ไป๋หลี่รุ่ยได้ยินเสียงที่คุยกันเบาๆ สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มขึ้นมาเหลือบมองคังเสว่มี่แล้วหันไปเอ่ยเสียงเข้มข้างนอกว่า
“ กาวเหยวี่ยน! ”
กาวเหยวี่ยนรีบเดินออกมาจากประตูร้าน
"ข้าน้อยอยู่นี่ "
'หากผู้ใดยังพูดอีก ก็ดึงเข้าไปตำหนักจิงจ้าวทั้งหมด โทษฐานคือดูหมิ่นราชวงศ์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษให้คนพวกนี้แยกย้ายกันออกไปให้หมด"
เสียงของไป๋หลี่รุ่ยเข้มงวดกาวเหยวี่ยนขานรับ “ พะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท"
จากนั้นก็เรียกทหารมาสี่นายเดินมายืนอยู่ตรงหน้า ประชาชนเหล่านั้นจากนั้นก็ไล่พวกเขาให้แยกย้ายกันออกไป
น่าเสียดายที่ไล่พวกเขาได้ แต่ไม่สามารถไล่ความคิดในดวงใจของผู้คนได้
ในใจของประชาชน หญิงที่มีความรู้ ความสวยงามอันดับหนึ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว เป็นแค่หญิงไม่รักนวลสงวนตัวเท่านั้นแล้วยังชอบแย่ง ของๆผู้อื่นอีกด้วย
คังเสว่มี่มองเหยาเมิ่งฉิงที่คลำกระโปรงผืนนั้นอย่างเสียดาย นางเลิกคิ้วในสายตามีความสนุก
กู่เมิ่งเสวียนก็รู้ว่ารับมาแล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางแย่งไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้
เหยาเมิ่งฉิงคนเช่นนี้ ก็คือ ไม่กลัวศัตรูที่เหมือนพระเจ้าแต่กลัวเพื่อนที่เหมือนหมู
จี้อี้เห็นแสงวูบวาบและได้ใจในดวงตาของคังเสว่มี่ริมฝีปากก็ค่อยๆยิ้มออกมา
มองแล้วก็เหมือนกับเวลาอื่น หากมองดีๆก็สามารถมองเห็นรอยยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ไป๋หลี่เหลียนพัดพัดจีนมองภาพนี้ แอบหัวเราะ คังเสว่มี่เจ้าเล่ห์จริงๆ
ได้รับผ้าซาตินของจี้อี้แล้วยังไม่ได้จ่ายเงินค่ากระโปรงอีก
แค่สองประโยคนี้ก็ทำให้กู่เมิ่งเสวียนพูดไม่ออก เจ้าเล่ห์จริงๆเจ้าเล่ห์จริงๆ
เขาจับผมสีดำตรงหน้าอก เดินไปหาพวกเขาอย่างสบายๆ เอ่ยกับจี้อี้ว่า
“ หึหึ ยืนอยู่ที่นี่อีกทำไม เสียดายผ้าซาตินของเจ้าแล้วหรือ? ไป ไปตำหนักจี้กันเถอะ.. "
ในขณะที่ไป๋หลี่เหลียนกำลังพูดอยู่นั้นจู่ๆก็มีคนวิ่งเข้ามาจากข้างนอกสองกลุ่ม คนที่วิ่งนำหน้าคือชายวัยกลางคนใบหน้าสะอาด
เดิเข้ามาในร้านอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เห็นไป๋หลี่รุ่ย ไป๋หลี่เหลียน และจี้อี้ก็รีบเดินมาคุกเข่าถวายคำนับ
"ข้าน้อยถวายคํานับองค์รัชทายาท องค์ชายหกและจี้ซื่อจื่อพะย่ะค่ะ ”
สายตาของไป๋หลี่รุ่ยมองเขานิ่งแล้วเอ่ยเสียงเข้มงวดว่า "ลุกขึ้นเถอะ "
“ นี่ไม่ใช่หวางกงกงไม่ใช่หรือ? เจ้าเองก็ออกมาซื้อเสื้อผ้าอย่างนั้นหรือ? ” ไป๋หลี่เหลียนยิ้ม สายตากลับจ้องหวางกงกงนิ่งไม่ละไปไหน
หวางกงกงคือขันทีในวังหลวง ไม่อย่างนั้นจะไม่ออกมาจากวังคนเดียวแน่ ออกมาก็ไม่ได้ออกมาเที่ยว เขาเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจว่า
“องค์ชายหกอย่าล้อข้าน้อยเล่นเลยพะย่ะค่ะ เวลานี้ร่างกายของพระพันปีนั้นจู่ๆก็กำเริบทรงประชวรอีกแล้วพะย่ะค่ะ
ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้องค์รัชทายาทและองค์ชายหกรีบเสด็จกลับไปรอที่วังหลวงพะย่ะค่ะ"
“พระพันปีไม่สบาย! เพราะเหตุใดเจ้าถึงไม่พูดเร็วกว่านี้เล่า! "
พัดจีนในมือของไป๋หลี่เหลียนถูกรวบเก็บ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปแล้ววิ่งออกไปทันที
“ พระพันปีเป็นอย่างไรบ้าง? "
เดินไปได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดเดิน หันไปเอ่ยกับคังเสว่มี่ว่า “ ในวังมีเรื่องสำคัญ ข้าจะกลับไปก่อน ไปส่งเจ้ากลับไปไม่ได้แล้ว ”
คังเสว่มี่มองท่าทางร้อนรนของไป๋หลี่เหลียน ก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพระพันปีและเขาไม่ธรรมดา สายศีรษะเอ่ยว่า
“ ไม่เป็นไร เจ้ารีบกลับไปหาพระพันปีเถอะ "
ไป๋หลี่เหลียนเห็นนางเข้าใจ ก็พยักหน้าแล้วหันไปเอ่ยกับจี้อี้
"จี้ซื่อจื่อ ข้ารบกวนเจ้าช่วยข้าพาเสว่มี่กลับตำหนักก็แล้วกันนะ ”
จี้อ้อพยักหน้า “ อืม ”
ไป๋หลี่รุ่ยมองจี้อี้และคังเสว่มี่ เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า
"เสว่มี่ เจ้ากับจี้ซื่อจื่อเป็นชายและหญิง อยู่บนรถม้าเดียวกันไม่ดี ขึ้นรถพร้อมกับข้า ข้ารับสั่งให้คนขับรถม้าส่งเจ้ากลับตำหนักก่อน "
หากบอกว่าคังเสว่มี่และจี้อี้ไม่เหมาะกัน งั้นนางก็เกลียดไป๋หลี่รุ่ยจริงๆแล้ว นางขมวดคิ้วเอ่ยเสียงเย็นว่า
“ องค์รัชทายาท ข้ากับจี้อี้นั่งรถม้าเดียวกันกับนั่งรถม้าของท่าก็เหมือนกัน ในเมื่อสามารถนั่งรถม้าของท่านได้ ก็สามารถนั่งรถม้าของจี้อี้ได้? ”
“ ไม่เหมือนกัน! ” ไป๋หลี่รุ่ยเอ่ยเสียงต่ำ
“ มีอะไรไม่เหมือนกันเพคะ? หรือว่า จี้อี้เป็นผู้ชาย ท่านไม่ใช่ผู้ชายอย่างนั้นหรือ? ”
นางมองไปยังด้านล่างร่างกายของไป๋หลี่รุ่ยอย่างมีความหมายลึกๆ ทำให้ไป๋หลี่รุ่ยร่างแข็งทื่อ
ใต้ฟ้านี้ จะมีหญิงสาวที่กล้ามากเช่นนี้ได้อย่างไร ที่กล้ามองร่างกายด้านล่างของผู้ชายเช่นนี้อย่างไม่ เกรงกลัวอะไร
จี้อี้ได้ยินคำพูดของคังเสว่มี่ ม่านตาขยายใหญ่ หันไปมองไป๋หลี่รุ่ยที่ถูกนางทำให้โมโหจนจะระเบิด ออกมาอยู่แล้ว ก็เอ่ยช้าๆว่า
“องค์รัชทายาท เวลานี้พระอาการประชวรของพระพันปีนั้นรุนแรงมาก ฝ่าบาทถึงได้รับสั่งให้ท่านและองค์ชายหกเสด็จกลับวัง
ท่านอยากจะส่งคุณหนูคังกลับตำหนักก็ไม่มีเรื่องอะไร อยู่แล้ว
แต่ทางกลับวังหลวงกลับทางไปตำหนักจี้นั้นไม่ได้อยู่ในทางเดียวกัน ระยะทางก็ห่างไกล
หากท่านเสียเวลาระหว่างทาง เมื่อองค์ฝ่าบาททรงรับรู้เข้าไม่ทำตามพระราชโองการเป็นเรื่องเล็กหากได้ชื่อว่าไม่มีความกตัญญู น่ากลัวว่าคนในวัง
อำมาตย์นอกเมืองและประชาชนรู้เข้าน่ากลัวว่าจะไม่ เป็นผลดีกับชื่อเสียงขององค์รัชทายาทพะย่ะค่ะ "
ไป๋หลี่เหลียนนั่งอยู่บนรถม้าเรียกอย่างให้ความร่วมมือว่า
"พี่รอง พี่ยังไม่มาอีกหรือ? หากยังไม่มา ข้ากลับวังไปหาพระพันปีก่อนแล้วกันนะ! "
โทสะของไป๋หลี่รุ่ยอุดอยู่ในหน้าอก เขาอดทนจนเส้นเลือดบนหน้าผากเผยออกมา สีหน้าเคร่งขรึม ยังไม่สามารถใส่อารมณ์กับจี้อี้ได้อีก
กัดฟันแน่นด้วยการ หันไปรับสั่งกับหวางกงกงที่ยืนรออยู่ข้างๆ
“ ไป กลับวัง! ”
เมื่อรถม้าเคลื่อนไหว
ไปหลี่เหลียนก็ยื่นหน้างดงามออกมากระพริบตาใส่คังเสว่มี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า
“ เสว่มี่ จำไว้นะต้องให้จื้อี้ทำกระโปรงให้เจ้าหนึ่งชุดด้วยผ้าซาตินของเขา ดีกว่าซื้อจากที่นี่มากนัก ให้เขาจ่ายเงินมากหน่อย "
"อืม ได้" คังเสว่มี่เช็ดเหงื่อที่ไม่มีบนหน้าผาก
ดีมาก รู้มากกว่านางอีก ดูไปแล้วไป๋หลี่เหลียนคงจะเคยเสียเปรียบให้กับจี้อี้มามาก
สามารถทำให้จี้อี้เสียเปรียบครั้งหนึ่งได้
ทำให้เขาที่อยู่บนรถม้าก็ยังไม่ลืมที่จะเตือนนางอีก!“ เวลาไม่เช้าแล้ว ไปตำหนักตอนนี้เลย ให้โล่สุ่ยวัดสัดส่วนของเจ้าเย็บเสื้อผ้าได้พอดี" จี้อี้ก้มหน้าเอ่ย คังเสว่มี่มองรถม้าของไป๋หลี่เหลียนที่ไปแล้ว ก็มองสำรวจรอบด้านแม้ไป๋หลี่รุ่ยจะเริ่มไล่ประชาชนออกไป แต่ยังมีผู้คนไม่น้อยที่ล้อมรอบอยู่ แต่ละคนยังคงมองจี้อี้อย่างหลงไหลคนๆนี้เป็นมารจริงๆ ทำให้ทุกคนหลงไหลสองเรื่องนี้ ทำให้อารมณ์ของนางไม่ดีมาก ไม่อยากไปตำหนักจี้อะไรทั้งนั้น เอ่ยอย่างสบายๆว่า "ข้าไม่ไปตำหนักของเจ้า ” จี้อี้ได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วน้อยๆมองนาง" เจ้าต้องการให้ข้าชดใช้กระโปรงให้เจ้าตลอดไม่ใช่หรือ? ” คังเสว่มี่มองท่าทางแบบนั้นของจี้อี้ เอ่ยเสียงแข็งว่า“ กระโปรง ข้าเอาอยู่แล้ว แต่ข้าไม่อยากไปตำหนักของเจ้า! ”จี้อี้เดินไปข้างนอกสองก้าวแล้วหันมาเอ่ยว่า“ หากวันนี้ผ่านไปแล้ว เจ้าไม่เอา วันข้างหน้า การชดใช้ของกระโปรงก็ไม่นับแล้ว ”ท่าทางของเขาสบายๆคล้ายกับมั่นใจว่าคังเสว่มี่จะต้องอยากได้กระโปรงผืนนี้มากอย่างไรอย่างนั้น จนทำให้นางต้องตามเขาไปแน่ๆ......
copy right hot novel pub