“ข้าที่คอยอยู่ข้างๆท่านแบบนี้ ผู้หญิงที่ไหนจะมองกันละขอรับ"ฉวี่ซางพูด
ออกมาอย่างประชดประชัน แต่ในแววตาก็ยังคงมีความเกรงใจอยู่ จนลืมความงดงามของผู้ชายที่อยู่ด้านหน้า
ถ้าหากว่าจี้อี้เป็นพระจันทร์ เขาก็คงเป็นแค่หิ่งห้อยตัวน้อยๆ แสงจากพระจันทร์สว่างนวลราวกับหยกที่เปล่งประกาย ที่สว่างระยิบระยับ จนทำให้คนเคลิ้มหลง ซึมซาบเข้าไปในจิตใจ จนขนาดหิ่งห้อยยังอยากที่จะเข้าไปอยู่ใกล้
จี้อี้หันมามองฉวี่ซาง แววตาก็พลันแฝงความตลก แล้วพลันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ตอนนี้ คุณชายฉวี่ซางเริ่มพูดขึ้นมากกว่าเดิมแล้วนะ คำพูดเหล่านี้ที่เจ้าพูด หลังจากนี้คงจะเอาไปใช้หลอกหญิงสาวได้ไม่น้อยเลย ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องกังวลแล้ว”
ฉวี่ซางหน้าบานขึ้นมาทันที ที่เห็นซื่อจื่อชมเขาแบบนี้ ไม่ได้ยินบ่อยๆเลยนะ
แต่ว่าหลังจากที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พลันนึกขึ้นมาได้แล้วขมวดคิ้วตามทันที ไม่ใช่สิ
ซื่อจื่อหมายถึงว่าเขาก็หลอกได้แค่หญิงสาวที่ไม่รู้ความ แต่พวกที่พอจะมีความรู้อยู่บ้าง เขาก็ยังไม่สามารถที่จะหลอกล่อพวกนางได้
ซื่อจื่อช่างเป็นคนที่พูดจาทำร้ายคนอื่นจริงๆ เลย
ทันใดนั้น สายตาของจี้อี้ก็พลันหันไปเห็นเหตุการณ์ที่ หน้าประตูร้านอาหารจุ้ยเซียน อย่างชัดเจน
เมื่อจู่ๆซื่อจื่อก็หยุดเดิน ฉวี่ซางก็หยุดเดินไปด้วยกันกับเขา แล้วหันไปมองตามสายตาของจี้อี้ จากนั้นเห็นเหตุการณ์ที่กำลังชุลมุนกันก็อยู่ตรงหน้า
แต่เนื่องกำลังภายในของเขายังมีไม่พอ จึงไม่สามารถได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่เกิด ขึ้นได้
แต่ว่าซื่อจื่อสามารถได้ยินทุกอย่าง ดูแล้วน่าจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นอย่าง แน่นอน
ไม่อย่างนั้นซื่อจื่อคงไม่หยุดฟังเยี่ยงนี้ แต่พอเห็นซื่อจื่อที่หยุดไปพักนึง ทำแววตาที่ดูมีเลสนัยขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็เปล่งประกายความเจ้าเล่ห์ พลันมุมปากก็ค่อยๆยิ้มขึ้นมา
ฉวี่ซาวไม่รู้ว่าซื่อจื่อมองเห็นอะไร ถึงได้ยิ้มออกมาแบบนี้ได้ ข้างหน้ากำลังเกิดเรื่องน่าสนุกอะไรขึ้นกันแน่นะ? ฉวี่ซางจึงแสดงสีหน้าสงสัยออกมาทันที
“ฉวี่ซางรีบออกคำสั่ง ให้รถม้ามาที่นี่” จี้อี้กำชับ ฉวี่ซางรับสั่งในทันที แล้วพลันยกมือขึ้นเรียกรถม้าที่อยู่ในถนนเส้นหนึ่งในซอยขับเคลื่อนตามมา
ทันใดนั้นก็มีแสงวาบออกมาพร้อมกับรถม้าที่วิ่งออกมาจากในซอยนั้นทันที
ฉวี่ซางที่พึ่งจะหันไปมองก็เห็นใครคนหนึ่งอุ้ม ใครบางคนจากที่ไกลๆเข้ามาหาพวกเขา อย่างรวดเร็ว พลันพูดเสียงดังลั่น
“จี้ซื่อจื่อ น้องสาวของข้าเมาแล้วหลับไป วันนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องสะสาง ท่านช่วยข้าพานางกลับตำหนักที ข้าคังวี่จิ่นจะซาบซึ้งใจน้ำใจท่านเป็นอย่างมาก " คังวี่จิ่นตะโกนคำนี้ออกมาตลอดทาง
ทั่วทุกที่ภายในเมืองนี้ไม่ว่าจะเป็นท่านชายท่านหญิงคนไหน ฉวี่ซางล้วนแล้วแต่รู้จักทั้งนั้น
ที่เขาสามารถอยู่กลับจี้อี้ได้ แน่นอนว่าความสามารถของเขาต้องไม่ ธรรมดา
ตอนนี้ที่มองเห็นก็คือมีคุณชายคนหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาจากที่ไกลๆ มีริมฝีปากสีแดงระเรื่อที่ดูเอิ่มอิ่มนั่น เขาก็สามารถรู้ได้เลยว่าต้องเป็นคังซื่อจื่อ จากตำหนักอ๋องคังอย่างแน่นอน
“คังซื่อจื่อ เจ้ามีเรื่องอะไรหรือ?"
คังวี่จิ่นที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะชนเข้ากับรถ แต่เพื่อปกป้องคังเสว่มี่ เขาจึงหันหลังแล้วไปชนหน้าอกฉวี่ซางแทน พลันหายใจอย่างหอบ
แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปตอบ
“จี้ซื่อจื่อ ข้ายังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องสะสาง น้องสาวของข้าหลับไปพักนึงแล้ว หวังว่าท่านจะช่วยเหลือข้าสักหน้อยช่วยพานางไปส่งที่ตำหนักคังให้ได้หรือไม่ ข้าคังวี่จิ่นจะจำบุญคุณครั้งนี้ไม่ลืม!"
เขาหายใจอย่างหอบ คำพูดก็ดูขาดๆหายๆ แต่ก็ชัดเจนทุกคำ และเข้าใจในสิ่งที่เข้าต้องการจะสื่อสารได้
จี้อี้หันไปมองคังเสว่มี่ที่หลับอยู่ในอ้อมอกของ คังวี่จิ่น ศีรษะเล็กๆที่ซบอยู่ที่อกของเขา แต่ก็สามารถมองเห็นใบหน้าน้อยๆของนาง
ที่เปรียบเหมือนกับหยกสีขาวที่มีรอยเปื้อน เป็นเส้นใสๆสีแดง ริมฝีปากก็แนบสนิท เหมือนกับกระต่ายน้อยยังไงยังงั้นได้
อืม.. ตอนนอนก็ดูนอนหลับอย่างน่าเอ็นดูทีเดียว
ฉวี่ซางเห็นจี้อี้ยังไม่พูดอะไร จึงพูดขึ้น
“คังซื่อจื่อท่านก็รู้ว่าคุณชายของข้าไม่สนใจยุ่งเรื่องของคนอื่น
ถ้าหากว่าคุณหนูคังหลับไปแล้ว ท่านก็สามารถเรียกรถมาให้ไปส่งนางก็ได้มิใช่หรือ
แต่ถ้าหากว่าเรื่องราวมันดูวุ่นวายมาก จนไม่สามารถเรียกรถมาได้ ข้าก็สามารถทำแทนท่านได้”
ประโยคสุดท้ายแน่นอนว่าเป็นประโยคที่พูดขึ้นเพราะเกรงใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นฉวี่ซางหรือว่าจี้อี้ต่างก็เห็น ทหารวิ่งตามเข้ามา
สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องธรรมดา แต่เป็นเรื่องของการมีปัญหากันของคน ตระกูลสูงเลย
ทำไมคังวี่จิ่นจะไม่รู้จักกฏเกณฑ์ของจี้อี้ ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะบนถนนนี้ไม่มีคนอื่นแล้วและเขาเองก็รู้ดีเรื่องกฏเกณฑ์ของจี้อี้ เขาก็คงไม่มาขอร้องแบบนี้หรอก
คังวี่จิ่นได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง ใบหน้าก็เริ่มแสดงความวิตกกังวล
พลันก้มลงมองน้องสาวตัวเองที่หลับอย่างไม่ ได้สติ ถ้าหากต้องพูดอีก คงไม่ทันกาลแน่
ถันซื่อหัวก็ตามมาจากด้านหลัง แล้วพลันตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงนังเลง
“คังวี่จิ่น ข้าขอเตือนเจ้า ถ้าวันนี้เจ้าไม่ยอมมอบนางมาให้ข้า ถ้าแย่งนางมาไม่ได้ข้าก็ไม่ใช่คนตระกูลถัน แล้ว! "
จี้อี้เลิกคิ้วสูงแล้วหันไปมองคังเสว่มี่ด้วยความสงสัยเล็กน้อย
เสียงที่ดังขึ้นทำให้คังวี่จิ่นหันไปมองแวบนึง คนของตัวเองยังไม่ทันมาถึง แต่คนของถันซื่อหัวตอนนี้ได้ล้อมเขาเอาไว้ เรียบร้อยแล้ว
เขาไม่หันไปสนใจคนพวกนั้น ปกติเขาก็เคารพนับถือจี้ซื่อจื่ออย่างมาก ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ในแววตาก็แสดงความซาบซึ้งอละอ้อนวอน พลันพูดขอร้องขึ้นมาอีกครั้ง
“จี้ซื่อจื่อ ข้าขอร้องท่าน ท่านรีบช่วยข้านำตัวนางไปเถอะนะ ท่านก็เห็นความน่ารังเกียจของถันซื่อหัวแล้วว่าเป็นยังไง ถึงจะบอกว่าข้าไม่กลัวเรื่องต่อยตี แต่จริงๆแล้วข้ากลัวว่าต้องยอมปล่อยให้นาง ตกเป็นของคนบ้ากามอย่างนั้น! "
ถันซื่อหัวพาคนมาล้อมเขาเอาไว้ สายตาก็หันมาจับจ้องคนที่อยู่ในอ้อมกอด ของคังวี่จิ่นอย่างต้องการเป็นอย่างมากโดยไม่สน เรื่องอื่นเลยจากนั้นเหผผกหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย“ข้าจะบอกเจ้าให้ คังวี่จิ่น วันนี้เจ้าขอร้องใครก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ถึงจะเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้อยู่ที่นี่ ก็ไม่สามารถขวางข้าได้!”“ไสหัวไป ถันซื่อหัว ข้าขอบอกเจ้า ต่อให้เจ้าตายเจ้าก็อย่าหวังจะได้นาง คนอย่างเจ้าพูดตรงๆก็คือเป็นแค่คางคกที่ อยากจะกินเนื้อหงส์อย่ามาเพ้อเจ้อ! "คังวี่จิ่นหันไปด่าทอกลับ“โอ้วม.....งั้นข้าก็ยิ่งอยากได้นางแล้วละ! "ถันซื่อหัวที่ ถูกพูดจาดูถูกเขาก็โกรธมากจนสายตาจะกลายเป็นดาบที่ แหลมคมที่อยากจะทิ่มแทงคังวี่จิ่นจนตายใน ทันทีถึงเขาจะมีหน้าตาที่ไม่ได้หล่อเหลา แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาว่าตัวเองเป็นคางคก แบบนี้ไม่รู้ว่าตอนไหนที่มีรถม้าที่ทำมาจากไม้จันทน์ทังคัน ดูแล้วเหมือนจะไม่ได้ดูเลิศหรูเหมือนทำมาจากเงินทอง แต่มันมีค่ามากกว่าเงินทองพันเท่า รถม้าที่ดูธรรมดาแต่มีค่ามากที่ไม่เคยปรากฏ ให้ใครเคยเห็นมาก่อน ก็มาจอดอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามทันทีแต่ลักษณะของจี้อี้เหมือนกับหิมะแผ่นบางๆที่ พลิ้วไหวไปมา ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้ เขาก็ไปยืนอยู่บนรถม้าแล้วเรียบร้อย เขาเป็นคนที่ไม่สนใจใครอยากทำอะไรก็ทำ แล้วก็ยืนเอามือขัดหลังที่แขนเสื้อปลิวไปมา เหมือนกับขนนกสีม่วงพลันยิ้มออกมาด้วยแววตาสุขุมนุ่มลึก พลางหันลงไปจ้องมองถันซื่อหัวและพวกกลุ่ม คนที่เขาพามาช่างเป็นท่าทางที่ดูสง่ายิ่งนัก ราวกับเทพที่หันมามองผู้คน ด้วยสายตาที่ดูเวทนาและเยือกเย็น
copy right hot novel pub