โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 156 ข้าไม่เคยเกลียดเจ้าเลย

จี้อี้มองนางด้วยสายตามีความหมายพลางพูดด้วยน้ำ เสียงราบเรียบ

“เจ้าไม่รู้จริงๆหรือว่านางคนนั้นไม่ใช่ญาติของข้า? หรือว่าเจ้าจะโดนคนพวกนั้นตีจนสมองกระทบกระเทือนถึงได้หลงลืมเช่นนี้กัน?

เจ้าควรจะดีใจที่ข้ามาทันเวลา ไม่อย่างนั้นแม้แต่ทางจะกลับตำหนักอ๋องคังเจ้าก็คงหาทางกลับไม่ได้”

ใจช่วยเหลือผู้อื่นอย่างกระตือรือร้นแต่กลับถูกคนที่ควรตายพูดจาเหน็บแนม!

เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน? เรื่องของข้าคนนี้เกี่ยวอะไรกับเขากัน?

คังเสว่มี่มองจี้อี้ด้วยสายตาเด็ดเดี่ยวนางรู้สึกว่าใบหน้าที่งดงามของเขาในตอนนี้นั้นช่างน่าเกลียดน่าชังยิ่งนัก นางลุกขึ้นยืนมองจี้อี้อย่างเยาะเย้ย

“มันก็คงจะใช่ เจ้าเป็นถึงจี้ซื่อจื่อผู้สูงศักดิ์ คังเสว่มี่ก็เป็นเพียงแค่คนบ้าใบ้ที่เสียสติมาเนิ่นนาน ไม่บังอาจหาญกล้า อาจเอื้อมรบกวนท่านหรอกเจ้าค่ะ รถม้านี้ก็มีค่าเกินกว่าที่คังเสว่มี่จะได้นั่ง”

กล่าวจบคังเสว่มี่ก็ลุกขึ้นด้วยความเด็ดเดี่ยว นางเอื้อมมือเปิดม่านออกและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า

“คุณชายฉวี่หยุดรถด้วยเจ้าค่ะ”

ฉวี่ซางได้ยินเสียงทะเลาะมาจากภายในรถม้าหน้าผากของเขาก็เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อในแคว้นฉีเทียนที่ใหญ่โตคนที่กล้าจะต่อปากต่อคำกับ ซื่อจื่อเห็นท่ามีเพียงคุณหนูใหญ่คังคนเดียวเท่านั้น

เขาหันกลับมามองจี้อี้ใบหน้าสงบนิ่งของซื่อจื่อแต่ สายตากลับลึกซึ้งมากกว่านั้นจนทำให้ใจสั่นกลัว

“คุณหนูใหญ่คัง ท่านซื่อจื่อไม่ยอมให้หยุดรถ..." ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นเป็นภาพที่ลำบากใจน่าดู

คังเสว่มี่นั้นไม่สนใจคำสั่งของจี้อี้ฉวี่ซางก็ไม่กล้าหยุดรถ

รถม้าวิ่งด้วยความเร็วกวาดสายตามองวิวทิวทัศน์ที่ผ่านตาไปเรื่อยๆพลางหันกลับไปมองจี้อี้

“เจ้าให้ฉวี่ซางหยุดรถเดี๋ยวนี้ข้าจะลง”

จี้อี้ลืมตาขึ้นช้าๆละสายตามองออกด้านนอกอย่าง รวดเร็วรอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆหายไปเหลือเพียงรอย ยิ้มที่มุมปากราวกับกลั้นยิ้มอยู่อย่างนั้น

“ยังไม่ถึงตำหนักอ๋องจี้เลยเจ้าจะหยุดรถทำไมกัน?”

พูดไปพร้อมกับยกถ้วยชาจิบช้าๆเอ้อระเหยอย่างสบายใจ

เขาคงชะล่าใจไม่คิดว่านางนั้นจะไม่กล้ากระโดดลงไปสินะ? คังเสว่มี่ใจร้อนดั่งไฟ

“ได้! จี้อี้ เจ้าพูดเองนะ!”

เมื่อพูดจบก็เปิดม่านออกเขย่งเท้าและกระโดดลงไป

เมื่อเห็นว่าร่างผอมบางกระโดดลงไป ปลายนิ้วของจื้อี้ภายใต้กระบอกเสื้อก็กำแน่นร่างกายเคลื่อนไหวเล็กน้อยเอื้อมแขนจนสุด....…...

ทันใดนั้นคังเสว่มี่ก็รู้สึกเหมือนมีแรงมหาศาลมาดึงรั้งเอวของนางเอาไว้ ร่างที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศก็กลับลงมาบนรถม้าอีกครั้ง

เมื่อนางลืมตามองก็เห็นว่าตัวเองนั้นกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของจี้อี้พลันหน้านิ่งขึ้นมา

“เจ้าดึงข้าไว้ทำไมปล่อยข้านะ!”

ดวงตาเรียวยาวของจื้อี้ในดวงตานั้นก็เหมือนกับมีเมฆดำมืดครึ้มอยู่ในนั้น

ถ้ามองอย่างละเอียดดวงตาใสราวกับหยกเหมือนจะระเบิดออกมา แขนแกร่งของเขาจับเองบางไว้แน่น

“ปล่อยเพื่อ...ให้เจ้ากระโดดลงไปอีกอย่างนั้นหรือ?”

“ระหว่างข้ากับเจ้าไม่มีอะไรเกี่ยวกันอีกข้าจะโดดลงไป แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าเล่า?”

คังเสว่มี่ใช้มือจับมือของเขาที่จับที่เอวไว้ออกแต่ใช้แรง เท่าไรก็ไม่ออกเสียที เขามองไปที่แขนบางอย่างรำคาญเล็กน้อย จึงตัดสินใจจับแขนทั้งสองข้างของนางไว้แน่น

คังเสวี่มี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาประชดประชัน

“จี้ซื่อจื่อเจ้าจะมารั้งข้าไว้ทำไม คนที่ชอบก่อเรื่องอย่างข้าไม่สมควรที่จะได้พูดคุยกับท่านด้วยซ้ำ?ปล่อยข้าสิ..

ท่านอย่าได้มายุ่งกับข้าอีก เพราะข้ากับท่านคนละชนชั้นกัน คนอย่างข้าคนที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวแบบข้าถ้าหากจะมีอันธพาลมาอีกสักสิบยี่สิบคนก็จะไม่ทนให้เจ้ามาพูดจาดูถูกเหยียดหยามข้าอีกต่อไป!"

เมื่อเห็นว่าแรงในมือของนางนั้นเพิ่มมากขึ้นจนเกิดรอยแดงขึ้นที่หลังมือของนาง

จี้อี้ขมวดคิ้วมือซ้ายจับข้อมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่นใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มราวกับฤดูใบไม้ผลิโน้ม ตัวลงมากระซิบข้างหูนาง

“เจ้ายอมรับแล้วหรือว่าตัวเองเป็นคนชอบหาเรื่องใส่ตัว? ข้าเจอเจ้าสี่ครั้ง ครั้งแรก เจ้าฆ่าคนต่อหน้าข้า ครั้งที่สอง

เจ้ากำลังทะเลาะวิวาทอยู่ที่ร้านหวินเสี่ยงเก๋อ

ครั้งที่สามเกิดเรื่อง “ยี่สิบเอ็ดวิญญาณ”ที่ห้องตำรา

ครั้งที่สี่ เจ้าก็กำลังถูกโจมตีจากพวกอันธพาล

ข้าเองก็ไม่อยากยุ่งกับเจ้า แต่ใครให้เด็กรับใช้ของเจ้ามองเจ้าขึ้นรถม้าข้ามา ถ้าหากให้เจ้าตกจากรถม้าไปแล้วเกิดบาดเจ็บขึ้นมา ข้าก็แค่กลัวว่าท่านอ๋องคังจะมาว่าข้าว่าดูแลเจ้าไม่ดี ทําลายชื่อเสียงของราชวงศ์ฉินเทียน”

เมื่อคิดตามในสิ่งที่เขาพูด ใจคังเสว่มีก็เกิดโมโหขึ้นมา นางไม่เชื่อแผนสูงของจี้อี้จะเดาไม่ได้เลยว่าสาเหตุที่ เกิดเรื่องนี้นั้นมาจากผลจากตัวของเขา

แต่เขาก็ยังมาต่อว่านางอย่างมั่นใจอีก! ดวงตาใสจ้องมองจี้อี้และคำพูดที่เหมือนกับจุดไฟใส่ น้ำมันก็ออกมาจากริมฝีปากสีชมพูของนาง

“แล้วเรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะข้าหรืออย่างไร? ไม่ใช่ว่าพวกเขาแกล้งข้า มาฆ่าข้า มาทําร้ายข้าก่อนหรือ? ข้ารู้ในใจของเจ้าไม่ว่าคนอื่นจะทำไม่ดีกับข้าอย่างไรก็เป็นเพราะข้าหาเรื่องทั้งนั้น

เจ้าไม่ชอบข้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจออยากจะทดสอบข้า เจ้าถึงได้เกลียดข้าขนาดนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ปล่อยข้าสะ ให้ข้าลงจากรถม้า อย่ามายืนขวางสายตาข้า!”

จี้อี้เห็นว่านางนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็หัวเราะออกมา ทันที

พลางมองด้วยสายตาจริงจังและพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ว่า

“ข้าไม่เคยเกลียดเจ้าเลย"

สายตาของเขานั้นทั้งมุ่งมั่นและลึกซึ้งราวกับเมืองโบราณที่หลับใหลมานับพันเหมือนปี คังเสว่มี่เหม่อมองราวกับตกอยู่ภวังค์ เขาค่อยๆเข้าใกล้นางจนหน้าผากซบอยู่ที่ไหล่ของนาง

“ตั้งแต่ครั้งแรกไม่เคยเกลียดเจ้าเลย”

เขาเพียงแค่รู้สึกว่านางนั้นพิเศษ ลมหายใจเฉื่อยช้าค่อยเข้าใกล้

ทันใดนั้นนางก็ได้สติกลับมาแล้วพบว่าทั้งคู่อยู่ในท่วงท่าที่ล่อแหลมนัก จี้อี้นั่งอยู่ในรถม้ามือหนึ่งจับเข้าที่เอวบาง อีกมือจับเข้าที่ข้อมือทั้งสองข้างและนางนั้นอยู่ในอ้อมกอด หน้าผากของเขาอยู่ที่ไหล่ของนาง ลมหายใจจางๆลอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆนางอีกครั้งสะอาดธรรมชาติและยังมีชิงหยวนที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาอีกนางไม่สามารถขยับตัวได้มากนักพลางขมวดคิ้วเล็ก น้อย“เจ้าปล่อยข้าก่อนได้ไหม ข้าไม่ชอบแบบนี้”จี้อี้ยังคงจับนางไว้แน่นแถมยังแน่นกว่าเดิม ระยะห่างระหว่างนั้นใกล้กันมาก รอยยิ้มมุมปากราวกับกลีบกุหลาบโปรยปราย เขาเห็นนางนั้นหน้านิ่วคิ้วขมวด รอยยิ้มก็สดใสมากกว่าเดิมแม้กระทั่งเข้าใกล้คอของ นางหลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึก“หอมจริงๆ”คังเสว่มี่ตัวแข็งทื่อและเพิ่มแรงดิ้นเข้าไปอีกพร้อมกับ หน้าที่แสดงออกถึงความโมโห“จี้อี้ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!” จี้อี้เผยรอยยิ้มออกมาช้าๆเหมือนกับว่าไม่เห็นแววตาที่ส่องแสงวาวโรจน์ไปด้วยความโกรธออกมาแถมยังเข้าใกล้นางกว่าเดิม แม้กระทั่งผลักนางไปยังโต๊ะเล็กๆด้านข้างโน้มตัวลงริม ฝีปากค่อยๆเข้าใกล้นางคังเสว่มี่ อยากยกมือเท้าขึ้นมากันไม่ให้ริมฝีปากมาโดนแต่ทว่าขาทั้งสองข้างถูกขายาวกดเอาไว้ข้อมือก็ถูกจับ ไว้แน่นแม้กระทั่งร่างกายก็ถูกเขากดเอาไว้ไม่ให้ขยับ

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์