คังเสว่มี่ถลึงตาใส่จี้อี้ “ เพราะเขาน่ะสิ เมื่อครู่นี้ที่พยุงข้าขึ้นเรือไม่ได้จับไว้ดีๆทำให้ข้าเอียงไป ข้างๆ กระโปรงคล้องโดนมุมเรือจนขาดอย่างที่เห็น! "
ว่าแล้วก็หันไปถลึงตาใส่ไป๋หลี่เหลียนเอ่ยอย่างโมโหว่า ยังมีเจ้าอีกนะ
ทันทีที่ได้ยินหมากขาวดำที่ทำจากหยกอะไรนั่นก็วิ่ง จากไปอย่างเร็ว
หากไม่ใช่เจ้าที่ทิ้งข้าอยู่ตรงนั้นจะต้องการให้เขามาพยุงข้าไหม กระโปรงก็จะไม่เสียหรอก!
ไป๋หลี่เหลียนสัมผัสดั้งจมูก เหลือบมองจี้อี้ด้วยรอยยิ้มสวย
“ นี่เป็นความผิดของจื้อี้ทั้งนั้น ผู้ใดให้เขาบอกข้าว่าหมากรุกอยู่บนเรือเล่า ไม่เช่นนั้นข้าต้องดึงเจ้าขึ้นไปแน่ เขารู้อยู่แล้วว่าข้ารักหมากรุกนั่นนานแล้ว! "
"เอาอย่างนี้ดีไหม?" เห็นว่าคังเสว่มี่ ไม่สนใจเขาแล้ว เขาก็เอ่ยต่อว่า “ ข้าจะอยู่ข้างๆเพื่อพยุงเจ้า ต่อไปนี้หากจะนั่งเรือไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะไม่อนุญาตให้เจ้าและกระโปรงของเจ้ามีความเสีย หายอีก ว่าอย่างไร? "
“ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกเพคะ ” การขอโทษเช่นนี้มากเกินไปหน่อย คังเสว่มี่ไม่ใช่ผู้ที่ชอบสร้างปัญหาอย่างไร้เหตุผล ผู้ที่ผิดคือผู้ใดนางก็รู้
“ เป็นความผิดของจี้อี้ให้เขาชดใช้กระโปรงให้ข้าก็พอ ”
ไป๋หลี่รุ่ยเหลือบมองจี้อี้ คาดไม่ถึงว่าจี้อี้ นั้นจะเหมือนกับข่าวลือ ไม่ใช่แค่ไม่คิดมากที่คังเสว่มี่ เข้าใกล้เขาสามฟุต แล้วยังยื่นมือออกพยุงนางขึ้นเรืออีก
หลายปีมานี้ นางเป็นผู้เดียวที่สามารถเข้าใกล้จี้อี้ได้ แม้แต่กู้เมิ่งเสวียนที่รู้จักกับจี้อี้มานานหลายปีก็ไม่ สามารถเข้าใกล้เขาได้ในระยะสามฟุต
ละสายตาจากมามองเห็นใบหน้าเล็กน่ารักของคังเสว่มี่ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เห็นนางไม่สนใจเขา เขากลับมีความรู้สึกอยากจะไปคุยกับนาง คล้ายกับว่ามองเห็นใบหน้านางจะรู้สึกสบายใจขึ้น
ไม่ว่าอย่างไรไป๋หลี่รุ่ยก็เป็นองค์รัชทายาทมานานหลายปี โทสะเมื่อครู่นี้ค่อยๆถูกกดลงไป มีแค่ในดวงตาที่ยังคงมีความโมโหหลงเหลืออยู่เล็กน้อย เขาพยายามแสดงออกมาให้เห็นว่าเป็นมิตร
“ เสว่มี่ หากเจ้าชอบกระโปรงเดี๋ยวข้ากลับตำหนักก็สั่งให้หญิงที่เย็บปักถักร้อยผ้าได้ งดงามที่สุดในวังทำชุดที่นิยมที่สุดในปีนี้แล้วส่งไปยังตำหนักคังให้เจ้า เพื่อให้เจ้าเลือกจนเจ้าพอใจดีไหม?”
ร่ำรวยใจดีแบบนี้ นี่คิดจะใช้เงินทองเพื่อซื้อนางหรือไง?คังเสว่มี่โบกมือ ในใจดูหมิ่น
“ ไม่ต้องแล้ว หม่อมฉันเป็นแค่คนธรรมดาไม่มียศ ไม่เคยทำประโยชน์อะไร อยู่ๆก็ได้รับรางวัลจากองค์รัชทายาท
น่ากลัวว่าจะไร้มารยาทไม่เหมาะกับกฏระเบียบของวังหลวง แล้วเกิดข่าวลือขึ้นจะเป็นการเพิ่มปัญหาเสียเปล่าเพคะ"
คำพูดประโยคนี้ของนางบอกกับรัชทายาทอย่างชัดเจนว่า ข้าไม่รับของของท่าน เพราะข้าไม่ใช่ชายาเอกในอนาคตของท่าน
เป็นแค่ลูกสาวของอำมาตย์คนหนึ่งเท่านั้น รับของของท่านมาก็ยิ่งแก้ต่างไม่บริสุทธิ์ วันข้างหน้าไม่รู้ว่าจะถูกผู้อื่นพูดถึงอย่างไร
ไป๋หลี่รุ่ยขมวดคิ้วมุ่น
" เพราะเหตุใดชุดที่ข้าจะมอบให้เจ้า เจ้าถึงได้ปฏิเสธ จี้ซื่อจื่อมอบชุดให้เจ้าก็ไม่ผิดกฏระเบียบไม่เหมาะสม หรือ? ”
คนอย่างไปหลี่รุ่ย ไม่ว่าเพราะเหตุผลใดหรือว่าอะไร คังเสว่มี่ไม่มีความรู้สึกดีๆด้วย เห็นสีหน้าเข้มงวดของเขาที่คนอื่นไม่ยอมรับของของ เขายิ่งไม่อยากสนใจมากกว่าเดิม
จี้อี้มองไป๋หลี่รุ่ยแล้วหัวเราะเสียงอ่อนโยน แต่ในดวงตากลับไม่ยิ้ม
“ องค์รัชทายาท เมื่อครู่นี้ท่านยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้รับฟังเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดเลยฟังไม่หรือไม่เข้าใจ
ไม่ใช่เพราะข้าอยากจะมอบชุดให้คุณหนูคัง
เพราะเมื่อครู่นี้ตอนที่ขึ้นเรือข้ายืนไม่มั่นเลยทำให้กระโปรงของนางขาด ตามมารยาทแล้วหากกระทำของของผู้อื่นเสียหายข้าต้องชดใช้อยู่แล้ว
ตามความสัมพันธ์ของข้าและคุณหนูคัง ข้าจะไม่มอบเสื้อผ้าสิ่งของสำคัญเช่นนี้ให้ผู้อื่นมั่วๆแน่ ”
มือของไป๋หลี่เหลียนที่พัดพัดจีนอยู่ก็หยุดไปชั่วขณะ รู้สึกว่าเขาพูดแบบนี้ไม่ใช่พูดให้ไป๋หลี่รุ่ยฟังเท่านั้น เงยหน้าขึ้นมองจี้อี้
แต่สายตาของเขาราบเรียบ เสียงอ่อนโยน ขมวดคิ้วและพัดพัดจีนในมือต่อ
ไม่เข้าใจเรื่องราวก็อย่านึกมาก ชีวิตจะต้องมีความสุขให้มากจะไปเสียเวลากับเรื่องที่ ไม่สำคัญพวกนี้ทำไม นี่เป็นนิสัยของไป๋หลี่เหลียน
ไป๋หลี่รุ่ยกล่าว่า “ เป็นเช่นนี้นี่เอง แค่เสื้อผ้าชุดเดียวเท่านั้นยังลำบากจี้ซื้อจื่อ ให้ข้าทําแทนก็แล้วกัน ”
จี้อี้เอ่ยเสียงเรียบว่า “ แม้รัชทายาทเป็นว่าที่จักรพรรดิ สูงส่งมากทีเดียว แค่เสื้อผ้าชุดเดียวเท่านั้น ตำหนักจี้ยังคงชดใช้ให้ได้ รัชทายาทไม่ต้องลำบากเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เลยพะย่ะค่ะ ” ว่าแล้วก็ไม่สนใจสีหน้าของไป่หลี่รุ่ย หันไปพูดกับคังเสว่มี่
"ข้าจะพาเจ้าไปเลือกชุดตอนนี้เลย แต่ไม่ใช่ของวังหลวงเจ้าต้องการหรือไม่? ”
"เจ้าทำเสีย ต้องเป็นเจ้าที่ชดใช้อยู่แล้ว ไปเถอะ ยืนอยู่ที่นี่จะมีเสื้อผ้าปรากฏออกมาหรือ? "
คังเสว่มี่รู้สึกว่าลมเย็นอ่อนๆสบายๆของทะเลสาบชิงเยว่ถูกคำพูดที่ไม่น่าฟังของคนบางคนทำให้ไม่บริสุทธิ์ นางก้าวเท้าเดินไปข้างบนมาถึงข้างรถม้าของไป๋หลี่เหลียน หันไปตะโกนบอกจี้อี้ว่า......
“เจ้ารีบมาเร็วเข้า อย่าให้ข้ารอเจ้านานนัก "
จี้อี้เงยหน้าขึ้นมองนางแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ ข้าไม่ชินที่ต้องตามอยู่หลังรถม้าของผู้อื่น"
ท่าทางในการขึ้นรถม้าของคังเสว่มี่หยุดชะงัก ขมวดคิ้วมองเขา “ เช่นนั้นเจ้าก็รีบขึ้นรถม้าเร็วเข้า เช่นนี้เจ้าก็ได้อยู่ข้างหน้าแล้ว "
คนๆนี้ถูกคนอื่นวางอยู่บนที่สูงแล้วถูกเคารพมานานมาก เกินไป นิสัยประหลาดจริงๆ
จี้อี้ใช้สายตาที่มีความหมายลึกๆมองนางแล้วเอ่ยเสียง เรียบว่า
"เจ้าต้องการให้ข้าไปเลือกเสื้อผ้าพร้อมกับเจ้า นั่งอยู่ในรถม้าของผู้อื่นคือเตรียมที่จะให้ข้าถามเจ้าว่า ชอบหรือไม่ชอบด้วยระยะห่างไกลตลอดหรือไง? "คังเสว่มี่นึกตาม ก็ถูก เสื้อผ้าที่นางสวมเองต้องเลือกเองอยู่แล้วหากนั่งอยู่บนรถม้าของไป๋หลี่เหลียนคงไม่สามารถเปิดม้าม่านรถม้าแล้วตะโกนพูดคุยกับรถม้าของจี้อี้บ่อยๆหรอกนะ นางเองก็ไม่อยากถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด นึกมาถึงตรงนี้ นางก็เอ่ยกับไปหลี่เหลียนว่า “ งั้นข้าไปนั่งที่รถม้าของเขานะเพคะ เดี่ยวจะเลือกเสื้อผ้าได้ง่าย "จากนั้นก็หันไปตะโกนบอกจี้อี้ว่า “ จี้อี้ ข้าบอกเจ้านะว่าเจ้าอย่าหาข้อแก้ตัวไม่ชดใช้เสื้อผ้าให้ข้านะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าตั้งใจ เจ้าวางใจได้เจ้าต้องชดใช้แน่! "ไป๋หลี่เหลียนมองจี้อี้ “ ข้าก็ไปกับพวกเจ้าด้วย อยู่กับจิ้งจอกอย่างเจ้า น่ากลัวว่านางจะถูกลักพาตัวไปก็คงไม่รู้ตัว วันนี้เป็นข้าที่พาเสว่มี่ออกมาจากตำหนักคัง ยังต้องพานางกลับไปโดยไม่เป็นอะไรทั้งนั้น ”จี้อี้หันไปมองคังเสว่มี่ แล้วหัวเราะเสียงต่ำจนไม่ได้ยินเอ่ยว่า "หากไม่ใช่นางที่จะโทษว่าเป็นข้าที่ทำกระโปรงของนาง ขาด ข้าก็ไม่อยากยุ่งกับนางหรอก เจ้ากลัวว่านางจะถูกรังแก ข้าว่านางรังแกคนอื่นถึงจะถูก "ไป๋หลี่เหลียนนึกไปถึงเหยาเมิ่งฉิงและไป๋หลี่รุ่ยเมื่อครู่นี้ คนหนึ่งโมโหจนร้องไห้แล้ววิ่งจากไป อีกคนถึงกับพูดไม่ออกจากการตอบสนองเร็วและพูดเก่งของนางแล้วเขาก็พยักหน้า...
copy right hot novel pub