นัยน์ตาที่ฉายแววรื่นเริงใจของคังเสว่มี่ที่มองสุรารสเลิศนั้นพริ้มพราวยิ่งนัก นางคิดไม่ถึงเลยว่าในซ่องแห่งนี้จะมีเหล้าชั้นดีเช่น นี้อยู่ด้วย ดังนั้นนางคิดอยากจะดื่มอีกสักหน่อยแต่แล้ว..
“เจ้าจะดื่มอีกนานไหม หากเจ้าเมาแล้วเดี๋ยวไม่มีใครพาเจ้าไปส่งตำหนักหรอก” เมื่อคังวี่จิ่นเห็นนางดื่มไปแล้วสี่แก้ว แล้วยังต้องการจะดื่มอีก จึงได้พุ่งตรงเข้าไปยึดโถหล้าออกมาจากมือนาง
คังเสว่มี่เบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้น พร้อมกับช้อนตาไปทางเขา จากนั้นก็ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางพูดขึ้นว่า “ดูเจ้าแล้วก็ยังมีความเป็นห่วงข้าผู้เป็นน้องสาวผู้นี้อยู่นะ”
คังวี่จิ่นสีหน้าแข็งทื่อไปเล็กน้อย แล้วหลบสายตาของนางด้วยความลุกลี้ลุกลน ก่อนจะพูดพึมพำออกมาจากปากว่า “ใครเป็นห่วงเจ้ากัน เจ้าห้ามดื่มเหล้าข้าหมดนะ พอได้แล้วรีบคืนให้ข้าได้แล้ว!”
“ไอหยา เจ้าอย่ามารู้สึกขวยเขินหน่อยเลย เราสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกัน ข้าแค่เพียงดื่มเล็กน้อยเอง ไม่เป็นอะไรหรอกหน่าทำเป็นหวงไปได้"
คังเสว่มี่โก่งคิ้วกลอกตาไปมา แสดงออกถึงความเยาะเย้ยถึงขีดสุด หากแต่ใบหน้าของคังวี่จิ่นที่แสดงความโกรธเคือง ขุ่นหมองออกมานั้น ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อสักครู่ที่โดนนางจับได้ว่าเป็นห่วงน้องสาวหรือไม่เพราะหลังจากนั้นเขาก็หันไปด้วยแก้มที่แดงระเรื่อ แล้วถึงทำทีตะโกนออกมาว่า
“เจ้าเป็นเด็กสาวผู้สูงส่ง เหตุใดถึงได้วิ่งมายังร้านอาหารจุ้ยเซียนตัวคนเดียวเช่นนี้ได้ หากผู้อื่นเห็นเข้า เจ้าไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นจะมองเจ้าเช่นไร
มีท่านพ่อเป็นถึงอ๋องคังผู้สูงส่ง แต่บุตรสาวสายตรงกลับทำชื่อเสียงเสียหาย ระเกะระกะ วันข้างหน้าก็จะไม่มีผู้ใดต้องการแต่งกับเจ้า!"
“ในเมื่อเจ้าเป็นห่วงว่าจะไม่มีใครต้องการข้า เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปกับข้าเสียสิ จุดประสงค์ของข้าในวันนี้ ก็คือพาเจ้ากลับไป เจ้าไม่ไปข้าก็ไม่ไป"
คังเสว่มี่หย่อนก้นนั่งลงบนม้านั่งที่เสริมด้วย
เบาะอันนุ่มนิ่มตัวหนึ่ง เชิดหน้าขึ้น มองไปทางคังวี่จิ่นที่กำลังแสดงท่าทางปากอย่างใจอย่างอยู่ เห็นชัดๆว่าเป็นห่วงนาง แต่กลับพูดจาหยิ่งผยองไม่น่าฟัง พร้อมกับแสดงแววตายิ้มกระหยิ่มออกมา
คังวี่จิ่นรู้สึกโกรธเคืองและทั้งหงุดหงิดกับ สายตาอันเยาะเย้ยและเจ้าเล่ห์ที่มองมาของ คังเสว่มี่ จึงเอ่ยด้วยความหงุดหงิดขึ้นอีกว่า
“เจ้าปากดีเช่นนี้ น่าจะไปเล่นของเล่นกับแม่นางผู้อื่นดีกว่านะ จะมัวมาตามข้าที่ซ่องทำไม
เจ้ากลับไปตำหนักไม่ดีกว่าหรือ ไปป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ ว่าซ่องนี้มันดีที่อย่างไรกัน มีทั้งเหล้าชั้นเลิศ คนก็งดงาม ! ข้าไม่กลับไปหรอก!"
“เจ้าต้องกลับ!”
“ข้าไม่กลับ!”
“ต้องกลับ!”
“ข้าไม่กลับ!”
“ได้ไม่กลับ!”
“กลับ!”
“ดี! เป็นอันตกลง!” ตัวคังเสว่มี่ลุกยืนขึ้นพร้อมกับวางโถเหล้าลงบนโต๊ะ จากนั้นก็มองไปทางคังวี่จิ่นด้วยรอยยิ้มอันงดงามบนใบหน้า มุมปากของนางโค้งมนขึ้นด้วยความภูมิใจ
ยิ่งนางคลี่ยิ้มปากบางสวยก็ยิ่งเปิดออก เป็นรัศมีวงกว้างคล้ายดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว ดวงตาอันอ่อนโยนก็ค่อยๆโค้งโก่งขึ้น ราวกับดอกไม้ตูมที่ปรารนาจะเบิกบานอย่าง กลีบดอกไม้จะเบ่งบานออกมาอย่างช้าๆ อย่างช้าๆ อิสระอย่างไรอย่างนั้น ออดอ้อนราวกับเปลวไฟ
แต่ว่าทำไมถึงได้เปิดเผยความเจ้าเล่ห์ เพทุบายออกมาด้วยกันเล่า
คังวี่จิ่นตื่นตกใจไปครู่หนึ่ง แต่ก็เข้าใจขึ้นมาโดยฉับพลัน ตัวเขาเองก็สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนี่นา ในใจพลันเกิดความสงสัยว่าน้องสาวของตัวเองมีความ
เฉลียวฉลาดเช่นนี้ตอนไหนกัน! ไม่เพียงแต่ฉลาด ยังกล้าหาญอีกด้วย!
คาดไม่ถึงว่าจะกล้ามายังสถานที่ที่แม่นางทั่วไปไม่กล้าเข้ามาเฉียดใกล้เช่นนี้ !
มาแล้วก็ถือว่าไม่เท่าไหร่ แต่ยังวิ่งเข้ามาในห้องของเขาด้วยนี่สิ แล้วเห็นอะไรเช่นนั้นอีก!
เห็นอะไรเช่นนั้นก็ไม่เท่าไหร่ คาดไม่ถึงว่าจะยังใช้คำพูดหลอกลวงให้เขา กลับไปได้อีกด้วย!
ในฐานะที่คังวี่จิ่นเป็นพี่ชายจึงทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ไม้สีแดงที่มีพนักพิง ใบหน้าย่นคิ้วขมวด
จากนั้นก็ยกขาทั้งสองข้างขึ้นมาพาดบนโต๊ะ แสดงออกถึงพฤติกรรมเหลวแหลกของลูก ผู้ดีมีสกุล“ไม่กลับ! เจ้าหลอกข้า !"เมื่อคังเสว่มี่เห็นท่าทางเช่นนั้นของคังวี่จิ่น คิ้วจึงได้ขมวดเข้าหากัน กัดฟันกรอด แล้วพูดออกมาทีละคำๆว่า “คำพูดของพี่ชายคนโตย่อมมีความน่าเชื่อถือมาก ทำไมถึงได้โกหกกันซึ่งๆหน้าเช่นนี้อีก! เจ้าบอกว่าจะกลับ"เมื่อคังวี่จิ่นเห็นใบหน้าที่แสดงออกว่าไม่พอใจของคังเสว่มี่ ก็เกิดความรู้สึกชอบขึ้นมาในจิตใจ เมื่อเห็นน้องสาวปราดเปรียวเช่นนี้ เขายิ่งรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก แสดงสีหน้าออกมาว่าเขาพอใจแต่นางหายเป็นปกติก็แล้วไปเถิด ทำไมถึงได้มาไล่จับเขาถึงในซ่องกันเล่า เมื่อเกิดคำถามนี้ขึ้นมา จิตใจของเขาจึงแปรเปลี่ยนเป็นหดหู่ใจขึ้นมาทันใด“หลอกลวง ไม่ใช่สัจจะของพี่ชายคนโตที่มีความน่าเชื่อถือหาือไม่ ข้าจะพูดอีกครั้ง ที่นี่มีเพียงเจ้ากับข้า ใครจะเป็นสักขีพยานให้ได้กันเล่า ถึงอย่างไรข้าก็ไม่กลับไปอย่าง แน่นอน! ”
copy right hot novel pub