“เอาล่ะ จะใส่อะไรก็รีบๆใส่ แล้วไสหัวออกไปซะ! "
เมื่อเห็นคังวี่จิ่นกระทำเช่นนี้กับนาง นางซ่องผู้นั้นก็เกิดความโกรธพล่านอย่างขีดสุดก่อนจะหยิบหมอนที่อยู่บนเตียงเขวี้ยงออกไปอย่างเห็นได้ชัด
แน่ล่ะการถูกน้องสาวคนสนิทของตัวเองเห็นในขณะที่เขากำลังมั่วสุมโลกีย์กับคนอื่น เขาที่ถือว่าเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลสูงศักดิ์ ย่อมรับไม่ได้
“หึ องค์ชายคังมักจะบอกว่าชอบให้ข้านั้นมารับใช้ บัดนี้ความรักเก่าของท่านมาถึงหน้าประตูห้องแล้วท่านก็ขับไล่ให้ทาสรับใช้ผู้นี้ออกไป"
นางซ่องที่ยังไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกคังวี่จิ่นปาหมอนใส่ ทำให้นางถูกหมอนปะทะใบหน้า แล้วทำเสียงออดอ้อนออกมาจากปาก
ในเวลานี้นางรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากนางไม่ชอบถูกคนอื่นช่วงชิงลูกค้าราย ใหญ่ของตัวเองไปอย่างเห็นได้ชัด
นิสัยของหญิงสาวผู้นั้นก็ทำให้นางเองก็รู้สึกไม่ค่อย จะพอใจนัก นางกำลังรู้สึกสบายตัว แต่ดันถูกคนเข้ามาขัดจังหวะ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง!
“ไม่ใช่ความรักเก่าหรอก? ข้าและองค์ชายคังนอนร่วมกันมาเนิ่นนานแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าแล้ว ย่อมสนิทชิดเชื้อมากว่าสิ่งใดเสียอีก!"
คังเสว่มี่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาเอ้อระเหยอยู่ยาวนาน แล้วพูดอย่างไม่แยแสขึ้น
เมื่อครั้งวัยเยาว์นางและคังวี่จิ่นนอนด้วยกันมาเนิ่นนาน แต่ไม่ใช่นอนร่วมเตียงกันแต่อย่างใด
สีหน้าของนางซ่องซีดเผือด เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่คังเสว่มี่สวมใส่อยู่บนตัว แล้วไหนจะคุณสมบัติที่ทรงสง่า นอนร่วมกันกับองค์ชายคังมาหลายปีนั้นอีก การเข้าไปอยู่ในตำหนักของอ๋องคังได้ อย่างมากสุดต้องเป็นนางสนมขององค์ชายคัง!
นางจะไปนึกได้อย่างไรว่าคุณหนูใหญ่คังจะมาหาพี่ชายในร้าน อาหารจุ้นเซียนแห่งนี้ได้
คังวี่จิ่นถือโอกาสที่พวกนางสนทนากัน รีบสวมใส่เสื้อผ้าอย่างจารวัน เมื่อได้ยินคำพูดของคังเสว่มี่ ผมที่ยังไม่ได้เกล้าขึ้นอย่างคงที่ จนทำให้ศีรษะของตัวเองเกิดรูโหว่ขึ้นมา
“ยังไม่ไสหัวออกไปอีก หลังจากนี้ข้าไม่อยากให้เจ้ามารับใช้ข้าอีก! ” คังวี่จิ่นทั้งอายทั้งโกรธแค้น เขาตะโกนออกไปด้วยความรู้สึกโกรธเคือง จนผมชี้ผมตั้ง
นังผู้หญิงนางรังเกียจ แล้วยังมายั่วยุน้องสาวของเขา ทะเลาะ รนหาที่ตายชัดๆ!
นางซ่องห้ามล่วงเกิน พระใหญ่ผู้นี้ สายตาที่ฉายแววเกลียดชังได้จ้องมาทาง “ศัตรู” ผู้นี้อย่างคังเสว่มี่ก่อนจะดึงผ้าโปร่งบาง แล้วพันเอวของนางออกนอกประตูไป
คังเสว่มี่มองไปทางแผ่นหลังของนางซ่องเบะปาก แล้วยิ้มออกมาอย่างเงียบ ๆ
พี่ชายผู้นี้ยังมีความเป็นธรรม รู้ว่าต้องปกป้องชื่อเสียงของน้องสาว ไม่พูดสถานะออกมาต่อหน้านางซ่อง
ไม่งั้นเขาเมื่อสักครู่คงพูดออกมาโดยตรงแล้ว ว่านี่คือน้องสาวของข้า เชิญเจ้าไสหัวออกไป
หลังจากที่นางซ่องเปิดประตูลงแล้ว เสื้อผ้าของคังวี่จิ่นก็สวมใส่จนครบแล้ว ในขณะที่เขากำลังสวมใส่รองเท้า ใบหน้าที่แดง ตำหนิออกมาด้วยความไม่พอใจ
“คังเสว่มี่ เจ้ามายังซ่องนี้ทำไม! ซ่องแห่งนี้มันดีที่ไหนกัน?”
“เจ้ายังมาได้เลย ข้าก็ต้องมาได้สิ” คังเสว่มี่ไม่ใส่ใจความโกรธเคืองของเขา นางไม่มีใจจะมานั่งขัดขวางอะไรทั้งนั้น คังวี่จิ่นไม่ใช่พี่ชายของของนาง ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไร
คังวี่จิ่นบันดาลโทสะออกมา สายตาที่ได้แปรเปลี่ยนเป็นไม่อยากจะเชื่อ หลังจากผ่านไปชั่วขณะ
ก็ได้จ้องเขม็งไปทางคังเสวีมี่ “เจ้าไม่ได้เป็นใบ้นิ?”
น่าจะเอาพิษยัดปากเสียจริง พูดคุยกับน้องสาวเช่นนี้ ได้อย่างไร เขานี่มันเกินจะเยียวยาแล้วจริงๆ
“เจ้านั้นแหละเป็นใบ้ ข้าไปเป็นใบ้ตอนไหน!” คังเสว่มี่โก่งคิ้วขึ้น จากนั้นก็มองพิจารณาคังวี่จิ่นที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วถึงแม้ว่าจะเป็นฝาแฝดกันก็ตาม แต่ลักษณะภายนอกของทั้งสองคนก็ช่างแตกต่างกันอย่างมากทีเดียว ทั้งสองอายุสิบสี่ ปีเหมือนกัน คังเสว่มี่ที่มีความสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเซ็นส่วนคังวี่จิ่นก็สูงราวๆ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตรแล้วแต่ก็ถือว่าไม่ต่างกันมากเท่าไหร่เขาสวมชุดยาวสีเขียวมรกตลวดลายปัก เส้นผมถูกเกล้ามวยขึ้น ไว้บนหัวสวมใส่มงกุฎ ทำให้เห็นศีรษะที่แวววาวออกมาถึงแม้ว่าใบหน้าจะยังละอ่อนเล็กน้อยแต่ก็ยังคงมีความงดงามอยู่มากทีเดียว สำหรับชายหนุ่มที่ยังอยู่ในวัยละอ่อนอันบริสุทธิ์เช่นเขาผิวกายที่ขาวเนียน ประสาทสัมผัสทั้งห้าอันงดงามก็ช่างเด่น สะดุดตาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดวงตาสีดำแวววาว ริมฝีปากแดงสด ชัดเจนมากราวกับสีสันบนภาพวาด
copy right hot novel pub