โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 105 การรวมตัวกันขององค์ชายทั้งสาม

นางเงยหน้าขึ้น เหมือนกับถูกสะกดด้วยเสียงเสียงนั้นเอาไว้

ที่ด้านบนมีผู้ที่สวมเสื้อผ้าเบาบางที่ไม่รู้ว่าขึ้นเรือมาตอนไหนยืนอยู่

เขาโค้งตัวลงเล็กน้อย แล้วยกคิ้วที่อยู่บนหน้าหยกขึ้นสูง ริมฝีปากของเขาดูคล้ายกับถูกเคลือบไว้ด้วยน้ำดอกกุหลาบ แต่กลับดูมีชีวิตชีวามากกว่ากุหลาบเสียอีก

นัยน์ตาดำขลับคู่นั้นกำลังสะท้อนแสงของระลอกคลื่นใต้ท้องเรือ เหมือนกับมีน้ำในทะเลสาบกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยแฝงอยู่ในดวงตาของเขา

คางที่ยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนกับใบหลิวที่ลอยผ่านไป กําลังบรรจุความสวยงามอยู่อย่างกระพริบระยิบระยับ

มองจากมุมนี้ ใบหน้าเช่นนี้ ช่างสวยงามจนทำให้คนหายใจไม่ออก และยังทําให้คนสิ้นหวัง

สิ้นหวังที่จะไม่มีความงามอื่นใดมาสามารถสวยงามได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

และสิ้นหวังที่ไม่มีความงามอื่นใดจะไปแทนที่ความงามนี้ได้อีกแล้วเช่นเดียวกัน

สิ่งที่ดีงามย่อมดีกว่าสิ่งที่ไม่ดีงามอยู่แล้ว

ประดุจดั่งมีใบหน้าของเทพเจ้าอยู่บนใบหน้าของเขา

คังเสว่มี่จึงรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจเอ่ยปากปฏิเสธมือของเขาที่ยื่นมาได้

รวมทั้งมือนั้น เป็นมือที่เรียวยาว มีเล็บที่โปร่งใสดูอิ่มและชุ่มชื้นหุ้มอยู่บนปลายนิ้วขาวๆ

เหมือนกับผลงานทางศิลปะที่ละเอียดอ่อนชิ้นหนึ่ง

คังเสว่มี่จึงมีความคิดที่อยากจะลองสัมผัสดู และลองดูว่าฝ่ามือนั้นจะเย็นและอ่อนโยนละมุนละไมเหมือนหยกจริงๆหรือไม่

นางคว้าโอกาสยื่นมือเล็กๆของตัวเองวางไว้บนฝ่ามือของเขา ความรู้สึกที่แทรกซึมผ่านผิวหนัง ไม่ใช่ความเย็นแล้วก็ไม่ใช่ความร้อน ที่กระทบมาจากนิ้วมือสู่ผิวหนัง เป็นความร้อนอื่นๆที่พอเหมาะพอดีเลยทีเดียว

เหมือนกับว่าเขาได้ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความสง่างาม สูงส่งและสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังรู้สึกปลอดภัยมากอีกด้วย

คังเสว่มี่ขบเม้มริมฝีปากสีชมพูอ่อนของนาง แล้วอาศัยแขนของเขา ยกเท้าขึ้นสูงๆแล้วก้าวขึ้นไปบนเรือ มีคนดึงอยู่ค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อยนะ

ในเวลานี้เอง ไม่รู้ว่าจะ.....

ในขณะที่คังเสว่มี่กำลังตกอยู่ในห้วงของความคิดตนเอง ทันใดนั้นมือของจี้อี้ก็เบี่ยงไปอีกด้านหนึ่ง คังเสว่มี่อยู่ในสภาพที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นไปบนแผ่นกระดานเรือ

กลายเป็นว่าเท้าของนางก็หลุดลอยอยู่ในอากาศ เมื่อไม่มีแรงถ่วงคอยค้ำจุน ร่างกายก็เอียงเอนตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว

“คนเจ้าเล่ห์จี้ เจ้าจับข้าให้แน่นๆนะ เจ้าห้ามปล่อยมือเด็ดขาด!” เพราะความตกใจ คังเสว่มี่จึงเอ่ยปากร้องออกมา

โชคดีที่มือของจี้อี้คลายออกแค่เสี้ยววินาที จากนั้นก็จับมือของนางเอาไว้แน่น แล้วดึงร่างของนางขึ้นมาได้

หลังจากที่ขาทั้งสองข้างของคังเสว่มี่ยืนอยู่บนเรืออย่างมั่นคงแล้ว นางก็หันมองออกไปข้างหลัง ผลเป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้านหลังของกระโปรงมีบริเวณที่ถูกฉีกขาดอยู่หนึ่งที่ และแสดงให้เห็นรอยขีดข่วนหนึ่งรอย !

นางก็รู้ว่า ตอนที่โซเซเมื่อสักครู่นี้ ก็ได้ยินเสียงผ้าขาดดัง “แควก” หนึ่งครั้ง พอดูอีกทีในตอนนี้ ก็เห็นเป็นกระโปรงได้ขาดไปแล้วจริงๆ

พอนึกถึงจี้อี้ที่เอื้อมมือออกไปดึงนางไว้เมื่อสักครู่นี้ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นไม่ดีขึ้นมาชั่วขณะ แล้วหันหน้าไปหาเขา และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“คนเจ้าเล่ห์จี้ ข้ารู้นะว่าเจ้าไม่ได้หวังดีอะไรหรอก ปากก็บอกว่าจะดึงข้าขึ้นมาบนเรือ แต่จริงๆแล้วก็เจตนาอยากจะทำให้กระโปรงของข้าขาดใช่ไหมล่ะ”

เมื่อสักครู่นี้นางรู้สึกว่ามือของเขาอบอุ่นและ ปลอดภัยได้อย่างไรกัน ทั้งหมดนั้นคือภาพลวงตา ภาพลวงตา

ขณะที่จี้อี้กำลังลูบมือขวาของตัวเองอย่างช้าๆ เขาก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า

“ข้าหวังดีจริงๆนะ พอเห็นเจ้าขึ้นเรือไม่ไหว ข้าก็เลยจะยื่นมือดึงเจ้าขึ้นมา..”

คังเสวมี่มองรูที่อยู่บนกระโปรง จนกระทั่งบัดนี้ นี่คือกระโปรงที่เหมาะสมกับนางมากที่สุดแล้ว

เพราะเสื้อผ้าของเจ้าของร่างเดิมถูกฮูหยินรองนั่นกลั่นแกล้งมาโดยตลอดดังนั้นจะหาเสื้อผ้าดีดีสักชุดนั้นย่อมไม่มี

ชุดนี้นางเพิ่งได้มาจากไป๋หลี่เหลียรเวลานี้ผลลัพธ์ก็คือมันขาดไปแล้วเพราะว่าถูกจี้อี้ดึง แล้วนางจะเชื่อในคำพูดของเขาได้อย่างไร นางจึงพูดด้วยความไม่พอใจว่า

“เจ้าหวังดีขนาดนี้ เช่นนั้นทําไมระหว่างนั้นยังจงใจเบี่ยงมือหนี ทําให้ข้าเกือบตกลงไป ถ้าไม่เป็นเช่นนี้ กระโปรงของข้าจะขาดได้ยังไง?”

สายตาของจี้อี้ปาดตามองไปที่ร่างกายของคังเสว่มี่เล็กน้อย คิ้วของเขาก็ถูกยกขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ ไพเราะเหมือนเสียงพิณก้องกังวานไม่ขาดหายว่า

“ความจริงที่ข้าดึงเจ้าขึ้นมามันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย เท่านั้นเอง เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่า คุณหนูคังเจ้าดูไม่สูง แต่ร่างกายกลับหนักเหมือนภูเขาไท่ ทำให้ข้าวินิจฉัยผิดพลาดไปชั่วครู่และใช้แรงที่อยู่บน มือน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง”

นี่เขาบอกว่านางอ้วน? อ่า....

คังเสว่มี่ ทำแก้มสีชมพูให้ป่องทั้งสองข้างด้วยความ โมโห เบิกตาจ้องมองจี้อี้อย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

นางอ้วนตรงไหน? นางมีส่วนไหนที่อ้วน? เห็นได้ชัดว่าตอนนี้รูปร่างของนางสมส่วนจะตาย เอวบางร่างน้อย ขาก็เรียวยาวได้สัดส่วน จี้อี้ คนสมควรตายคนนี้มองว่านางอ้วน นางอ้วนตรงไหนกัน?

นางขมึงตาจ้องมองไปที่จี้อี้ อย่างไม่ละสายตาแล้วพูด ว่า “เจ้าพูดมานะ ตกลงข้าอ้วนตรงไหน ตัวเล็กกระจิริดขนาดนี้ หนักเหมือนภูเขาไท่ตรงไหน?"

ขณะที่จี้อี้กำลังมองท่าทางที่โมโหมากของนางอยู่ มุมปากของเขาก็โค้งขึ้นเล็กน้อย แล้วเอื้อมมือไปบีบที่แก้มของนาง ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า

“เจ้าดูสิ ก็ตรงนี้ไงที่อ้วนจนจะเห็นคางสองชั้นออกมาแล้ว ยังจะบอกว่าไม่อ้วนอีก”

พอเขาบีบเสร็จก็ปล่อยมือ คังเสว่มี่ไม่ทันได้ตีมือของเขา ซึ่งในตอนนั้นก็ไม่ได้ระมัดระวังและไม่สนใจเลยว่าจะ ถูกใครจับแก้มเข้าให้แล้วเช่นกัน นางจึงโกรธยิ่งกว่าเดิม

“อย่างข้านี้ไม่ได้เรียกว่าอ้วน เขาเรียกว่ามีไขมันแบบเด็กทารกต่างหากล่ะเข้าใจไหม? เอาไว้โตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็จะไม่มีเองล่ะ เจ้าเข้าใจหรือเปล่า?”

“เมื่อสักครู่นี้เจ้าเป็นคนพูดว่ามีไขมันเองนะ เจ้าเป็นคนยอมรับความจริงเองทั้งหมดแล้ว จะมาพูดว่าข้าให้ร้ายเจ้าไม่ได้นะ” ปลายนิ้วของจื้อี้ลูบลงไปที่ใต้แขนเสื้อเบาๆสักพักเขาก็ลู่ตาลงแล้วยิ้ม

รอยยิ้มนี้ประดุจดั่งดอกมั่นถั่วหลัวแบ่งบานอย่างเงียบ งัน

ในขณะที่กำลังเบ่งบานอย่างสง่างามก็ทำให้ความคิดของคนที่สับสนวุ่นวาย แม้แต่สายลมที่อยู่รอบๆล้วนถูกย้อมไปด้วยน้ำใจสูงส่งของเทพบุตรนี้

คังเสว่มี่จ้องมองรอยยิ้มที่งดงามนั้นอยู่พักหนึ่ง เพียงแต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด ความงามทั้งหมดที่มีก็มลายหายไปในทันทีอย่างไม่มีอะไรเหลือ พอจ้องมองที่ริมฝีปากสีแดงเล็กน้อยของเขา ก็แทบอยากจะขึ้นไปยกมือปิดที่ริมฝีปากของเขาเอาไว้เลยที่เดียวแต่นางทำได้เพียงส่งเสียงฮึ่มๆ แล้วพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า“ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรก็ช่าง เจ้าอย่าคิดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องเลยนะ เมื่อสักครู่นี้ที่เจ้าดึงข้าขึ้นมา กระโปรงของข้าขาดก็เพราะว่าเจ้าเป็นคนทำ ข้อนี้เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้ใช่หรือไม่?”จี้อี้มองกระโปรงบนร่างของนางแล้วขบเม้มริมฝีปากน้อยๆ คล้ายกับลำบากใจมาก ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆว่า“ หากข้าไม่ชดใช้ เจ้าคงต้องตามติดข้าไม่เลิกราใช่หรือไม่ เพื่อจะไม่ต้องยุ่งยากเช่นนี้ กระโปรงชุดนี้ข้าชดใช้ให้เจ้าก็แล้วกันดีหรือไม่? "“ ใครจะชอบตามติดเจ้ากัน ทำของเสียก็ต้องชดใช้อยู่แล้ว นี่เป็นคำพูดที่เจ้าพูดเอง เจ้าตกลงแล้วว่าจะชดใช้ เจ้าต้องชดใช้ให้ข้านะ ” จี้อี้ก็ฉลาดดี ทำของของนางเสียก็ต้องชดใช้ด้วยอยู่แล้วนี่ เงินของเขาเยอะขนาดนั้นกระโปรงผืนหนึ่งง่ายนิดเดียวฉวี่ซางดึงสายเชือก ยืนอยู่ข้างๆ มองดูพวกเขาสองคนคุยกัน อ้าปากค้างเหม่อมองไปชั่วขณะนึกไปถึงครั้งก่อนที่ซื่อจื่ออุ้มคุณหนูคังกลับตำหนักแล้ว ยังดูแลทั้งคืนก็หุบปากลงอย่างไม่แปลกใจเรื่องของจี้ซื่อจื่อนั้น ทันทีที่เจอกับคุณหนูคังคนนี้ เขาก็จะแปลกไปไม่เหมือนกับเจอใครคนอื่นตลอดนั่นหล่ะ

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์