูเจ๋อหยางเป็นอย่างไรบ้าง เธอรู้สึกเป็นห่วง ไม่รู้น้ำหนักเท้าหนักหรือเบาไป ถ้าเตะจนทำเอาเขาเป็นไส้เลื่อนจะทำยังไงคิดแล้วเป้ยฉ่ายเวยก็กระสับกระส่าย ฉูเจ๋อหยางไม่น่าจะอ่อนแออย่างนั้นหรอก แต่ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ ใจเธอรู้สึกกลัว แต่หน้าก็ยังอยากจะยิ้มทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ….ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เธอรีบจัดการกับความคิดยุ่งเหยิงในหัว และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา"จื่อเชียน ทำไมโทรมาเช้าขนาดนี้ล่ะ" ตอนนี้ที่จีนน่าจะยังไม่ทันเจ็ดโมงเช้าเลย"อื้อ ตอนนี้ผมกำลังจะไปที่สนามบินแล้ว คุณกับรุ่ยรุ่ยเป็นยังไงบ้าง" เมื่อได้ยินน้ำเสียงกระฉับกระเฉงของหลี่จื่อเชียน เขาน่าจะได้กลับไปพบแม่ของเขาแล้ว หลายวันนี้ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ยิ่งทำให้เขาต้องรีบกลับมา ใจเขาอยู่ที่ต่างประเทศกับเธอที่นี่ ตัดสินใจแล้วว่าจะร่วมชีวิตกันตลอดไป
copy right hot novel pub