“อื้อ ” จี้อี้พยักหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดอ๋องคังจึงได้ทรงโทสะกระทันหันเช่น นี้?”
“ได้โปรดชื่อจื่อชี้แจ้งให้ข้าน้อยได้เห็นชัดด้วยเถิด พะย่ะค่ะ” ฉวี่ซางรีบพูดขึ้น เขาได้ยินมาเพียงว่าทรงกริ้ว แต่เพราะเหตุใด เขาเองก็ไม่แน่ชัดนัก
จี้อี้นำใบชาที่ขยี้เรียบร้อยโยนลงในกาน้ำชา ปลายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงอาทิตย์ที่กำลังสาดส่องแผดเผาอยู่บนนภา ได้สาดส่องความงดงามของเขาให้ดูนุ่มนวลขึ้น
“จนบัดนี้ เพราะเหตุใดอ๋องคังถึงได้ทรงกริ้ว คนมากมายก็ยังไม่รู้ คังเสว่มี่และคนของอ๋องคังที่เคยติดต่อปฏิสัมพันธ์กันมาก่อน ก็มีเพียงแค่หมอหลวงอาวุโสเฉินในวังคนเดียวเท่านั้น
หมอหลวงอาวุโสเฉินเป็นคนดีมีคุณธรรม จิตใจงดงามมาโดยตลอดไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องแก่งแย่งชิงดีกันในวัง ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยยื่นมือไปสอดแทรกกับความขัดแย้งของผู้ใด
เพราะจากที่เขาเคยมีประสบการณ์อยู่ในวังมายี่สิบปี เขารู้ว่าความระแวดระวัง ของคนมีอำนาจ การแก่งแย่งของวังหลังอันตรายมากเพียงใด
แต่ทว่า
ในตอนที่เขาได้เข้าไปในตำหนักอ๋องคัง ไปรับการรักษาให้คุณหนูใหญ่คังภายในเวลาเพียงชั่วยามเดียวกลับเกิดเรื่องไม่ยุติธรรมมากมายขึ้นต่อหน้าของเขา
แต่ที่ผ่านมาเขาก็เคยพบเจอเรื่องเช่นนี้แต่ทว่า วันนั้นเขากลับรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่คังเสว่มี่นั้นถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอดที่อยู่ในตำหนักคัง
แต่ก็ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่คังนั้นใช้คำพูดเช่นไร ทำให้หมอหลวงเฉินเกิดความไม่พอใจกับเรื่องนั้นอยู่ในใจ ดังนั้นในตอนที่ไปรักษาให้อ๋องคังนั้น เขาจึงถือโอกาสฟ้องร้องเรื่องราวเหล่านั้นแก่อ๋องคัง
ดังนั้นที่เจ้าพูดว่าคุณหนูใหญ่คังที่ถูกคนภายนอกพูดกล่าวออกมาว่าเป็นคนโง่เขลานั้น ตลอดระยะเวลาก็ได้ถูกรังแกตลอดมาทำให้หมอหลวงเฉินรู้สึกว่า สิ่งที่เห็นในวันนี้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่คุณหนูใหญ่สายตรงของอ๋องคังไม่ได้รับความเป็นธรรม
แล้วหมอหลวงเฉินก็เป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องของชาวบ้านตลอดมาเป็นคนบอกเล่าเอง หลังจากที่อ๋องคังทรงทราบ จะไม่ให้เขามีโทสะและสั่งลงโทษชายารองติงและคุณหนูสามคังได้อย่างไร ”
ฉวี่ซางมองไปทางจี้อี้ด้วยความแปลกใจ สำหรับจี้อี้แล้ว เขารู้ว่าจิตใจของจี้ซื่อจื่อนั้นเปรียบเสมือน คริสตัลมาโดยตลอด แม่แต่เรื่องเล็กๆน้อย ๆก็ยากต่อการรอดพ้นสายตาของเขาได้
นึกไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่คังผู้นั้นจะมีวิธีการ เช่นนี้
เพียงแค่ตรวจร่างกายเท่านั้น ก็ทำให้ฐานะของตัวเองเกิดการเปลี่ยนแปลง ขึ้นครั้งใหญ่ภายในวังได้แล้ว
หากไม่ใช่เพราะได้ยินซื่อจื่อพูดออกมาด้วยตัวเอง แต่ได้ยินมาจากผู้อื่นละก็ ฉวี่ซางจะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดเพราะช่างเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกินกว่าเด็กสาวใสซื่อย์ผู้หนึ่งจะคิดออกมาได้
“เช่นนั้นซื่อจื่อคิดว่านางจะสามารถพาคังซื่อจื่อออก มาจากร้านอาหารจุ้ยเซียนในวันนี้ได้หรือไม่ พะย่ะค่ะ?”
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคุณหนูใหญ่คังถึงได้คิดที่จะนำตัวคังซื่อจื่อกลับไป
คิดแล้วนี่ก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมาก เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนนี้เห็นได้ชัดว่ามันก็ไม่ได้น่าตกใจขนาดนั้นแล้ว
นัยน์ตาของจี้อี้ได้ฉายแววขุ่นเคืองจางๆออกมาดวงตาดำทั้งสองที่ดูราวกับไข่มุกสีดำสอง เม็ดก็ได้กลอกไปมา หลังจากผ่านไปชั่วครู่ สีควันก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นหมอกที่จางออกไป
เหลือเพียงแววตาที่สะท้อนหิมะกับพระจันทร์ที่ราวกับภาพวาดได้ฉายแววระยิบระยับใสสะอาดออกมา
เขาลุกขึ้นยืน ทำให้ดอกโบตั๋นสีม่วงเข้มได้เบ่งบานงดงามสีสันสดใสอย่างมีเสน่ห์อยู่บนเสื้อคลุมยาว
“อยากรู้ว่าได้หรือไม่ได้ ทางที่ดีที่สุด ก็คือไปดูที่ ร้านอาหารจุ้ยเซียนเลย”
ฉวี่ซางนิ่งงันไปเล็กน้อย “ซื่อจื่อ ท่านจะไปยังร้านอาหารจุ้ยเซียนหรือพะย่ะค่ะ?”
นั้นมันซ่องนะ ซื่อจื่อของเขาสะอาดบริสุทธิ์ที่สุด ไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับหญิงสาวนางใด โดยปกติแล้วไม่เพียงแต่ซ่อง สถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก เขาก็ล้วนแล้วแต่ไม่ชอบไปทั้งสิ้น
เหตุใดวันนี้เพื่อคุณหนใหญ่คังแล้ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าไปในซ่องได้
นิ้วมืองดงามของจี้อี้ขยี้ใบชาหนึ่งใบ แล้วดีดออกจากปลายนิ้ว ใส่หน้าอกของฉวี่ซางพอดี พร้อมกับจ้องมองไปยังท่าทางที่อึ้งงันของฉวี่ซาง
“เจ้ากังวลเรื่องที่ข้าไม่ชอบแม่นางใช่หรือไม่ เมื่อตัดสินใจว่าจะไปดูถึงร้านอาหารจุ้ยเซียน กลับดันต้องมาหลีกเลี่ยงเจ้าที่คอยกังขาข้า อยู่ด้านหลังอยู่ทุกวัน ช่างน่าเบื่อหน่ายมากเสียจริง”
ใบชาที่ดีดออกไปใบนั้นไม่ได้สร้างความเจ็บปวดแต่อย่างใด เพียงแค่ใช้เพื่อเรียกสติของเขากลับมาเท่านั้น ฉวี่ซางหนีบใบชานั้นออก พลันใบหน้าของเขาก็ซีดขาว
แล้วแดงขึ้นมาเขาเอ่ยถามจี้อี้อีกครั้ง"ซื่อจื่อจะไปจริงหรือพะย่ะค่ะ?”ถึงแม้ว่าเขาจะดูร้อนรนมากก็ตาม แต่ก็ไม่รู้สึกว่าการที่ซื่อจื่อไปร้านอาหารจุ้ยเซียนจะเป็นเรื่องดี มันช่างเหนือความคาดหมายไปมากทีเดียวจี้อี้สะบัดชายเสื้อเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าไม่ชอบที่เจ้าสงสัยการตัดสินใจของข้า"สีหน้าของฉวี่ซางได้เปลี่ยนจากแดงระเรื่อ เปลี่ยนเป็นซีดขาวในชั่วพริบตาเดียว ก่อนพูดนอบน้อมด้วยเสียงต่ำ ๆว่า “พะย่ะค่ะ ซื่อจื่อ”“ไปกันเถอะ ! ” จี้อี้สะบัดชายเสื้อ พร้อมกับเผยรอยยิ้มสุภาพเยือกเย็นออกมา ทางมุมปาก ก่อนจะเดินเหินอย่างสง่างาม ออกจากร้านน้ำชาไปอย่างช้าๆ
copy right hot novel pub