โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 450 ไม่ให้รับผิดแทนหรอก

บทที่ 450 ไม่ให้รับผิดแทนหรอก

ลูกตัวเองเป็นคนเอาแต่ใจและพูดจาไม่เข้าหูแค่ไหน เหาเสว่ฉินรู้ดี พอมาเห็นว่าลิ่วเอ่อร์ไม่ได้เก็บเอาคำพูดของลูกเธอมาใส่ใจ พูดได้เลยว่ายิ่งทำให้เธอรู้สึกชอบใจเข้าไปใหญ่

“ลิ่วจื่อนิสัยดีขนาดนี้ แกก็อย่าจู้จี้จุกจิกมากได้ไหม” เหาเสว่ฉินเอ่ยดุลูก

พอนึกถึงฉูเจ๋อหยาง ก็ยังรู้สึกฉุนอยู่หน่อยๆ “ฉูเจ๋อหยางอะไรนั่นหน้าตาดีซะเปล่า แต่แกดูสิ มาปรึกษากันเรื่องแต่งงานที่เป็นวันสำคัญขนาดนั้น ยังมาทำหน้าบูดหน้าบึ้งใส่กันอีก ไม่มีสำนึกเลยหรือไงว่าตัวเองกำลังจะเป็นลูกเขยฉันน่ะ?”

“พอเถอะแม่ คุณพ่อยังไม่เห็นจะว่าอะไรเลย!” หนานฉิงพูดออกมาอย่างรำคาญ

แววตาของลิ่วเอ่อร์ไหวติง จากนั้นก็เป็นประกายวาวโรจน์

เหาเสว่ฉินส่งเสียงฮึดฮัด ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีก

หลังจากที่ส่งหนานฉิงกับเหาเสว่ฉินแล้ว ลิ่วเอ่อร์ก็ขับรถไปจอดที่ลานจอดรถ จากนั้นก็เดินเข้าไปในที่พักเล็กๆของตัวเอง

ที่นี่เป็นสถานที่ที่หนานเทียนหยางจัดให้เป็นที่พักของคนรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ เป็นห้องที่ธรรมดามากๆ มีเตียงหนึ่งหลังและมีโต๊ะเล็กๆอยู่ด้วย

ถ้าเทียบกับห้องที่เขาเคยอยู่เมื่อก่อนก็ต่างกันเยอะมาก

ลิ่วเอ่อร์คิดถึงเรื่องวันนี้ ก็ครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ควานหาโทรศัพท์เพื่อต่อสายหาใครบางคน

ไม่นานเกินรอ ทางฝั่งนั้นก็รับสาย “ลิ่วจื่อ มีเรื่องอะไร? ทางนี้กำลังยุ่งอยู่เลย!”

“ถ้าเฮียต้าเผิงยุ่งมากขนาดนั้น งั้นผมไม่รบกวนแล้วก็ได้ครับ!” ในตาของลิ่วเอ่อร์ทอแววโมโห ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาเบาๆ

ข่าวที่ว่านต้าเผิงกำลังร่วมงานกับตระกูลเสิ่นโดยภาพรวมก็ใกล้จะเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว ตอนนี้ก็ดูท่าว่าจะคืบหน้าไปอีกขั้น แต่ลิ่วเอ่อร์กลับต้องระหกระเหินมาอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆนี้ ทั้งยังต้องคอยทำตามคำสั่งคนอื่นอีก มันช่างต่างกันเอามากๆ

ที่น่าโกรธก็คือ เป็นเขาต่างหากที่ปิดทองหลังพระ

ว่านต้าเผิงชะงักไปเล็กน้อย ส่งเสียงออกมาเบาๆว่า “น้องรักพูดอะไรแบบนั้นกัน ต่อให้ยุ่งแค่ไหนแต่เรื่องของแกก็สำคัญที่สุดอยู่แล้ว ลิ่วจื่อพูดมาเถอะ มีเรื่องอะไรให้เฮียช่วยงั้นหรอ?”

“เฮียต้าเผิง เรื่องในอดีตเราจะยังไม่กล่าวถึงมัน ตอนนี้ผมจะไม่ขออะไรเฮียมาก ขอแค่เฮียช่วยผมจัดการเรื่องหนึ่งได้ เรื่องในอดีตของเราก็จะเป็นอันหายไป” ลิ่วเอ่อร์เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าดุดัน

ว่านต้าเผิงครุ่นคิดเล็กน้อย รู้สึกกลุ้มอยู่หน่อยๆ

ตอนแรกทั้งสองคนก็เคยเป็นมิตรแท้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาก่อน แต่สุดท้ายก็แบกรับช่วงที่ลิ่วเอ่อร์เข้าคุกไม่ไหว อีกอย่างตอนนี้เขาก็มีผลประโยชน์อันหอมหวนอยู่ตรงหน้า มิตรภาพของพวกเขาจึงจางหายไปเยอะเลย

“ได้ แกพูดมาเถอะ ให้ช่วยเรื่องอะไร!” ว่านต้าเผิงตอบกลับเสียงดังฟังชัด

ลิ่วเอ่อร์หนี่ตาลง “ช่วยผมจับคนๆหนึ่ง”

“เวลาไหน?”

“รอโอกาส”

ว่านต้าเผิงหรี่ตาลงอย่างไม่ชอบใจ การทำเรื่องที่ไร้ซึ่งเป้าหมายและเวลาที่แน่ชัด เป็นอะไรที่ไม่คุ้มทุนเอาสุดๆ ใครจะไปรู้ล่ะว่าคนที่จะลงมือด้วยเป็นใคร แล้วถ้าลงมือทำไปแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นตามมาหรือเปล่า?

แม้ในตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ความรอบคอบที่ฝังลึกอยู่ในสายเลือดก็ทำให้เขาเกิดลังเลขึ้นมา

ลิ่วเอ่อร์แสยะยิ้มเย็น “ไม่ต้องห่วง ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง ผมก็จะไม่ทำให้เฮียต้องรับผิดแทนหรอก”

ว่านต้าเผิงหัวเราะฮิๆ “พวกเราเป็นมิตรแท้กันนี่เนอะ จะเป็นใครไปได้!”

ลิ่วเอ่อร์ส่งเสียงหึออกมาในใจ ไม่ได้พูดอะไรออกไป

ขั้นแรกทั้งสองจึงทำการปรึกษาหารือกัน โดยใช้เวลาในการเจรจาแค่แป๊บเดียว

ตอนที่เป้ยฉ่ายเวยกลับมาถึงบ้าน เธอก็ได้รับสายโทรศัพท์จากหลี่จื่อเชียน ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเอามากๆ ถึงได้ชวนเป้ยฉ่ายเวยไปกินข้าวด้วยกัน

“มีเรื่องอะไรน่ายินดีหรอ?” เป้ยฉ่ายเวยชะงัก

จริงๆแล้วช่วงสองสามวันนี้มาหลี่จื่อเชียนดูไม่สดใสอยู่ตลอด

หลี่จื่อเชียนพูดกลั้วหัวเราะว่า “ฉันหางานได้ แค่นี้น่ายินดีพอไหม?”

เป้ยฉ่ายเวยยกยิ้มมุมปากขึ้นนิดๆ “น่ายินดีจริงๆด้วย พอดีเลยฉันมีเรื่องจะคุยกับนายด้วย”

หลี่จื่อเชียนใจแทบจะทะลุออกมา ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือไม่ควรดีใจ

เหมือนเขาจะพอเดาได้ ว่าวันนี้เป้ยฉ่ายเวยจะให้คำตอบเขาแล้วแน่ๆ

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เอาสิ ฉันจะรอนะ!”

ต่อมา ทั้งสองจึงนัดกันไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่บรรยากาศดีมากๆ

ตอนที่เป้ยฉ่ายเวยมาถึงร้าน ก็เห็นว่าหลี่จื่อเชียนมาถึงก่อนแล้ว นั่งอยู่บริเวณที่ลับตาแต่บรรยากาศก็ดูเป็นใจ สีหน้าของเขาดูประหม่าอย่างล่กๆ

“จื่อเชียน ขอโทษที่มาช้านะ” เธอยิ้มบางๆ จากนั้นก็นั่งลงตรงหน้าของเขา

เมื่อหลี่จื่อเชียนช้อนตามอง ก็นิ่งอึ้งไปนิด

ดูเหมือนเธอจะตั้งใจแต่งตัวมาเป็นพิเศษ ด้วยการสวมใส่ชุดกระโปรงลายดอกไม้ ทั้งยังแต่งหน้ามาอย่างดีด้วย

ดวงตาของเขาปรากฏแววตกตะลึง

หลี่จื่อเชียนที่ตอนแรกคิดกังวลไปไกลคนเดียว ตอนนี้มีความหวังที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

เขาสามารถเข้าข้างตัวเองได้ไหม ว่าวันนี้เธอแต่งตัวสวยๆมาพบเขาโดยเฉพาะ?

“ไม่เลย ฉันมาเร็วเองต่างหาก ขอโทษด้วย จริงๆแล้วฉันต้องไปรับเธอด้วยซ้ำ” หลี่จื่อเชียนเอ่ยข้อโทษอย่างรู้สึกผิด

คุณท่านหลี่ทำมันค่อนข้างที่จะโหดร้าย ที่ไล่หลี่จื่อเชียนออกจากบ้านจนไม่เหลืออะไรเลย ทั้งๆที่ทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นรถเอยที่อยู่เอยต่างก็เป็นชื่อของหลี่จื่อเชียนทั้งนั้น แต่เขากลับไม่มีสิทธิ์ถือครองเลย ดังนั้นตอนนี้นี้หลี่จื่อเชียนจึงไม่ต่างกับคนที่อับจนหนทาง

เป้ยฉ่ายเวยโบกมืออย่างไม่ถือสา “ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องที่ต้องทำตัวเป็นคุณหนูอะไรพวกนี้อยู่แล้ว”

หลี่จื่อเชียนหลุดขำ ถ้าเธอทำตัวเป็นคุณหนูอะไรแบบนั้นจริงๆ ก็คงไม่สามารถทำให้เขานึกถึงแต่เธออยู่แบบนี้หรอก

เปิดดูเมนูในมือ จากนั้นก็ยื่นให้เป้ยฉ่ายเวย “ดูได้เลยว่าอยากกินอะไร ฉันยังไม่ได้สั่ง”

เธอรับเมนูมาดู จากนั้นก็สั่งไปสองเมนู แววตาเป็นประกายก็มองมาที่หลี่จื่อเชียน “ทำไมหรอ?” “นายบอกว่าได้งานแล้วไม่ใช่หรอ พูดเรื่องงานของนายก่อนดีกว่า” เป้ยฉ่ายเวยคิดว่าต้องมีเรื่องคุยกันเยอะแน่ๆ เพราะงั้นพูดเรื่องน่ายินดีก่อนดีกว่า หลี่จื่อเชียนผ่อนคลายลง “เป็นบริษัทรุ่นพี่สมัยมหาลัยของฉันน่ะ เขาเพิ่งกลับมาเปิดกิจการเมื่อปีก่อนนี้เอง ตัวบริษัทกำลังเติบโตเลยล่ะ ไม่ใหญ่มาก แต่ฉากหน้าดีมากๆ สองวันมานี้ฉันต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในบริษัทก่อน รอให้มีการประชุมอีกสองสามวันค่อยลงรายละเอียดเรื่องตำแหน่งที่ต้องทำน่ะ” เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้า เขาเป็นคนเก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เคยไปเรียนต่างประเทศอยู่หลายปี ความรู้รอบตัวและประสบการณ์จึงเยอะ ถ้าถือประวัติส่วนตัวไปสมัครงานจะต้องรุ่งโรจน์แน่ๆ ไหนจะประสบการณ์การทำงานที่บริษัทของตระกูลตัวเองอีก มีประสบการณ์การทำงานที่แน่นอนแบบนี้ ถ้าอยากจะเข้าทำงานในบริษัทเล็กๆที่พึ่งจะเติบโต ก็คงง่ายเหมือนใช้มือปลอกกล้วย “งั้นก็ดี ฉันเชื่อว่านายจะต้องประสบความสำเร็จแน่” เป้ยฉ่ายเวยยิ้มพร้อมทั้งพูดออกมาอย่างจริงใจ หลี่จื่อเชียนรู้สึกอุ่นใจ แต่หลังจากที่ยิ้มเสร็จ ก็เก็บสีหน้าอาการ จากนั้นก็ฮึดกล้าพูดออกมาอย่างจริงจัง “เวยเวย เมื่อกี้เธอบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉันหนิ เรื่อง....อะไรหรอ?” เป้ยฉ่ายเวยลังเล แววตาดูอ่านยาก “ฉันอยากถามนาย เรื่องพ่อแม่ของนายน่ะ นายไม่คิดจะกลับไปอธิบายอะไรจริงๆหรอ พวกท่านรักนายมากนะ” ถึงแม้ครั้งแรกที่ได้เจอกับพ่อแม่ของเขา พวกท่านจะเอาแต่ทำท่าทางราวกับพวกท่านอยู่เหนือกว่าเธอก็เถอะ แต่เธอก็ยังอิจฉาเขาอยู่ดี อิจฉาที่เขามีครอบครัวที่สมบูรณ์ ซึ่งต่างกับเธอ นัยน์ตาของเป้ยฉ่ายเวยหม่นแสงลงเล็กน้อย

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์