โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 115 บุรุษรูปงามกับเหล้าชั้นดี

ฉวี่ซางได้ยินว่าคังเสว่มี่เพียงดื่มเหล้าแค่สองคำ ก็สามารถแบ่งวัตถุดิบและแหล่งที่มาของน้ำออกมาได้ บนใบหน้ากลมๆนำมาซึ่งความตื่นเต้น

คังเสว่มี่ ยักคิ้วที่งดงามทั้งสองข้างขึ้น “คุณชายซางมีความรู้ความสามารถ มาอยู่ข้างกายจี้อี้ ลำบากแน่แท้ แม้แต่เหล้าที่เขาดื่มก็ต้องเป็นเหล้าที่เจ้าเป็นคนหมักเองกับมือ”

ฉวี่ซางได้ยินคํานี้จากด้านนอก บนหน้าผากเหงื่อก็ออกเต็มไปหมด คุณหนูคังผู้นี้ช่างใจกล้ายิ่งนัก เขารีบเอ่ยอธิบายในทันทีก่อนที่จี้ซื่อจื่อจะไม่พอพระทัย

“คุณหนูคังท่านอย่าพูดจาเยี่ยงนี้เป็นอันขาด การชงเหล้า หมักเหล้านั้นเป็นงานอดิเรกเล็กๆน้อยๆของฉวี่ซาง เหล้านี้เป็นเหล้าที่ขุดขึ้นมาเมื่อวานซืน ตั้งใจเชิญซื่อจื่อมาเพื่อช่วยข้าชิม แท้จริงแล้วเขาไม่ได้เป็นคนขอให้ข้าชงหรอกนะ"

“ที่แท้ก็เป็นเยี่ยงนี้นี่เอง” คังเสว่มี่จ้องมองด้วยความไม่ไว้วางใจไปที่จี้อี้

เขานั่งพิงเบาๆอยู่ที่รถม้าเช่นเคย มือข้างหนึ่งค้ำหน้าผากเอาไว้ แขนเสื้อคลุมกว้างๆย้อยลงมา เผยให้เห็นข้อมือใสละเอียดอ่อนเช่นเดียวกับหยก

ใบหน้าราวกับบทกวี มองนางด้วยดวงตาที่ตื้นและส่องแสงอ่อนๆ และรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า

คังเสว่มี่พูดในใจ จี้อี้ในท่าทีแบบนี้ดูไปแล้วก็สบายตายิ่งนัก รูปโฉมก็งดงาม ผิวพรรณก็ดี ทำให้คนหลงไหลจริงแท้ ถึงแม้ว่านางจะรู้ว่าเขาหน้าเนื้อใจเสือเพียงใด แต่ก็อดใจไม่ได้อยากจะมองดูเขาด้วยสองตาให้ มากกว่านี้

มีบุรุษรูปงามกับเหล้าชั้นดี ก็เป็นการเสพสุขชนิดหนึ่ง

อืม ดื่มเพิ่มอีกสองแก้ว เป็นเรื่องยากที่จะได้รับจากที่นี่ นอกจากนี้ยังได้ดื่มเหล้าตั้งแต่ในยุคสมัยดั้งเดิมจำพวกนั้น

ดูไปแล้วแม้ว่าจะแตกต่างกันในมิติของสถานที่และเวลา แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่ยังคงคล้ายกัน

นางปิดเปลือกตาลงเล็กน้อย เพื่อลิ้มลองสัมผัสกับรสชาติที่หลากหลาย มีความเคลิบเคลิ้มมึนเมาอยู่บนใบหน้าที่งดงามสงบนิ่ง ไม่สนใจผู้ใด

เหมือนกับถูกรมควันด้วยกลิ่นของเหล้าทำให้สลัวๆ ราวกับเคลิ้มฝัน

จี้อี้จ้องมองไปที่รอยยิ้มที่เคลิบเคลิ้มของนาง มันเกินกว่าจะพรรณนาได้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่านางกำลังดื่มด่ำกับสิ่งที่สวยงามที่สะอาดบริสุทธิ์ที่สุดในโลกใบนี้ เส้นโค้งมุมปากของนางลอยขึ้นมา

ชำเลืองดูเหล้าที่จัดวางเอาไว้อยู่ข้างมือ มุมปากของจี้อี้กระตุกขึ้นเล็กน้อย มือข้างหนึ่งสะบัดแขนเสื้อและค่อยๆยกถ้วยขึ้นมาจิบ เบาๆ

เห็นได้ชัดว่ารสชาติของเหล้าร้อยบุปผาหอม เทียบกับปีที่ผ่านๆมา

แท้จริงแล้วมีความแตกต่างเล็กน้อย

รสชาตินี้.....

จี้อี้เงยหน้าขึ้น เพราะอะไรทำไมมันถึงแตกต่างกัน?

คังเสว่มี่ไม่เคยดื่มเหล้าที่รสชาติแบบที่อยู่ตรงหน้าของนาง รู้สึกว่าเหล้านี้มันหวานเล็กน้อย ความเข้มของแอลกอฮอล์ก็ไม่แรง โดยรวมแล้วเหมือนเป็นแค่เครื่องดื่มธรรมดาๆ

เขาที่นั่งอยู่ตรงหน้าของนางนั้นได้ค้นพบแล้วว่าใบหน้าเล็กๆของนางเพราะว่าดื่ม เหล้าเข้าไป บนหน้าเลยย้อมไปด้วยสีแดงเป็นชั้นบางๆ คล้ายกับแป้งทาหน้าสีแดง แก้มทั้งสองสีชมพูอ่อนๆดูอ่อนช้อยน่ารักยิ่ง

จี้อี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่ต้องดื่มแล้ว อีกเดี๋ยวข้าคงจะอุ้มเจ้าไม่ไหว”

“เหล้านี้ออกฤทธิ์ไม่แรง ดื่มไปกี่แก้วก็ไม่มีปัญหา” ได้รับการรับรองรสชาติจากคังเสว่มี่ไหนเลยจะยอมวาง

“แม้ว่าเหล้านี้จะออกฤทธิ์ไม่แรง แต่เมื่อดื่มเยอะผลลัพธ์มันก็เหมือนกัน” จี้อี้พูดอย่างแผ่วเบา

ยุ่งจริงๆเชียว คังเสวมี่อ้าปากพูด “แม้ว่าจะดื่มไปเยอะก็ไม่เป็นอะไร ใครอยากให้เจ้าอุ้มกันล่ะ”

จี้อี้มองไปที่ขวดหยกคอยาวสีขาว ขวดเหล้าสูงเรียว พื้นที่ไม่มาก เทไปได้ห้าถ้วยแล้ว ในเวลานี้คงไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว

“ข้าก็ไม่ได้อยากอุ้มเจ้าหรอก ก็แค่กลัวว่าเจ้าจะเป็นเหมือนดั่งเมื่อคราวที่แล้ว ดื่มจนเมาไปครึ่งทาง คังซื่อจื่อเจาะจงเป็นพิเศษว่าให้ข้าไปส่งเจ้ากลับบ้าน คราวนี้ถ้าเจ้าดื่มจนเมาอยู่บนรถม้าอีก ก็ไม่ใช่ข้าหรอที่ต้องไปส่งเจ้า ”

เมื่อพูดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น คังเสว่มี่ยังคงจำได้ดีเรื่องที่เขาพักค้างคืนอยู่ที่ในห้องของนาง นางแบะปากแล้วเอ่ย “เจ้าจะไม่ไปส่งข้าก็ได้ ไป๋หลี่เหลียนอยู่ข้างหลัง อย่างไรแล้วซะวันนี้เขาก็เป็นคนที่เรียกข้าออกมา ให้เขาไปส่งกลับบ้าน มันก็ไม่เลวนักหรอก"

“เจ้าคงชอบที่ไป๋หลี่เหลียนอุ้มเจ้าสินะ?” จี้อี้กวาดสายตาขึ้นมองไปที่นางในทันใด เอ่ยถามความหมาย ลูกตาของจื้อี้สีดำเข้ม

ฝั่งทะแยงมุมอยู่ในดวงตารูปหงษ์ ที่เหมือนดั่งท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยดวงดาว มองเข้าไปคล้ายกับสีของหมึกสีดำที่ราวกับเหวลึก

ลำแสงจากดวงอาทิตย์ทะลุผ่านเข้ามาในม่านบางครั้งบางคราวก็ส่องตกลงมาในดวงตาของเขา ราวกับภาพลวงตาที่มาบดบังโดยพูดไม่ออก

คังเสว่มี่ถูกจ้องมองด้วยดวงตาคู่นั้น ในใจรู้สึกลุกลี้ลุกลนไม่สามารถอธิบายได้ ราวกับว่าได้ทําเรื่องที่ไม่ดีลงไป นางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยที่จะมองข้ามดวงตาคู่นั้น สุดท้ายก็ก้มหน้าลงมองดูถ้วยชาหยกขาวที่อยู่ในมือของตน

ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าน้ำเสียงของตนเองเหมือนกับ หญิงสาวที่ถูกสามีจับได้ด้วยท่าทีราวกับคนไปกินปูนร้อนท้อง ในใจรู้สึกไม่สบายใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เงยหน้าขึ้นมาจ้องตากับเขาแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า

“แล้วนี่มันเกี่ยวข้องยังไงกับที่ชอบให้เขาอุ้มกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีขาเดินซะหน่อย จะให้คนมาอุ้มข้าโดยไม่มีสาเหตุทำไม ต่อให้เจ้าอุ้ม เจ้าก็อุ้มข้าไม่ขึ้นหรอก เมื่อคราวก่อนตอนที่อยู่บนเรือ ไม่ใช่ว่าเจ้าดึงข้าแล้วว่าข้าหนักหรอกหรือ?"

นางเปรียบดั่งกับลูกสุนัขตัวน้อยๆตัวหนึ่ง ที่ก้มหัวลงแล้วยอมรับผิดแต่ยังไม่ถึงชั่วพริบตา ก็ระเบิดขนดั่งกับแมว ขนตั้งชี้ฟูไปทั่วทั้งร่างกาย และยื่นกรงเล็บออกไปโจมตีเขา

จี้ หัวเราะอย่างเงียบๆ

“จะว่าหนักก็หนักอยู่นิดหน่อย แต่ในเมื่อข้าเคยอุ้มไปแล้ว เดี๋ยวก็ค่อยๆชินกับมันไปเองนั่นแหล่ะ"

ยังพูดว่านางหนัก!เจ้าท้องดำไม่รู้หรือยังไงว่าผู้หญิงเกลียดที่สุดคือการที่ผู้อื่นมาบอกว่าตนอ้วน?!“ถ้าเจ้าจะคิดว่าว่าข้าหนักก็ช่างเถอะ ไป๋หลี่เหลียนพาข้าลอยขึ้นอยู่กลางอากาศได้ตั้งครึ่งค่อนวันไม่หอบแม้แต่น้อย เจ้าดึงข้าแค่นิดหน่อยก็ทรงตัวไม่อยู่แล้ว ที่เหมือนกันคือเป็นองค์ชายทั้งคู่ แต่ช่างแตกต่างกันยิ่งนัก ดูไปแล้วข้าว่าไม่ใช่ข้าที่หนักหรอก แต่เป็นเจ้าต่างหากที่ร่างกายไม่ดี อ่อนแอจนเกินไป!”กล่าวจบสายตาเย้ยหยันก็มองไปที่รูปร่างผอมสูงของจี้อี้ เสื้อคลุมแขนกว้างพลิ้วไหวไปตามสายลม รูปร่างผ่ายผอมจากนั้นก็พูดย้ำอีกครั้งว่า"เป็นเพราะเจ้าอ่อนแอเกินไปอย่างแน่นอน"ดวงตาของจี้อี้เคลื่อนไหวส่องแสงแวววับเล็กน้อยริมฝีปากบางเอ่ยถาม “เจ้าแน่ใจหรือ?”“แน่นอน หาไม่แล้วเจ้าจะรู้สึกว่าข้าหนักได้เยี่ยงไร แน่นนอนว่าเป็นที่พละกำลังของเจ้าไม่ดีเอง!” คังเสว่มี่จอยินยอมแบกรับน้ำหนักตัวได้อย่างไร ให้ตายนางก็จะไม่ยอมให้ถูกกล่าวหาแบบ ผิดๆอย่างเด็ดขาดสีหน้าของจี้อี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นรอยยิ้มเล็กๆเช่นเคย แสงจากแววตาที่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้งตกอยู่ใน ดวงตาทั้งคู่ของนาง เขาถอนหายใจเล็กน้อยแล้วเอ่ย“เจ้ารู้หรือไม่? หลังจากที่ผู้หญิงได้พูดประโยคนี้ออกมา ตามปกติแล้วผู้ชายจะมีการเคลื่อนไหวเพียงหนึ่งอย่างเท่านั้น”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์