โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 112 จี้อี้ผู้ร่ำรวย

ชวนหลันจ้องมองตรงไปที่คังเสว่มี่และจี้อี้

หลังจากที่ได้ยินเสียงตะโกนของเขา นางสายหน้าแล้วพูดว่า

“ขอบพระทัยองค์ชายหกมากเพคะ แต่หม่อมฉันต้องการติดตามรับใช้อยู่ข้างกายคุณหนูเพคะ"

ไป๋หลี่เหลียนจ้องไปที่ใบหน้าเล็กๆของนางที่เข็มขรึม เขาก็รู้สึกว่าหญิงรับใช้ที่อยู่ข้างกายคังเสว่มี่เองก็ดูน่าสนใจดีไม่น้อย เขาเคาะพัดเบาๆ และยักคิ้วขึ้นแล้วพูดขัดกับรอยยิ้มที่ริมฝีปาก

“เจ้าไม่สามารถขึ้นรถม้าได้ อีกทั้งไม่มีม้าให้ขี่ หรือเจ้าอยากจะคอยเดินตามอยู่ข้างล่างนี้หรือ?”

ชวนหลันเม้มริมฝีปากเล็กๆ เหลือบมองไปที่รถม้าของจี้อี้ แน่นอนนางรู้ดีว่าตนเองไม่อาจขึ้นไปนั่งบนรถม้าของจี้ซื่อจื่อได้อย่างเด็ดขาด

แต่ว่ารถม้าขององค์ชายหกก็ไม่ใช่รถที่นางจะขึ้นไปนั่งได้ตามอำเภอใจเช่นกัน นางส่ายหน้าแล้วพูด

“ใช่เพคะ หม่อนฉันจะคอยเดินตามรถม้าอยู่ด้านหลังเพคะ”

“แล้วถ้าเกิดว่าม้าวิ่งขึ้นมาล่ะ เจ้าจะทำอย่างไร?” ไป๋หลี่เหลียนมองไปที่ชวนหลันที่ยังคงไม่มีท่าทีอันใด ประมาณการว่าเป็นเวลานานแค่ไหนที่นางจะถูกรถม้า สลัดทิ้งจนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

นี่สิเป็นปัญหา ชวนหลันขมวดคิ้ว ขาของนางไม่ได้ยาว คงวิ่งได้ไม่เร็วไปกว่าม้าของจี้ซื่อจื่อหรอก

คังเสว่มี่ เดินไปได้ครึ่งทาง ทันใดนั้นก็หันกลับมานึกได้ว่านางได้ทำลายกฏของจี้อี้ที่ว่าไม่เข้าใกล้ใครเกินสามฟุต

คนผู้นี้ไม่ได้เป็นโรคกลัวความสกปรกร้ายแรงอะไร ก็แค่มีจิตใจที่คอยระแวดระวัง

ที่ตนสามารถเข้าไปใกล้ชิดเขาได้ อาจจะเป็นเพราะเรื่องการฆาตกรรมที่ถูกเขาเห็นเข้า ที่ไม่ต้องไปกังวลว่านางจะมีความคิดอย่างไรก็ตาม เขารู้สึกสบายใจยิ่งนัก

เพราะเหตุนี้

ชวนหลันจึงไม่อาจที่จะนั่งด้วยกันกับนางได้เช่นเคย เหมือนดั่งตอนมาอย่างแน่นอน แต่ก็มิอาจปล่อยให้นางวิ่งตามอยู่ข้างล่างได้ นั่นมันไร้มนุษยธรรมเกินไป

หลังจากคิดไปได้สักพัก นางก็ตะโกนขึ้นว่า

“ชวนหลัน เจ้าขึ้นไปนั่งบนรถม้าขององค์ชายหกเถอะ เขาจะตามข้าไม่ให้คลาดกันได้หรอก”

“เจ้าค่ะ คุณหนู!” ชวนหลันเลิกคิ้วขึ้น แล้วเดินไปที่ด้านข้างของไป๋หลี่เหลียน ใบหน้าเล็กๆด้วยความระรื่นพูดขึ้นว่า

“องค์ชายหก บ่าวคงต้องยืมที่นั่งบนรถม้าของท่านอีกสักหนแล้ว”

อาจเป็นเพราะอุปนิสัยของไป๋หลี่เหลียนที่เป็นคนเข้าถึงง่าย

ซึ่งแตกต่างกับการเผชิญหน้ากับไป๋หลี่รุ่ยที่เต็มไปด้วย การกดขี่อันน่าเกรงขาม

และก็ไม่เหมือนกับสิ่งที่ก่อขึ้นในใจความรู้สึกที่ตื่นเต้นและเคารพเลื่อมใสต่อจี้อี้ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยไม่รู้ตัวในตอนที่พูดคุยกับเขา ชวนหลันก็รู้สึกผ่อนคลายมาก

ไปหลี่เหลียนส่ายหน้า สาวน้อยนางนี้ ตนเป็นคนเชิญชวนนาง นางกลับไม่ขึ้น คังเสว่มี่เพียงพูดแค่คําเดียวนางก็มาแล้ว ไม่น่าใช่ความจงรักภักดีทั่วไปแล้วสิ

เขาชยับตัวย้ายเข้าไปด้านใน เห็นชวนหลันปืนขึ้นมานั่งที่เรียบร้อยแล้ว ก็หันหน้าไปทางคนขับรถม้าแล้วพูดว่า

“อีกเดี่ยวเจ้าคอยขับตามรถม้าของจี้ซื่อจื่อไปก็พอแล้ว”

มองดูชวนหลันขึ้นไปบนรถม้าของไปหลี่เหลียน คังเสว่มี่ก็เดินไปที่ด้านข้างรถม้า จี้อี้ยืนอยู่ด้านบน ใบหน้าที่งดงามราวกับภาพวาด มองดูนางจัดเตรียมรถม้าให้ชวนหลันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นไม่นานขนตาก็ลู่ลงเล็กน้อย น้ำเสียงที่ใสดูสง่างามยังคงเช่นเดิม

“ต้องการให้ข้าช่วยดึงหรือไม่?”

คังเสว่มี่ตบไปที่มือของเขาเบาๆอย่างถ่อมตน

“ช่างเถอะ ขืนให้เจ้าดึงข้าอีกครั้งแล้วล่ะก็ ไม่แน่กระโปรงนี่ได้ขาดเป็นทางยาวเลยก็ว่า ได้ ให้ข้าขึ้นเองดีกว่า”

ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว นางไม่อยากให้ มันมีอีกเป็นครั้งที่สอง

จี้อี้มองข้ามไปบนใบหน้าของนาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เหน็บแนม

“เป็นตัวเจ้าเองนั่นแหละที่หนักเกินไป ยังจะชอบโทษว่าเป็นเพราะผู้อื่นอีก โชคดีที่ข้ายังพอมีน้ำใจ เกรงว่าเจ้าจะตกลงไป”

คังเสว่มี่จ้องเขม็งไปที่จี้อี้ด้วยสายตาที่เหี้ยมโหด การพูดคุยกับคนผู้นี้มันทำให้นางนั้นโกรธแทบตาย นางกัดริมฝีปากตนเองแล้วปีนขึ้นไปบนรถม้า ยกม่านรถเปิดออกก็ตรงเข้าไปในรถม้า ม่านรถแกว่งส่งเสียงตึงตึง

“โอ้......” จี้อี้มองดูม่านรถที่ถูกนางเหวี่ยงขึ้น ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วสั่งฉวี่ซางด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

“ไปที่ร้านหวินเสี่ยงเก๋อ”

“ได้ขอรับ ซื่อจื่อ” ฉวี่ซางขานรับอย่างนอบน้อม

จี้อี้ค่อยๆหันไปอย่างช้าๆ ยกมือเปิดม่านรถออก

และเข้าไปข้างใน แต่กลับต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยในทันใด

ที่ในรถม้านี้กว้างขวางยิ่งนัก แม้ว่าจะนั่งรวมอยู่ด้วยกันห้าคนก็มิอาจทำให้รู้สึกถึง ความแออัด แต่ทว่าในเวลานี้ในรถม้านี้มีคนแค่เพียงคนเดียว แต่กลับทำให้คนรู้สึกราวกับว่าไม่มีที่ใดเลยที่จะสามารถนั่งลงได้

คังเสว่มี่กางมือและเท้าออก นอนอย่างสบายใจอยู่ที่กลางรถม้า เมื่อเห็นจี้อี้หน้านิ่วคิ้วขมวด นางก็ทอดถอนใจด้วยความพึงพอใจ แล้วตะโกนอย่างสดชื่นว่า

“จี้อี้ ข้ามองว่ารถม้าของเจ้านี่ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ ทั้งกว้างขวาง ทั้งสบาย ผ้าห่มใต้เบาะรองที่มองดูแล้วเป็นปุยๆ เมื่อได้นั่งลงจริงๆแล้วก็รู้สึกสบายยิ่งนัก ที่จริงแล้วมันก็เป็นที่ที่ดีในการหลับนอนเลยแหล่ะ"

พูดจบ นางก็ออกแรงเหยียดมือและเท้าออกจนสุด ทำให้พื้นที่ที่มีในรถม้าทั้งหมดแคบลง ทำตัวไม่เป็นผู้นั่งที่ดี

ปล่อยให้คนเจ้าเล่ห์จี้รังแกนางมานาน ถึงเวลาที่นางจะต้องเอาคืนบ้าง นางกำลังดูว่าเขาจะนั่งลงเยี่ยงไรจี้อี้ยืนอยู่ที่ทางเข้าของประตูรถม้า หลังจากที่ขมวดคิ้ว คิ้วก็เริ่มคลายออกอย่างสบาย บนใบหน้าที่ส่องสว่างไม่เหลือร่องรอยสีหน้าของความโกรธ“อืม รถม้า ด้านใต้เป็นถาดน้ำแข็ง ในฤดูร้อนได้ใส่น้ำแข็งก้อนลงไปมีไอของความเย็นไหลผ่านเข้ามา บวกกับผ้าไหมใยน้ำแข็งผืนนี้ที่ทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อกักเก็บความเย็นไว้ระบายความร้อน นั่งอยู่ข้างในแน่นอนว่ารู้สึกสบายเป็นธรรมดา ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยของอากาศร้อนในฤดูร้อน"คังเสว่มี่ได้ยินสิ่งที่เขากล่าวมาก็แอบส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ไม้จันทน์แดงหนึ่งนิ้วเป็นเงินจํานวนมหาศาล สร้างรถม้าได้ถึงเพียงนี้ แน่นอนว่ารถม้าคันนี้ของเขามีมูลค่ามหาศาล ถ้าหากไม่ได้เข้าไปนั่งอยู่ภายใน ไหนเลยนางจะไปนึกได้ว่าภายในจะยังมีการออกแบบ ที่มากมายถึงเพียงนี้ช่างสบายเช่นนี้ บัดนี้นางก็ขอเสพสุขกับมันสักคราว “อืม บังเอิญที่เมื่อคืนนี้ข้าไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ วันนี้ก็ตื่นเช้าเกินไป ข้าขอนอนพักสักงีบบนรถม้านี้ อีกประเดี๋ยวเมื่อถึงแล้วเจ้าค่อยเรียกข้าแล้วกันนะ!”“เจ้านอนแผ่หลาเยี่ยงนี้ ยึดครองพื้นที่ทั้งหมดในรถม้าไปหมดแล้ว แล้วข้าจะนั่งที่ใดเล่า?” จี้อี้เลิกคิ้วขึ้นแล้วพูด“ในนี้มีพื้นที่ตั้งมากมาย เจ้าจะนั่งตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น คังเสว่มี่ลืมตาขึ้นชำเลืองไปที่เขา ขึ้นมาบนรถมาของตัวเองมิต้องเกรงใจปานนั้นดอก นั่งตามสบาย นั่งตามสบายในหัวใจของนางเบ่งบานไปด้วยความสุข จี้อี้มิชอบให้ผู้ใดเข้าใกล้เขาเกินสามฟุต อีกทั้งยังสร้างรถม้าที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่ชอบอยู่พื้นที่กว้างๆสะดวกสบาย

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์