เด็กสาวตะลึงเมื่อเห็นหยกจากนั้นก็หยุดร้องไห้และยิ้มออกมา นางรับหยกชิ้นนั้นกลับคืนไป ไว้ในมือนางกำมือแน่น คังเสว่มี่เห็นดังนั้นก็ปล่อยมือและยิ้มออกมาพลางหันไป มองทางฝูงชน
“เมื่อกี้ที่ข้าบอกว่าหยกเป็นของปลอมเพื่อให้สิบแปดมงกุฎสับสน
ตอนนี้ทุกคนก็ทราบแล้วว่าหยกชิ้นนี้เป็นของใคร! แม่น้ำหยางโปนี้น้ำลึกมากวัชพืชในน้ำนั้นก็มีมากมีคนจมน้ำเพราะโดนมันพันก็นับไม่ถ้วน
หลายปีมานี้จึงไม่มีใครกล้าที่จะลงไปว่ายเล่นในแม่น้ำนี่ นั่นก็หมายความว่ามีเพียงแค่คนที่หวงแหนหยกเท่านั้น ถึงยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อนำหยกกลับมา ส่วนอีกคนก็แค่คนเห็นแก่เงินต้องการแย่งทรัพย์สิน ของคนอื่นก็เท่านั้น!”
หญิงสาวคนนั้นเห็นว่าคังเสว่มี่ดึงเด็กสาวไว้ตอนที่จะวิ่งไปทางแม่น้ำก็รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้มันผิดปกติ ก็เช็ดน้ำตาใช้โอกาสตอนที่ไม่มีใครสังเกตหมุนตัวแล้ว วิ่งหนีไป!
“จับนาง!”
“อย่าให้นางหนีไปได้
ฝูงชนตะโกนขึ้นพร้อมกันพรูกันไปพุ่งจับนางและขวาง ทางนางเอาไว้ต่างไม่ยอมหยุดต่อสู้เพื่อให้ได้ตัวนาง เตรียมนำส่งนางไปที่ตำหนักซุ่นเทียน คนหลอกลวงทุกคนนั้นทั้งเกลียดทั้งชัง ส่วนคนที่สามารถเปิดโปงคนชั่วได้ก็จะได้รับความชื่น ชอบไปโดยปริยายได้ยินคนล้อมร้องสรรเสริญ
“คุณหนูใหญ่คังเก่งจริงๆ ทั้งฉลาดทั้งสวย จิตใจยังงดงามอีก!”
“ใช่ๆ เมื่อกี้ข้าก็เกือบจะปล่อยสิบแปดมงกุฎลอยนวลไปเสียแล้ว
ใครจะไปรู้ว่าแต่งตัวดีขนาดนั้นจะมาหลอกลวงกันได้!”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆลอยเข้าหูคังเสว่มี่ สำหรับนางแล้วมันก็เป็นเพียงความคุ้นเคยก็เท่านั้นนาง นางเพียงแค่ยิ้มตอบรับบางๆเท่านั้น ทนเห็นคนมาหลอกลวงรังแกผู้อื่นไม่ได้ เพียงแค่ได้ยินคำชมนางก็มีความสุขแล้ว เด็กสาวเห็นหญิงสาวถูกคนคุมตัวไปก็หยิบผ้าขึ้นมา เช็ดน้ำตายืนขึ้นพลางมองไปทางคังเสว่มี่
“ขอบพระคุณท่านจริงๆ ถ้าไม่ได้ท่าน วันนี้หยกนี่คงถูกหญิงคนนั้นหลอกเอาไปแล้วเป็นแน่”
คังเสว่มี่พยักหน้ารับ “ของมีค่าขนาดนี้ไม่ควรตกอยู่ในมือคนอื่น เรื่องอะไรก็ตามก็ไม่ควรเล่าให้คนอื่นฟังเสียจนหมด โลกใบนี้ไม่ได้มีแต่คนดีหรอกนะ”
เด็กสาวเขินอายจนหน้าแดงไปหมดพลางพูดขึ้นมาว่า “ข้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวงก็เลยไม่ค่อยคุ้นเคยสักเท่าไร หลังจากนี้ข้าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก”
คังเสว่มี่ยกยิ้มมุมปากมันเกี่ยวอะไรกับการมาเมืองหลวงครั้งแรกกัน ไปที่ไหนก็ควรที่จะป้องกันคนไม่ดีไม่ใช่หรือไง แต่นางก็คงไม่กล้าที่จะสอนบทเรียนป้องกันตนเองเพิ่ม สิ่งที่นางอยากจะพูดก็พูดไปแล้วจะฟังหรือไม่ก็เป็น เรื่องของเด็กสาว
“เจ้าระวังไว้ก็ดี ข้ามีธุระต้องทำต่อขอตัวก่อน”
ชวนหลันเดินตามหลังคังเสว่มี่ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วย ความเลื่อมใส
“คุณหนู ข้าว่าคุณหนูเก่งขึ้นทุกวันเลยนะเจ้าคะ เพียงแค่แวบตาเดียวก็รู้ว่าว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นนักต้มตุ่น”
คังเสว่มี่ส่ายหน้าช้าๆ“นี่ไม่นับว่าเก่งหรอกนะ นี่มันเป็นเพียงการลองใจของมนุษย์ ใครใช้ให้นางมีใจโลภอยากได้ของคนอื่นกันแล้วยัง มีหน้ามาชี้นิ้วสั่งคนอื่นอีก
อุทาหรณ์จากขโมยก็มีให้เห็นยังจะกล้าทำอีก คนแบบนี้ก็ต้องได้รับการเปิดโปง!”
นางเดินไปตามทางข้างหน้าพลางมองสำรวจไปทั่วทิศทางและหันกลับมามองชวนหลัน
“ร้านหนังสือหัวเวินอยู่ไหนหรือ? ทําไมข้าถึงไม่เห็นกัน?”
ชวนหลันมองไปรอบๆก็พบเส้นทางที่น่าสับสน
“บ่าวจำได้ว่าอยู่ตรงมุมนี้นะเจ้าคะไม่น่าจะผิดลองเดิน เลี้ยวไปทางซ้ายกันเถอะเจ้าค่ะ"
คังเสว่มี่ไม่เคยออกข้างนอกมาก่อนแต่เมื่อได้ออกมาแล้วก็ออกมาอีกถึงสองครั้งและยังเดินวนเวียนไปมาก็ยังไม่รู้ว่าร้านหนังสือหัวเวินนั้นอยู่ที่ไหน ชวนหลันชี้ไปที่เส้นทางนั้นนางจึงไปตามเส้นทาง
ทางด้านซ้ายเป็นเส้นทางที่ไม่ใหญ่มาก ผู้คนก็น้อยมากนักต่างจากถนนใหญ่ที่เดินผ่านมาเมื่อกี้ยิ่งนัก ยังไม่ทันที่จะเดินเข้าไปคังเสว่มี่ก็ได้ยินเสียงลับๆล่อๆมาทางด้านหลังตั้งใจเน้นเสียงฝีเท้าอย่างหนัก
มีคนสะกดรอยตามมา!
มีแสงสะท้อนแวบเข้ามาในตาแต่นางแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น
จนได้ยินเสียงลมดังมาจากด้านหลังจนต้องก้มตัวหลบ ท่อนไม้ที่เข้ามาโจมตีอย่างแรง
จากนั้นก็ยกขาขึ้นถีบเข้าที่หน้าอกของคนที่ตามมาจนเข้ามุมจากนั้นก็เหยียบอีกครั้งกดร่างกายของเขาไว้ และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เจอกับผู้ชายอีกเจ็ดคนกำลังถือ ท่อนไม้ล้อมรอบอยู่แต่ละคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาและ อากัปกิริยาที่หยาบคายก็รู้ว่าไม่มีด้วยจุดประสงค์ที่ดี นัก
“เจ้าพวกกระจอกมาจากที่ใดกันถึงได้กล้ามาลอบโจมตีคุณหนูอย่างนี้!”
ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเห็นว่าลูกน้องนั้นถีบจน กระอักเลือดและถ่มเลือดลงบนพื้น
“ถุย เจ้ามาขวางทางร่ำรวยของพี่น้องข้าแล้วยังกล้าเรียกตัวเองว่าคุณหนูอีกหรือ? ดูเหมือนว่าวันนี้ถ้าไม่ได้ทำอะไรเจ้าจนกระอักเลือด ในภายภาคหน้าเจ้าคงต้องไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นอีกแน่!”
ชวนหลันเห็นกลุ่มคนเหล่านั้นตัวสูงใหญ่ สายตาดุร้ายน่ากลัวจนตัวหดจึงถามด้วยน้ำเสียงสั่น เครือ “คุณหนูคนพวกนี้มันอะไรกันเจ้าคะ?”
“น่าจะเป็นเพื่อนกับสิบแปดมงกุฎคนเมื่อกี้นี้ ตอนนี้พวกมันจะมาแก้แค้นพวกเรานะสิ!”
คังเสว่มี่ไม่แปลกใจสักนิดที่หญิงหลอกลวงคนนั้นไม่ ยอมปรากฏตัวแต่ให้พวกพ้องมาแทน
“อ่า!”
ชวนหลันตัวสั่นเดินไปยืนขวางหน้าคังเสว่มี่พลางพูด ด้วยเสียงเบาๆ “คุณหนูมีวรยุทธตัวเบาใช่ไหมเจ้าคะ? คุณหนูรีบหนีไปชวนหลันจะอยู่ที่นี่กันไว้ให้เอง!” เมื่อพูดจบก็หันไปมองทางกลุ่มคนพวกนั้น
“เจ้าพวกคนชั่วข้ามศพข้าไปก่อนเถอะอย่ามายุ่งกับ คุณหนูของข้า!”
คังเสว่มี่ ถึงแม้จะได้ยิน เสียงมั่นใจของชวนหลันแต่ สองขากลับสั่นไม่หยุดก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ จึงลากชวนหลันไปไว้หลังตนเองสายตามองจ้องไปยัง เจ็ดคนตรงหน้า
“ลองมาวัดกันดูว่าจะมาลองดีกับคุณหนูของเจ้า ข้าก็ไม่ได้ล้มกันง่ายๆนะ!ตัวก็เท่าแมลงสมองหนูจะฝีมือ แค่ไหนกันเชียว!”นางเหยียบเท้าของชายคนนั้นอีกครั้ง“เห็นหรือไม่นี่จะเป็นสภาพต่อไปของพวกเจ้า!” คนพวกนั้นเมื่อได้ยินคำพูดถากถางของคังเสว่มี่ใครมัน จะไปทนไหวเตรียมยกท่อนไม้เข้าพุ่งโจมตี!คังเสว่มี่ก่อนหน้านี้เคยอยู่ที่กองตำรวจการสู้กับพวก อันธพาลสิบคนด้วยมือเปล่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร ตอนนี้นางนั้นนำวรยุทธตัวเบาที่เรียนมาใช้สุดกำลัง ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนยืดหยุ่นขึ้นมากแล้ว เห็นเพียงแค่เงาสีน้ำเงินของนางรวมกับแสงแดดอยู่ตรง กลางกลุ่มชายเจ็ดคนนั้นได้ยินคนส่งเสียงกรีดร้องอยู่ตลอดเวลาจากนั้นก็ กระแทกเข้ากับกำแพงและหล่นพื้นไม่หยุดหย่อน! คนพวกนั้นคงนึกว่านางนั้นเป็นเพียงคุณหนูใหญ่จะฆ่า ให้ตายเสียตรงนี้แต่ใครจะไปรู้ว่านางจะมีฝีมือดีขนาดนี้เพียงแค่ชั่วพริบ ก็ล้มได้ถึงสองคน!หัวหน้าคนนั้นกวาดสายตาดูเห็นชวนหลันที่ยืนอยู่ข้างๆและมองนางด้วยสายตาอาฆาต!'ฆ่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ก็ฆ่าเด็กสาวคนนั้นแทนเสียละกัน!'คังเสว่มี่กำลังถูกล้อมและเห็นว่ามีคนกำลังพุ่งเข้าใส่ ชวนหลันก็รู้สึกไม่ดีถึงแม้ชวนหลันจะเป็นคนกล้าหาญแต่นางนั้นไม่มีวิชา ต่อสู้ติดตัวเลยแม้แต่นิด!
copy right hot novel pub