บทที่ 390 ทำอะไรอีก
เป้ยฉ่ายเวยยังไม่รู้ว่าสองพ่อลูกกำลังมีความลับอะไรกัน เธอเก็บของอยู่ในห้องคนเดียว ตอนที่เพิ่งเก็บของเสร็จ ก็เห็นพยาบาลพิเศษของรุ่ยรุ่ยเดินเข้ามา
คุณพยาบาลใส่ชุดกราวน์สีขาว ในมือถือแฟ้มข้อมูล
เป้ยฉ่ายเวยจึงถามว่า “ได้เวลาฉีดยาแล้วหรอคะ?”
คุณพยาบาลยิ้มแล้วส่ายหน้า “การตรวจอาการทั่วไปของรุ่ยรุ่ยเรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ว่าถ้าต้องกลับไปพักฟื้นที่บ้าน ก็ต้องคอยระวังอยู่ตลอดนะคะ ช่วงนี้คุณเป้ยคงต้องดูแลเป็นพิเศษหน่อย”
พูดพร้อมกับส่งแฟ้มในมือมาให้เป้ยฉ่ายเวย
“พักฟื้นที่บ้านหรอคะ?” ตอนแรกเป้ยฉ่ายเวยไม่ได้สนใจอะไรมาก กำลังจะเก็บขยะทิ้งลงถัง เพราะเวลานี้ถ้าเอาตามเวลาปกติ ก็ได้เวลาที่รุ่ยรุ่ยต้องฉีดยาแล้ว
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของพยาบาล ก็หันกลับไปอย่างไว
รู้สึกมันทะแม่งๆ
พยาบาลไม่น่าจะพูดแบบนี้ออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าแน่ อีกอย่างที่นี่ก็เป็นห้องพักมีระดับ ค่าห้องคืนหนึ่งก็ไม่น้อยเลย แม้โรงพยาบาลจะไม่ได้เป็นองค์กรเอกชน แต่ในสถานการณ์ที่รุ่ยรุ่ยยังไม่รู้ว่าจะดีขึ้นหรือเปล่าก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้เขาออกจากโรงพยาบาลได้ง่ายๆหนิ?
แล้ว พยาบาลพูดประโยคนั้นออกมาได้ยังไง?
ทันใดนั้นเองที่ในหัวของเป้ยฉ่ายเวยนึกไปถึงใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของฉูเจ๋อหยาง นัยน์ตาของเธอจึงปรากฏร่องรอยความเย็นยะเยือกออกมาจางๆ ในตอนที่รู้ตัวก็ปรับแววตานั้นให้จางหายไปเหลือไว้แต่แววตาเปล่งประกาย
คนแบบนี้ วางแผนทำให้คนอื่นต้องลำบากได้ตลอดเวลา
“ทนายฉูยังไม่ได้ปรึกษากับคุณเป้ยหรอคะ? เขาให้คนมาบอกผอ.ล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้กำลังทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล บ่ายๆก็คงจะออกโรงพยาบาลไปกับรุ่ยรุ่ยได้แล้วนะคะ” พยาบาลมองมาที่เป้ยฉ่ายเวยอย่างงงๆ
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเป้ยฉ่ายเวยเปลี่ยนไปในพริบตา เธอก็แอบพูดในใจคนเดียว แย่แล้ว เหมือนเธอทำอะไรผิดเลย
เป็นเรื่องจริงที่เป้ยฉ่ายเวยโกรธจนหน้าเขียว
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้รู้เรื่องนี้จากปากคนอื่น ฉูเจ๋อหยางคิดจะทำอะไร?
คิดจะแอบพารุ่ยรุ่ยย้ายไปที่อื่น แล้วไม่ให้เธอรู้งั้นหรอ?
พยาบาลเห็นดวงตาของเป้ยฉ่ายเวยแดงเถือก เลยคิดว่าตัวเองต้องพูดอะไรผิดไปแน่ๆ จึงเอ่ยพูดอย่างระมัดระวังว่า “คุณเป้ย บางทีทนายฉูอาจจะบอกคุณไม่ทันก็ได้นะคะ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการตัดสินใจอย่างกระชั้นชิดอยู่เหมือนกัน แม้แต่ผอ.เองยังตกใจเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นคุณไปถามทนายฉูดูก่อนไหมคะ เขาต้องบอกคุณแน่ๆ”
เป้ยฉ่ายเวยพูดลอดไรฟันว่า “ขอบคุณค่ะ ฉันจะไปถามเขา”
ขยะในมือถูกโยนทิ้ง จากนั้นก็เดินไปยังห้องถัดไปอย่างเร่งรีบ
ระยะทางที่แสนใกล้ เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกได้ว่าเพลิงโกรธในอกโหมกระหน่ำอย่างพลุ่งพล่าน ไม่สามารถข่มเอาไว้ได้อีกต่อไป
“คุณเป้ย” บอดี้การ์ดสองคนค้อมหัวให้เป้ยฉ่ายเวย แสดงออกอย่างนอบน้อม
เป้ยฉ่ายเวยไม่แม้แต่จะมอง เดินก้าวเร็วๆเข้าไปในห้อง
“ฉูเจ๋อหยาง!” เป้ยฉ่ายเวยกัดฟันกรอด
ฉูเจ๋อหยางเงยหน้าไปมอง แล้วนิ่งอึ้งไปซักพัก คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาหาเขา
แต่ ก็มาด้วยท่าทางเดือดดาล ดูท่าแล้วคงไม่ใช่ลางดีแน่
“มีอะไร?” เสียงของฉูเจ๋อหยางเรียบนิ่งไม่สั่นไหว
เป้ยฉ่ายเวยพูดขึ้น “คุณทำบ้าอะไรกันแน่?”
สีหน้าของเธอดูดุๆ ราวกับจะกัดกันให้ตายอย่างไรอย่างนั้น อย่าว่าแต่ฉูเจ๋อหยางที่อึ้งเลย รุ่ยรุ่ยเองก็อึ้งกับท่าทางของเธอเหมือนกัน
ฉูเจ๋อหยางขมวดคิ้ว “เป้ยฉ่ายเวย มีอะไรก็พูดมา อย่าพูดอะไรที่เข้าใจยากได้ไหม”
“เหอะ ได้ ฉันถามหน่อย คุณจะพารุ่ยรุ่ยย้ายโรงพยาบาล แต่ไม่คิดจะบอกฉันใช่ไหม? คุณคิดจะทำอะไร? คิดจะพารุ่ยรุ่ยหนีไปอย่างลับๆ แล้วก็ไม่ให้ฉันหาเขาเจองั้นหรอ? ฉูเจ๋อหยาง ข้อตกลงนั้นของเรามันเป็นแค่ข้ออ้างที่คุณเอามาใช้เพื่อถ่วงเวลาฉันเฉยๆใช่ไหม?” เป้ยฉ่ายเวยเดินเข้าไปดึงเอารุ่ยรุ่ยออกมาจากอ้อมแขนของเขา ดวงตาแดงก่ำมองมาอย่างกล่าวโทษ
ฉูเจ๋อหยางรู้สึกในหัวของเขาเครียดเกร็งขึ้นมาทันที แอบสบถด่าในใจว่าให้ตายเถอะ
ไม่รู้ว่าต้องด่าความมโนอันหลักแหลมของเป้ยฉ่ายเวย หรือต้องด่าพยาบาลที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องดี
เป้ยฉ่ายเวยยังคงกล่าวโทษต่อไป “ถ้าฉันไม่ได้ยินพยาบาลคนนั้นหลุดปากพูดออกมา ฉูเจ๋อหยางไหนบอกมาซิ ว่าสิ่งที่ฉันต้องกลับไปเจอตอนเย็นก็คือห้องเปล่าๆใช่ไหม? ตกลงคุณมีจิตสำนึกสักนิดไหม? ตอนนั้นคุณรับปากฉันแล้ว อย่าลืม ว่าสิทธิ์เฝ้าดูรุ่ยรุ่ยเป็นของฉัน คุณหยุดคิดที่จะพรากเขาไปจากฉันได้เลย”
ฉูเจ๋อหยางหรี่ตา ข่มไฟโทสะในใจเอาไว้ ดวงตาของเขากวาดมองเธอ ซึมทราบความสะเทือนอารมณ์ของเธอเอาไว้ “เป้ยฉ่ายเวย ทุกคนต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง ผมไม่สนว่าคุณไปได้ยินมาจากไหน แต่คุณมีสิทธิ์อะไรมากล่าวโทษกัน”
“แล้วคุณกล้าพูดไหมว่าคุณไม่ได้คิดที่จะแอบพารุ่ยรุ่ยหนีออกจากโรงพยาบาล?”
ฉูเจ๋อหยางกุมขมับ “ใช่ผมคิดจะพารุ่ยรุ่ยหนีออกไป แต่ไม่ได้คิดจะแอบพาออกไป แต่คิดจะพา.....”คุณทั้งสองคนไปด้วย
“คุณยอมรับเองจากปาก ยังจะมาพูดอะไรอีก!” เป้ยฉ่ายเวยขึ้นเสียง กรอบตาแดงๆมีน้ำตาไหลออกมา
“ฉูเจ๋อหยางคุณคิดว่าเด็กกำพร้าพ่อและแม่หม้ายมันน่ารังแกมากใช่ไหม คิดว่าฉันไม่มีทางหนีทีไล่ในการโต้กลับจริงๆหรอ? ฉันจะบอกให้นะ ถ้าคุณกล้าแอบพารุ่ยรุ่ยหนีไปจริงๆ ฉันทำเรื่องที่คุณไม่คาดคิดได้ทุกอย่างแน่!” ดวงตาของเป้ยฉ่ายเวยบ่งบอกว่าเอาจริงแน่
ฉูเจ๋อหยางเหยียดกายขึ้น แสยะยิ้มนิ่งๆ “อ่อ งั้นขอถามแบบไม่กั๊กเลยนะ ถ้าหากว่าผมคิดจะแอบพารุ่ยรุ่ยหนีไปจริงๆ คุณคิดจะทำอะไรหรอ?”
เป้ยฉ่ายเวยตะลึงตาค้าง
เอาแต่จ้องมองฉูเจ๋อหยางที่ทำหน้าอย่างกับสนุกนักหนา อารมณ์เธอดิ่งวูบลง
ที่แท้เขาก็คิดจะทำแบบนี้จริงๆ
ตอนแรกเธอก็เชื่อห้าสิบห้าสิบและเมื่อชั่งน้ำหนักแล้วก็เผื่ออีกยี่สิบไว้ด่า
เธอไม่ได้เชื่อเต็มๆว่าฉูเจ๋อหยางคิดจะแอบพารุ่ยรุ่ยหนีไปจริงๆ เพราะถึงอย่างไรเธอก็รู้จักที่อยู่เขา
แต่ว่าตอนนี้ เป้ยฉ่ายเวยไม่แน่ใจเลย ผู้ชายระยำคนนี้ทำอะไรไม่ได้บ้าง? ทันใดนั้น ในหัวของเธอก็ฉายภาพที่เขากับหลี่จื่อเชียนคุมเชิงกันเมื่อตอนเช้า ไม่ใช่ว่าคำพูดของหลี่จื่อเชียนไปกระตุ้นเขาเข้า เขาก็เลยทนรอไม่ไหวคิดจะลงมือก่อนเพื่อที่จะได้เป็นคนที่อยู่เหนือกว่างั้นหรอ? การมโนไปเองทำให้เป้ยฉ่ายเวยตกใจกลัว เธอเอ่ยปากพูดพร้อมทั้งหน้าซีดๆ “ฉูเจ๋อหยาง คุณ.....คุณจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ฉันจะบ้าตาย จะบ้าตายแล้วจริงๆ” บ้าได้ถึงขนาดที่อาจจะทำเรื่องไม่ดีได้ออกมาได้ อย่างเช่นฆ่าคนและลอบวางเพลิง บางที คนบ้าอาจจะไม่ได้รับความผิดทางกฎหมายมากก็ได้ รุ่ยรุ่ยรู้สึกได้ถึงจิตใจที่ดิ่งวูบลงอย่างรวดเร็วของเธอ เขากอดแขนของเป้ยฉ่ายเวยในทันที “แม่ครับ คุณพ่อพูดเล่น คุณพ่อไม่ได้จะพารุ่ยรุ่ยหนี รุ่ยรุ่ยเองก็จะไม่ไปไหน รุ่ยรุ่ยจะอยู่กับคุณแม่ อยู่กับคุณแม่ตลอดไป ไม่เอาคุณพ่อแล้วก็ได้ครับ ดีไหม?” ฉูเจ๋อหยางหน้าบึ้ง สองคนนี้สมกับเป็นแม่ลูกกัน ทึ่มทั้งคู่ “รุ่ยรุ่ย.....” เป้ยฉ่ายเวยร้องไห้ ร้องออกมาอย่างเศร้าเสียใจ กอดรุ่ยรุ่ยไว้ไม่ปล่อย ราวกับจะจากลากันไปชั่วชีวิตฉูเจ๋อหยางเองก็ใกล้จะร้องแล้ว ทำซะเหมือนว่าเขากำลังรังแกสองแม่ลูกอยู่อย่างนั้นแหละ
copy right hot novel pub