คังเสว่มี่โยนความคิดเล็กๆน้อยๆเมื่อครู่นี้ทิ้งไปในทันที ดมความหอมหวานของเหล้าให้ซึมซาบเข้าไปในหัวใจ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองไปที่เหล้านั้นแล้วเอ่ยถาม
“นี่คือเหล้าอันใด ดูๆแล้วก็ไม่เลวนี่!"
“เหล้าร้อยบุปผาหอม” จี้อี้รินแบ่งออกเป็นสองถ้วย ในมือหยกขาวถือไว้หนึ่งถ้วย ส่วนอีกถ้วยวางไว้ที่ด้านหน้าของคังเสว่มี่
คังเสวมีประคองขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง วางไว้ที่ใต้จมูกแล้วสูดดมกลิ่น รู้สึกผ่อนคลาย กลิ่นหอมของดอกไม้ผสมผสานคลุกเคล้าเข้ากับกลิ่น หอมอ่อนๆของเหล้า แต่ไม่เข้มข้นจนเกินไป
“เหล้าร้อยบุปผาหอม ในนั้นมีข้าวเหนียว ข้าวสาลีเล็กน้อย
และในนั้นยังมีส่วนผสมจากการกลั่นดอกไม้ป่านานับร้อยชนิด
ดังนั้นจึงมีกลิ่นที่หอมหวนและเครื่องดื่มนั้นยังสามารถ ช่วยบำรุงกระเพาะอาหารให้อบอุ่นได้ด้วย”
“นึกไม่ถึงเลยว่าสตรีเยี่ยงเจ้า ก็สามารถรู้วัตถุดิบในเหล้าถ้วยนี้ เพียงแค่ดมก็สามารถแยกออกได้ว่าเหล้านี้ใช้วัตถุดิบ อะไรในการหมัก”
จี้อี้นึกถึงเมื่อครั้งที่แล้วที่อยู่ที่ร้านอาหารจุ้ยเซียน ดูเหมือนว่านางก็ดื่มจนเมาด้วยเช่นกัน มือที่หยิบแก้วเหล้า
ขึ้นมาหยุดอยู่กลางอากาศไม่อาจ
หยุดดมได้ เมฆหมอกในดวงตาเริ่มทึบมากยิ่งขึ้น
คังเสว่มี่วางนิ้วลงบนถ้วยน้ำชา พยายามยิ้มอย่างสุดความสามารถ
เมื่อพูดถึงเรื่องสุรา นางก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ให้คิดถึงพ่อของตนเอง ท่านเพียงแค่โปรดปรานการรินเหล้าดื่มสองสามแก้วในทุกๆมื้อที่รับประทานอาหาร ท่านพ่อไม่ได้มีงานอดิเรกอันใด ได้ยินจากท่านแม่ว่า ตั้งแต่เมื่อตอนที่นางอายุได้หนึ่งขวบ เมื่อเห็นพ่อกำลังดื่มสุรานางก็ยื่นมือเล็กๆไปจับ หลังจากที่ถูกท่านแม่ขัดขวาง นางก็ยังคงดูดของเหลวที่มือเล็กๆด้วยความเอร็ดอร่อย
เมื่อโตขึ้นมาอีกนิด ท่านพ่อก็คิดว่านางก็น่าสนใจไม่น้อย ในยามที่ดื่มสุราก็เอาให้นางลิ้มรสสักอึกสองอึก ค่อยๆกินทีละน้อย ถึงแม้นางจะบอกว่าไม่ได้ชอบดื่มจนติดเป็นนิสัย แต่ก็เข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับเหล้ามากกว่าคนปกติทั่วไป และมีสิ่งที่ชอบเพิ่มขึ้นมา
แต่นางก็จําเรื่องราวเหล่านั้นไม่ค่อยได้แล้ว.....….…..
ในตอนที่พ่อพานางออกไปข้างนอกนั้นได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้น ปีนั้นอายุได้เจ็ดขวบ
ในตอนที่ฟื้นขึ้นมา นางก็ลืมเรื่องราวก่อนหน้านี้ไปจนเกือบหมดสิ้น หลายเรื่องล้วนเป็นพ่อของนางเป็นคนพูดขึ้นมานางถึง นึกขึ้นได้
ปลายนิ้วของนางแตะลงบนถ้วยน้ำชา ประจวบเหมาะกับที่เห็นใบหน้าเล็กๆครึ่งซีกของตนเอง สะท้อนอยู่ในเหล้าสีอำพันเข้มและในดวงตายังมีความคิดนึงถึงบ้าน
แอบยิ้มเบาๆ เก็บซ่อนความเศร้านั้นไว้ เงยหน้ามองไปที่จี้อี้ บนใบหน้าเล็กๆของนางยกยิ้มอย่างน่ารักอ่อนช้อยแล้วเอ่ย
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้มีความรู้ความสามารถมากมายเทียบเท่ากับองค์ชายอันดับหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรข้าต้องมีพรสวรรค์ให้ได้สักหนึ่งหรือสองอย่าง
มิฉะนั้นแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ที่ให้กำเนิดข้า ผู้ที่ ที่ไม่มีแม้แต่ทักษะพิเศษอันใดเลย นั่นมันก็ไม่แตกต่างอะไรกับการเลี้ยงสิ่งของที่ไม่มี ประโยชน์”
ดูเหมือนว่าจี้อี้จะดูไม่ออกว่าเมื่อครู่นี้นั้นอารมณ์ของนางแปรปรวนในชั่วขณะ พยักหน้าเบาๆ หน้าผากจันทร์หิมะส่องแสงสะท้อนให้เห็นถึงความชื้น
“ในเมื่อมีพรสวรรค์ ก็อย่าปล่อยให้เสียเปล่าเลย ลองชิมเหล้านี่ นี่เป็นเหล้าที่ฉวี่ซางหมักไว้เมื่อปีที่แล้ว เจ้าเป็นคนแรกเลยที่ได้ลิ้มลองรสชาติของเหล้านี้
หลังจากชิมเสร็จแล้วก็ประเมินค่าให้ฉวี่ซางสักหน่อย"
ฉวี่ซางนั่งอยู่บนคานรถม้า ฟังทั้งสองคนที่อยู่ข้างในรถม้าคุยกัน ลึกๆในหัวใจก็แอบแปลกใจ
แม้ว่าชื่อจื่อจะไม่ใช่คนพูดจาด้วยน้ำที่เสียงเย็นชาและเมินเฉย แต่ก็ไม่นับว่าเป็นคนที่จะพูดมากความ เขาติดตามรับใช้อยู่ข้างกายมาหลายปี แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาพูดคุยกับผู้ใดได้สง่างามเช่นนี้
เมื่อได้ยินจี้อี้พูดถึงเหล้าที่เขาเป็นคนหมัก ก็รวบรวมจิตใจมองเข้าไปข้างในเล็กน้อยแล้วเอ่ย
“คุณหนูคัง เจ้าลองชิมดู เหล้านี้รสชาติเป็นเช่นไร?”
การชิมเหล้านี้เป็นสิ่งที่นางทำแล้วมีความสุขและนางยินดีที่จะทํามัน
นางประคองถ้วยน้ำชาขึ้นและหยุดชะงักอีกครั้ง “จี้อี้ เจ้าใช้ถ้วยชามาใส่เหล้าได้เยี่ยงไร? เจ้าช่างไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ!”
จี้อี้ส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“เดิมทีบนรถมีชุดถ้วยพราวราตรีสีอำพันชุดหนึ่ง เมื่อคราวที่แล้วทำให้ข้าไม่ทันได้ระวังทำแตกไปแล้วข้า ก็ได้โยนมันทิ้งไปแล้ว
จนบัดนี้ก็ยังคงหาแก้วเหล้าที่เหมาะสมยังไม่พบเสียที ใช้ชุดถ้วยหยกมันแพะชุดนี้แทนไปพลางๆก่อนแล้วกัน
ถึงแม้ว่าจะเป็นถ้วยชา แต่แก่นแท้ของมันเป็นหยกบริสุทธิ์ไม่มีสารเจือปน ดังนั้นจึงมิอาจส่งผลกระทบต่อการชิมรสชาติของเหล้า"
หัวของคังเสวีมี่เต็มไปด้วยเหงื่อ อืมเช่นนั้นก็ได้ คงจะต้องฝืนใจใช้ถ้วยหยกมันแพะที่มีค่านี้ที่อยู่บนมือนางลิ้มรสเหล้าแล้ว
นางเหลือบมองดูจี้อี้อย่างเหยียดๆชั่วแว้บหนึ่ง “แม้ว่าถ้วยแก้วพราวราตรีสีอำพันจะเป็นภาชนะที่ คุณภาพดีที่สุดในการใช้ชิมเหล้า แต่เปลี่ยนมาใช้ถ้วยเคลือบเงามันธรรมดาๆมันก็พอใช้ได้”จี้อี้ส่ายหัว “แม้แก้วเคลือบเงาจะดี แต่เนื้อสัมผัสไม่โปร่งใสธรรมชาติมากพอ ยังหาไม่เจอกับสิ่งที่ใจต้องการ ข้าเองก็ไม่เคยใช้มัน”เอาล่ะ ไม่สามารถแข่งกับเจ้าได้ องค์ชายอันดับหนึ่งแห่งฉีเทียน ลูกรักของพระราชา ทายาทในอนาคตของราชวงศ์ เจ้าไม่ใช้มันก็เป็นเรื่องปกติคังเสว่มีประคองถ้วยชามาที่ริมฝีปากแล้วก้มลงจิบเบาๆหลังจากที่เหล้าเข้าไปในปาก ก็ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งปาก เริ่มจาก ลิ้นขึ้นไปจนถึงจมูก ยังคงหลงเหลือรสชาติความหอมหวนติดอยู่ข้างใน และนางก็เสพสุขในการดื่มอีกหน แล้วจึงหันมาเอ่ยกับฉวี่ซางว่า“คุณชายซาง การชงเหล้าร้อยบุปผาของเจ้าเมื่อเทมันไหลลงไปสู่ แก้วเหล้ากลิ่นของมันก็โชยเข้ามาเตะจมูก เมื่อเข้าไปในปากมีทั้งรสเปรี้ยว หวาน ขม เผ็ด กลิ่นหอมสดชื่น หวานและทรงพลัง ต้องใช้น้ำจากทะเลสาบที่บริสุทธิ์เป็นแน่ มิฉะนั้นแล้วรสชาติคงจะไม่สามารถออกมาหอมหวาน ยาวนานได้ถึงเยี่ยงนี้"“ใช่แล้ว คุณหนูคังเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง เหล้านี้ฉวี่ซางนำมาจากเขาเฟยจ่ายที่กลั่นมาจากน้ำใน ฤดูใบไม้ผลิบนทะเลสาบเฟยจ่าย”ฉวี่ซางได้ยินว่าคังเสว่มี่เพียงดื่มเหล้าแค่สองคำ ก็สามารถแบ่งวัตถุดิบและแหล่งที่มาของน้ำออกมาได้ บนใบหน้ากลมๆของเขาก็นำมาซึ่งความตื่นเต้นยินดี
copy right hot novel pub