บทที่ 296 ไม่มีเยื่อใยกับคุณอีกต่อไป
ฉูเจ๋อหยางไม่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าผู้หญิงที่หนีไปคนนั้นกลับเข้าประเทศมาเอง
แต่มันไม่ใช่แบบที่เขาต้องการ เพราะเธอจะหมั้นกับผู้ชายคนอื่น
เป็นการประชดประชันอันยิ่งใหญ่ที่คาดไม่ถึง เธอคิดอะไรง่ายเกินไป
นัยน์ตาดำขลับของฉูเจ๋อหยางหดตัวลงและกระพริบถี่ๆ ช่างมืดมัว
----
“เธอว่าไงนะ เธอจะหมั้น” เสียงอวี๋ซือซือดังสนั่นจนเกือบจะทำให้กระจกแตกเป็นเสี่ยงๆ
ไม่ต้องพูดถึงเป้ยฉ่ายเวยที่ถือโทรศัพท์ชิดหูขนาดนั้น แก้วหูเธอแทบจะแตก “ซือซือ ไม่ต้องเสียงดังขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ได้หูหนวก แต่ถ้าเธอยังตะโกนดังขนาดนี้อยู่ ก็ไม่แน่นะ”
“เฮ้ ไม่ใช่ เธอจะหมั้นกับหลี่จื่อเชียนจริงๆหรอ พวกเธอเดทกันนานแค่ไหนแล้ว ไปรักกันตอนไหน หรือว่าเธอเผลอกินยาผิดอะไรเข้าไปแล้วเผลอได้เสียกัน”
อวี๋ซือซือรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเหลือเชื่อมาก เธอยกมือขึ้นหยิกหน้าขาตัวเอง โอ้ย เจ็บ!
เธอก็ไม่ได้ฝัน เวยเวยจะแต่งงานกับหลี่จื่อเชียนจริงๆ
เป้ยฉ่ายเวยเผลอจะไปจับสร้อยที่ข้อมือ จากนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าสร้อยนั้นได้ถูกเธอถอดออกไปแล้ว เธอจึงชักนิ้วกลับมา และวางมือไว้บนหน้าขา
เธอพูดเบาๆ “อื้อ ฉันจะหมั้นกับเขา ฉันคิดดีแล้ว อยู่กับหลี่จื่อเชียน ฉันสบายใจดี”
สร้อยข้อมือนั้นเป็นของขวัญจากฉูเจ๋อหยาง ตอนนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงดีอยู่ ไม่กี่เดือนหลังจากนั้นทุกอย่างถึงได้เปลี่ยนไป
ถึงแม้ว่าจะถูกหนานฉิงด่าและดูถูกแต่ฉูเจ๋อหยางก็ไม่เคยแก้ต่างความอัปยศให้กับเธอ เธอเองก็ไม่ได้พยายามอธิบาย สร้อยข้อมือเส้นนั้น ไม่เพียงแต่เตือนสติเธอว่าสี่ปีมานี้เธอช่างไร้ค่าและโง่แค่ไหน
แต่มันยิ่งทำให้เธออารมณ์เสีย ดังนั้นจึงควรที่จะถอดออกไป และเป็นเหตุผลให้เธอกับหลี่จื่อเชียนได้ก้าวต่อไป
เธอตัวเองว่า ในเมื่อจะแต่งงานกับหลี่จื่อเชียนก็ไม่ควรที่จะมีเยื่อใยกับชายคนนั้นอีก
“ดูเหมือนว่าเธอจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว แล้วเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ การผ่าตัดของรุ่ยรุ่ยเป็นอย่างไรบ้าง” อวี๋ซือซือนึกขึ้นมาได้ พูดกันตั้งนานเวยเวยไม่เห็นพูดถึงรุ่ยรุ่ย ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ
น้ำเสียงเธอเปลี่ยนเป็นกังวลในทันที “รุ่ยรุ่ยไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม เวยเวยเธอรีบบอกมาเร็วเข้า”
“เปล่า รุ่ยรุ่ยสบายดี อีกหนึ่งอาทิตย์เราก็จะกลับจีนกันแล้ว” เป้ยฉ่ายเวยบีบมือแน่น เธอตอบอย่างใจเย็น ไม่ต้องการให้ซือซือเป็นห่วง หรือว่าไปหาเรื่องหนานฉิง เธอสร้างปัญหาให้พวกเขามากพอแล้ว
ขอแค่เธอแต่งงานกับจื่อเชียน พายุทุกอย่างก็จะสงบลง
อวี๋ซือซือโล่งอก “เธอทำฉันตกใจแทบแย่ คิดว่าเกิดเรื่องอะไรใหญ่โต การผ่าตัดสำเร็จก็ดีแล้ว”
“ใช่แล้ว แต่ว่าอีกปีหนึ่งจะต้องผ่าตัดอีกครั้ง” นอกจากนั้นยังเป็นความหวังสุดท้ายของรุ่ยรุ่ย เป้ยฉ่ายเวยตัดสินใจสู้ไม่ถอย ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อลูก
“ทำไมล่ะ ไม่ใช่ครั้งเดียวเสร็จหรอ” อวี๋ซือซืองง เธอยังรอเจ้าตัวน้อยกลับมาช่วยเธอแก้เหงานะ
เป้ยฉ่ายเวยตอบอื้อเบาๆ พยาบาลที่หลี่จื่อเชียนเชิญมาลงมาข้างล่างพอดี เธอจึงรีบพูดกับเพื่อนรักในโทรศัพท์ “ซือซือฉันไม่คุยด้วยแล้วนะ รุ่ยรุ่ยตื่นแล้ว”
“ฮัลโหล เวยเวย ฉันยังพูดไม่จบ…” วางสายไปแล้ว อวี๋ซือซือเบะปากอยู่หลายหน เธอรู้สึกค้าง ยังมีอีกตั้งหลายคำถามยังไม่ได้ถามเลย ทำไมเวยเวยดูเหมือนตั้งใจเลี่ยงที่จะคุยด้วย
ก็ตามนั้น ฉูเจ๋อหยางกระเด็นหลุดไปแล้ว ไม่มีโอกาสกลับตัวแล้ว เวยเวยจะหมั้นแล้ว เธอจะต้องหาโอกาสแซะฉูเจ๋อหยางซะหน่อย แก้แค้นที่ครั้งก่อนตอนที่ตามหาคนมาทำรถที่รักของเธอเป็นพัง
อยู่บนถนนจำกัดความเร็วที่สามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ใครใช้ให้ขับไปตั้งร้อยยี่สิบจะไม่ชนได้อย่างไร ชนเข้าอย่างจังที่หัวรถของเธอ โชคดีที่เธอรัดเข็มขัดนิรภัย ไม่อย่างนั้นคงได้กระเด็นออกมา
ที่น่าโมโหที่สุดก็คือ คนที่ขับชนนั้น พอชนเสร็จก็สะบัดตูดเดินหนี รถพังก็ไม่เอาแล้ว
เป้ยฉ่ายเวยวางโทรศัพท์ลงพร้อมเอ่ยปากถาม “รุ่ยรุ่ยฟื้นรึยังคะ”
ที่จริงแล้วหลังจากที่ช่วยรุ่ยรุ่ยออกมาจากโรงพยาบาลเขายังอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะหมอย้ำนักย้ำหนาว่าเด็กไม่เป็นไรแล้ว แค่ต้องการเวลาฟื้นตัว เธอคงจะอดไม่ไหวที่จะเกลียดหนานฉิงจริงๆ
“คุณหนูเพิ่งฟื้นค่ะ อยากจะเจอคุณเป้ย” พยาบาลตอบพร้อมพยักหน้า
เป้ยฉ่ายเวยรีบตรงขึ้นไปในทันที รุ่ยรุ่ยเปิดตาของเขาครึ่งหนึ่ง มองไปทางประตูอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นร่างของเธอ สายตาเขาก็ตื่นเต้นขึ้นในทันที
เป้ยฉ่ายเวยเห็นอย่างนั้นเธอก็รีบวิ่งเข้าไปในทันที ไม่ให้เขาขยับตัวมาก “รุ่ยรุ่ยคนดี แผลยังไม่หายดี มีอะไรบอกแม่ก่อน อย่าเพิ่งลุกขึ้นมา”
“แม่ครับ ผมฝัน ฝันว่าแม่ไม่อยากอยู่กับรุ่ยรุ่ยแล้ว” รุ่ยรุ่ยจ้องเป้ยฉ่ายเวยตาไม่กระพริบ การแสดงออกนั้นช่างน่าสงสาร
เป้ยฉ่ายเวยปวดใจ เธอเอื้อมมือออกมาลูบหัวเขาเบาๆ สีหน้าแข็งทื่อของเจ้าซาลาเปาน้อยก็ค่อยๆผ่อนคลายลง คางเขายื่นออกมา ดูแล้วหล่อขึ้นอีกหลายขุม น่ารักน้อยลงไปหน่อย
แต่มันยิ่งทำให้คนรู้สึกเศร้า “จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร รุ่ยรุ่ยคือคนที่สำคัญที่สุดของแม่ ต่อให้แม่เสียโลกทั้งโลกไปแม่ก็จะไม่ยอมเสียรุ่ยรุ่ยของแม่ไปเป็นอันขาด”
“ถ้าอย่างนั้น แม่อุ้มผมหน่อยได้ไหมครับ” รุ่ยรุ่ยไม่ได้ให้แม่อุ้มมาเป็นเวลานานแล้ว
ช่วงเวลาที่คนเราไม่สบายเป็นช่วงเวลาที่ต้องการให้คนเอาอกเอาใจมากที่สุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กที่เพิ่งได้รับการผ่าตัด เขายิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัย อ้อนเป้ยฉ่ายเวยยิ่งกว่าเวลาปกติ
เป้ยฉ่ายเวยอุ้มเขาอย่างระมัดระวัง ตอนนี้ชายตัวน้อยร่างกายกำลังอ่อนแอ อุ้มแล้วตัวไม่หนักเท่าเมื่อก่อน เธอในฐานะแม่ ปวดใจเหมือนมีดกรีด แทบอยากจะเจ็บแทนรุ่ยรุ่ย“รุ่ยรุ่ยคนดี รอหนูร่างกายแข็งแรงอีกหน่อยแม่จะพาหนูกลับไป”เธอรู้ รุ่ยรุ่ยไม่ได้ชอบอยู่ต่างประเทศ ดังนั้นเธอจึงเสี่ยงที่จะกลับไปกับจื่อเชียน หนึ่งเพื่อที่จะหมั้น สองเพื่อที่รุ่ยรุ่ยจะได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าร่างน้อยๆของเขาไม่สามารถฟื้นตัวได้อีกเป็นครั้งที่สอง“จริงหรอครับ ดีจังเลย แค่ก แค่ก แค่ก” รุ่ยรุ่ยตื่นเต้นเกินไปจนสำลักน้ำลาย จู่ๆจึงไอขึ้นมาแค่ไม่กี่ครั้งแต่ก็ทำเอาเป้ยฉ่ายเวยตกใจจนหน้าขาวซีดมือและเท้าสั่น “รุ่ยรุ่ย รุ่ยรุ่ยเป็นอะไร ไม่เป็นอะไรใช่ไหม เดี๋ยวแม่ไปตามหมอก่อน”เธอยังไม่ทันลุก ชายเสื้อก็ถูกมือน้อยๆดึงเอาไว้ เป้ยฉ่ายเวยผงะและหันไปมองเขา“แม่ ผมไม่เป็นอะไร แค่ แค่ก ไม่ทันระวังก็เลยสำลัก” รุ่ยรุ่ยไม่อยากให้เป้ยฉ่ายเวยไป และยังพูดอย่างรู้สึกผิด ถ้าหากว่าร่างกายเขาแข็งแรงเหมือนเด็กทั่วไป แม่คงไม่ต้องคอยห่วงคอยกังวลพวกเขาก็ไม่ต้องเดินทางมาไกลขนาดนี้
copy right hot novel pub