ก็เช่นเดียวกับผู้หญิงทุกคนนั่นแหล่ะ พอคังเสว่มี่ได้ยินคำสรรเสริญเยินยอเข้า ก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น รูปร่างลักษณะของร่างกายนี้ก็งดงามจริงๆ นางยิ้มกริ่มจากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า
“อื้ม...ถือว่าพูดได้ดีมาก ไม่รู้ว่าปากนี้ของเจ้าไปล้อเล่นกับหัวใจของผู้หญิงมากี่คนแล้ว! แต่ทว่าข้าเองกลับชอบฟัง เอาล่ะ ลองดู วันนี้จะไม่กลายเป็นปีศาจน้ำอย่างแน่นอน!"
ศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนกว้างขวางลึกล้ำมาก นางได้เรียนรู้จนเข้าใจแล้ว ในครั้งนี้จะต้องพยายามและลองทำดู จะต้องลิ้มลองรสชาติของดอกฝ้ายที่เหยียบย่ำอยู่บนผิวน้ำสักตั้ง!
คังเสว่มี่แตะเท้าไปบนสนามหญ้าสีเขียวขจีอีกครั้ง ครั้งนี้นางบินได้ราบรื่นดีขึ้นกว่าเดิมจริงๆ ประดุจดั่งมีพละกำลังของมือใหญ่ๆมาพยุงนางเอาไว้ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด
ความรู้สึกเช่นนี้ เรียกว่าวิชาตัวเบาสินะ!
ชวนหลันยืนอยู่บนฝั่ง ใบหน้าเล็กๆของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น คุณหนูใหญ่กับองค์ชายหกสองคนนั้น คนหนึ่งสวมชุดสีม่วงอ่อน อีกคนสวมชุดสีขาวดุจหิมะ
ทั้งคู่บินออกตามกันไป เหมือนกับนกสองตัวบินไล่ตามหลังกัน บินโฉบผิวน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็บินขึ้นสูงเลยต้นไม้สูง แล้วร่างกายก็อ่อนช้อยลอยละลิ่วไปตามสายลม
เรียนวิชาตัวเบาสำเร็จแล้วจริงๆอ่า.. ไม่แปลกเลยที่คุณหนูฝึกหนักทุกวัน โดยไม่สนใจว่าจะยากลำบากเลยสักนิด
เมื่อนางเห็นทั้งสองคนจะบินไปอีกด้านหนึ่ง ซึ่งกำลังจะออกไปนอกขอบเขตการมองเห็นของนาง ชวนหลันจึงหมุนตัวแล้ววิ่งตามออกไปทางด้านนั้นด้วย
หลังจากที่วิ่งออกไปได้ไม่ไกลมาก นางก็เงยหน้าขึ้นไป ฉับพลันนั้นในสายตาก็ปรากฎร่างของคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าของนางขึ้น
ชวนหลันจึงหยุดฝีเท้าลงโดยฉับพลัน ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น ตาโตมองให้ชัดเจน ในดวงหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีอกดีใจ
นางเดินเข้าไปใกล้ๆตรงหน้าของเขาสองก้าวอย่างระมัดระวัง ถามหยั่งเชิงออกไปว่า “จี้ซื่อจื่อ เป็นท่าน จี้ซื่อจื่อจริงๆหรือเจ้าคะ?”
จี้อี้หันหน้ากลับมา พยักหน้าเบาๆ บนหน้าผากมีแสงอันโชติช่วงของดวงจันทร์เต็มดวงที่ส่องสว่างและมีสีฟ้าอ่อนอย่างบางเบา ดูเหมือนกับหยกขาวดั่งไขมันแพะที่สวยงามไร้ที่ติหนึ่งชิ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็นว่า “อืม ข้าเอง”
“อ่า เป็นจี้ซื่อจื่อจริงๆด้วย!” ชวนหลันร้องตะโกน ด้วยความกลัวว่าเสียงจะดังเกินไปเกรงว่าจะล่วงเกินจี้อี้ เข้าแล้วนางจึงทำได้เพียงกำหมัดเอาไว้แน่นด้วยความดีอกดีใจอยู่เงียบๆ
ไม่คิดว่ามาถึงที่นี่ จะได้พบจี้ซื่อจื่อเช่นนี้ วันนี้ช่างโชคดีเหลือเกิน
ชวนหลันยืนอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปและจะต้องทำอะไรถึงจะดี นางแอบมองจี้อี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ เลื่อมใส
เขายืนห่างออกไปสามฟุต ค่อยๆยืนขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาดั่งหงส์คู่หนึ่งก็มองไปที่ไกลๆอย่างละเอียด ดวงตาที่อยู่ภายใต้ขนตายาวๆ ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงสีเขียวเข้ม
เสื้อคลุมสีม่วงอ่อนสะบัดแกว่งไกวไปมาเบาๆ ด้านข้างของใบหน้าที่งามสง่าก็ถูกย้อมไปด้วยแสงอัน พร่างพราว ส่องแสงสว่างไสวเจิดจ้าจับตาอย่างมาก ทำให้พื้นที่โดยรอบที่เป็นสีเขียวขจีเต็มไปด้วยความชื่นมื่น
ความสง่างามอันสูงส่งเช่นนี้ จิตใจที่มุ่งมั่นเช่นนั้น
ชวนหลันอยากจะรู้ว่าดวงตาที่สวยงามของจี้อี้นั้นกำลังจดจ้องอะไรอยู่ นางจึงลองมองดูอะไรบางอย่างตามสายตาของเขา นางเองก็อยากจะรู้ว่าอะไรที่ทำให้จี้ซื่อจื่อจ้องมองตาเขม็งเช่นนี้จนแทบที่จะทนไม่ไหว
หลังจากที่นางมองตามไปแล้ว ก็เห็นว่าบนผิวทะเลสาบมีเงาของคนสองคนที่สวมชุดสีเขียวและสีขาวกำลังเหยียบน้ำมาพอดี พวกเขาเหยียบผืนน้ำอย่างคล่องแคล่วดั่งเช่นจอกแหนเล็กๆที่อยู่บนน้ำอย่างไรอย่างนั้น
ที่แท้คนที่จี้ซื่อจื่อกำลังมองอยู่ก็คือองค์ชายหกและคุณหนูใหญ่ของนางนั่นเอง
เช่นนี้นางก็สามารถหาหัวข้อที่จะพูดคุยกับเขาได้แล้วสินะ
ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้อยู่ ชวนหลันก็ค่อยๆเอ่ยปากพูดออกมาด้วยท่าทางที่ ห้าวหาญและจะต้องอ่อนโยนนุ่มนวลกว่าปกติอย่าง มากว่า
“จี้ซื่อจื่อเจ้าคะ ท่านเห็นคุณหนูของข้าแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
“อืม” จี้อี้จ้องมองอย่างไม่ละสายตา
คำตอบที่พูดออกมาง่ายๆเช่นนี้ ทำให้ชวนหลันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจไม่หยุด นางเก็บความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้แล้วพูดว่า
“จี้อี้รู้หรือไม่เจ้าคะว่าคุณหนูของข้าน้อยนั้นฉลาดมากเลยนะเจ้าคะ
หลังจากที่เห็นวิชาตัวเบาของท่านในครั้งก่อน นางเลยต้องการเรียนรู้ด้วยความตั้งอกตั้งใจ และฝึกฝนอย่างหนักด้วยตัวเองแถมยังไม่ปริปากบ่น สักคํา
วันนี้ยังเชิญองค์ชายหกมาที่นี่เพื่อสอนวิธีการฝึกฝนกับนางเป็นกรณีพิเศษอีกด้วยนะเจ้าคะ ท่านเห็นว่านางบินได้ไม่เลวเลยใช่ไหมเจ้าคะ"
จี้อี้ยกยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “ไม่ผิด”
แค่ประโยคง่ายๆนี้ก็ถือว่าเป็นการให้กำลังใจแล้ว ชวนหลันจับมือทั้งสองข้าง นางใช้ความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งโดยพูดว่า
“ท่านมองชุดสีขาวที่คุณหนูใส่สิเจ้าคะ พอนางใส่แล้วดูสวยเป็นพิเศษมากเลยนะเจ้าคะ นั่นเป็นชุดที่องค์ชายหกเลือกให้คุณหนูเองยังไงล่ะเจ้าคะ
ข้าคิดว่าสีขาวช่างเหมาะกับคุณหนูมากๆเลยเจ้าค่ะ”
ภายในสายตาของจี้อี้ไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดๆเลยแม้แต่น้อย
คนคนนั้นยังคงไม่สะทกสะท้านดังเช่นก่อนหน้านี้ เหมือนกับหยกที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ เห็นแค่เพียงการแสดงออกทางสีหน้าที่อ่อนโยนและสง่างามเท่านั้น
“วันนี้เจ้าบินได้ดีมาก ฝึกฝนให้เยอะๆสักหน่อย น่าจะสามารถแข่งกับข้าได้แล้ว!"
ไป๋หลี่เหลียนจูงมือคังเสว่มี่ลงมาจากบนท้องฟ้า แล้วกล่าวชมนาง สายตาได้แฉลบมองผ่านด้านข้าง ทันใดนั้นก็หันไปมอง เห็นคนที่ยืนอยู่บนฝั่ง แล้วในแววตาก็มีความประหลาดใจขึ้นมา“จิ้งจอกจี้ ทำไมวันนี้เจ้าถึงมาอยู่ที่ทะเลสาบได้ล่ะ?”ขณะที่คังเสว่มี่กำลังดีใจที่ตัวเองสามารถบินได้อย่าง เบิกบานใจ พอได้ยินไป๋หลี่เหลียนทักทายจี้อี้ นางจึงหันหน้าไปดวงตาที่ใสแจ๋วก็บังเอิญมองไปที่จี้อี้เข้าพอดี รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าเล็กๆก็จางหายไปในทันที “คนเจ้าเล่ห์จี้ ท่านมาจากที่ไหนหรือเจ้าคะ?”ดวงตาจี้จี้จ้องมองไปบนมือที่ทั้งสองคนจูงมือกันอยู่ เขาจึงหลบสายตาออกไปอย่างไร้ร่องรอยสักครู่ และไม่มองคังเสว่มี่เลย เขาแสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้มดั่งหยกสีขาว แวววาว แล้วหันไปพูดกับไป๋หลี่เหลียนว่า“บ้านพักของข้าก็อยู่ที่นี่ ไม่มีธุระอะไรก็เลยออกมาเดินผ่อนคลาย มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเพียงแต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นองค์ชายหกจูงมือผู้หญิงมาเที่ยวที่นี่ด้วย ครั้งนี้เปลี่ยนหน้าใหม่ๆอีกแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นคู่รักใหม่ขององค์ชายหกสินะ”ไป๋หลี่เหลียนหน้านิ่วคิ้วขมวด พอหันไปมองที่คังเสว่มี่ สายตาก็ตกอยู่บนมือที่กำลังจูงมือกันอยู่ของทั้งสองคนเมื่อสักครู่นี้ตอนที่เขากำลังสอนคังเสบู่มี่บินเหยียบน้ำเขากลัวว่านางจะตกลงไป จึงจับนางเอาไว้เท่านั้น
copy right hot novel pub