โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 72 อุ้มนางขึ้นรถม้า

“ถันซื่อหัว ไม่เจอกันนานแล้วนะ”

เสียงของเขาที่พูดออกมานิ่งมาก โดยที่ไม่มีความโกรธโมโหใดๆเจืออยู่เลย

ถันซื่อหัวที่กำลังรอพวกพ้องอยู่ พอเขามองเห็นชายชุดสีม่วงอ่อนที่ยืนอยู่บนรถม้า อารมณ์โกรธโมโหที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ก็พลันสลายไปเหมือนกับลูกโปร่งที่โดนบีบ แตก และก็หายไปจนหมดภายในพริบตา

ทันใดนั้น ทุกคนก็หยุดการเคลื่อนไหวทันที แล้วพลันถอยห่างออกมา ที่เหมือนกับระลอกน้ำค่อยๆไหลไป

จนทุกคนรู้ว่าระยะนี้เป็นระยะที่สามารถอยู่ในระยะที่จี้ซื่อจื่อกำหนดเอาไว้จึงหยุด หัวใจของถันซื่อหัวก็พลันเต้นขึ้นมาทันที จนกล้ามเนื้อค่อยๆกระตุกขึ้นมาทีละนิด รอยยิ้มที่ดูหยาบคายของเขาเมื่อสักครู่ก็เปลี่ยน เป็นรอยยิ้มที่อ่อนน้อมถ่อมตนขึ้นมาทันที แล้วทำให้ใบหน้าของเขายิ่งดูน่ารังเกียจเข้าไปอีก

“จี้ซื่อจื่อ ไม่รู้เลยว่าท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยเมื่อสักครู่ถ้าหากว่าข้าล่วงเกินอะไรท่านไปบ้าง ก็ต้องขอโทษท่านด้วย”

ตัวของเขาถึงแม้ว่าจะได้รับการ โปรดปรานจากฮ่องเต้มากแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจจะเทียบเท่ากับจี้ซื่อจื่อได้

ล่วงเกินคนอื่นยังสามารถให้ท่านพ่อช่วยพูด เกลี้ยกล่อมให้ได้ แต่ถ้าเป็นจี้ซื่อจื่อ มีทางเดียวคือกลับไปชำระร่างกายแล้วก็ไป นอนในโลงศพเท่านั้น

จี้อี้ยิ้มอ่อน“เมื่อสักครู่เห็นพวกเจ้าเล่นสนุกกันอยู่ พวกเจ้าก็เล่นกันต่อไปเถิด...."

ถันซื่อหัวที่กำลังรอคนอยู่ พอเห็นจี้ซื่อจื่ออยู่ที่นี่ ก็รู้แล้วว่าวันนี้ยังไงก็ไม่สามารถเอาตัวนางมาได้แล้ว แต่พอเห็นได้ยินจี้ซื่อจื่อพูดแบบนี้แล้ว แสดงว่าต้องไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่นอย่าง แน่นอน ที่แท้เขาก็เป็นอย่างที่คนเขาพูดกัน

แล้วก็พลันใจชื้นขึ้นมาแล้วยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าผาก

จี้ซื่อจื่อยังอยู่ที่นี่ พวกเขาแน่นอนว่าต้องไม่กล้าลงมือ แต่ถ้ารอให้จี้ซื่อจื่อไปแล้วคังซื่อจื่อกับน้องสาวของมัน ยังไงก็ต้องเสร็จข้าอย่างแน่นอน....

คำพูดที่ยังพูดไม่จบก็พลันติดอยู่ที่ลำคอทันที

จี้ซื่อจื่อนิ่งไปครู่นึง สายตาก็กวาดมองสถานการณ์ตรงหน้าครู่หนึ่งเขาก็พลันเข้าใจทุกอย่างอย่างรู้ทันเรื่องที่เกิดขึ้น

แล้วก็มองหน้าถันซื่อหัวแวบนึง พลันพูดขึ้น

“ฉวี่ซาง ช่วยคังซื่อจื่ออุ้มนางขึ้นรถม้า”

เสียงที่เขาพูดออกมาไม่ได้ดังหรือเบามาก เหมือนกับเสียงของลมที่พัดผ่านไป แต่กลุ่มคนที่ล้อมรอบอยู่นั้นต่างพากันชะงัก ไปตามๆกัน รวมถึงฉวี่ซางเองก็ยังนิ่งไปด้วย พลางหันไปมองจี้อี้แล้วพูดขึ้นอย่างไม่ แน่ใจ

“ซื่อจื่อ ขึ้นรถม้าที่ท่านกำลังนั่งอยู่หรือพะย่ะค่ะ?"

จี้อี้หันกลับมาพลันยิ้มอ่อน “แล้วเจ้าว่าแถว นี้มีรถม้าอีกหรือไม่เล่า?"

ฉวี่ซางชะงักไป แล้วพยักหน้ารับทันที “ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” จากนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้าของคังวี่จิ่นแล้วพูดขึ้น

“คังซื่อจื่อ ข้าน้อยทำแทนเองขอรับ”

จี้อี้พยักหน้าเบาๆ พร้อมกับลมที่พัดโชยมาจนทำให้ถันซื่อหัว ต้องเบิกตากว้างมองฉวี่ซางที่กำลังอุ้มสาวงามที่เขาพึ่งจะตกหลุมรักไป ใครจะไปทนได้ เขาหันไปมองฉวี่ซางแล้วหันกลับไปมองจี้อี้ แล้วก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงพูดขึ้นมาอย่าอ้ำอ้ำอึ้งอึ้งว่า

“จี้ จี้ซื่อจื่อ นาง ข้าเป็นคนเห็นนางก่อนนะ”

บรรยากาศรอบข้างก็พลันเงียบสงัดทันที เสียงลมก็พัดโชยเข้ามาในถนนดอกไม้ไฟที่ ในช่วงที่ไม่มีอะไรก็พลันทำให้บรรยากาศ ตกแต่งอย่างงดงาม เย็นขึ้นมาทันที

จี้ซื่อจื่อก็ใช้นิ้วมือที่ขาวใสเปิดม่านออกมาใน ทันที แล้วหันมาพูดขึ้น พลางยิ้มเบาๆ “คุณชายถัน ต้องการจะแย่งกับข้าอย่างนั้นหรือ?"

คำพูดที่เขาพูดนั้นเป็นคำพูดที่นิ่งๆ เป็นน้ำเสียงธรรมชาติที่นุ่มนวลมาก รวมถึงรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาก็ไม่ได้แสดงความเย็นชาอะไรเลยสักนิด แต่ว่ากลับทำให้คุณชายถันถึงกับต้องถอยออกไปสองก้าว

จู่ๆบรรยากาศก็ทำให้คุณชายถัน ก็รู้สึกชาไปทั้งมือและ เท้า ทั่วทั้งร่างเย็นเยียบไปจนถึงชีพจร ในใจก็พลันคิดขึ้นได้ เขาอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายเลยเสียเดี๋ยวนี้

เมื่อสักครู่ทำไมเขาถึงได้ถามอะไรโง่ๆออกไปแบบนั้น

จนพวกกลุ่มคนด้านหลังต่างก็พากันหน้าซีด ตามๆกัน เพราะความกลัว

ชื่อเสียงของจี้อี้ในแคว้นฉีเถียน มีคนนับหมื่นนับแสนคนที่รู้จักเขาเป็นอย่างดี แม้ว่าเมื่อก่อนจะไม่เคยมีใครเคยเห็นเขาโมโหมาก่อน หรือไม่เคยเห็นเขาโกรธมาก่อน

แต่ว่าทุกคนต่างรู้ดี ว่าเขาไม่ใช่แค่คนที่มีฐานะธรรมดา การพูดการยิ้มของเขานั้นยังทำให้คนต่างพากันเคารพและยกย่องเขาเป็นอย่างมาก

จนไม่สามารถล่วงเกินและไม่มีใครกล้าล่วง เกินเขา

ถันซื่อหัวพยายามสงบสติอารมณ์ กล้ามเนื้อบนใบหน้ากลับสั่นเองอย่างไม่ สามารถควบคุมได้ แล้วพลันก้มหน้าลงแล้วพูดเสียงสั่นเคลือ “ไม่ เลย ไม่ เมื่อครู่เป็นคำพูดที่ข้าพูดแบบไม่ได้คิด ขอให้จี้ซื่อจื่อยกโทษให้ด้วย”

“เช่นนั้นก็ดี”จี้อี้ก็พลันยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง แล้วก็หันกลับเข้าไปข้างในรถม้าตามเดิม

แล้วม่านสีม่วงอ่อนก็พลันปิดลงอย่างเบาๆ เหมือนกับเจ้านายที่ดูสูงส่ง และโดนลมพัดไปมาอย่างสั่นไหว เป็นเส้นโค้งอย่างสง่างาม

คังวี่จิ่นคาดไม่ถึงว่าจี้ซื่อจื่อจะยอมตกลงช่วย พาน้องสาวเขาไปส่งที่ตำหนักอ๋องคังจริงๆ แล้วยังให้เขาและนางเข้ามาอยู่ในรถม้าอย่าง ง่ายดายอีกด้วย จนเขาเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อย

แต่ว่าเหตุการณ์ในวันนี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่น่า ตกใจมาก ถันซื่อหัวที่รอคนอยู่แต่ไม่ได้ลงมือ เป็นเพราะว่ามีจี้ซื่อจื่ออยู่ด้วย แต่ว่าหลังจากนี้เขาไม่มีทางวางมืออย่างแน่นอน

สายตาของคังวี่จิ่นไปสะดุดอยู่ที่ชุดผ้าไหมสี ม่วงอ่อนที่ดูสง่างามของจี้อี้ แล้วพลันนึกไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ จนทำให้เหตุการณ์เปลี่ยนไปเป็นฟ้าหลังฝน ราวกับทวยเทพลงมาช่วย

เขาก็พลันโล่งใจขึ้นมา

ก็เพราะเงื่อนไขแบบนี้ของคังซื่อจื่อ แค่ว่าเขาต้องการจะได้อะไร ไม่มีหญิงคนไหนที่ให้เขาไม่ได้

น้องสาวเขาถึงแม้ว่าจะเกิดมาในตระกูลที่ดี แต่ว่านางพึ่งจะอายุสิบสี่ ยังไม่ทันโตเป็นผู้ใหญ่ ตอนนี้นางก็มีแค่ความน่ารักแบบเด็กๆ

ในเมืองนี้คนที่สวยกว่านางก็ไม่ใช่ว่าไม่มี

พอคิดแบบนี้คนที่เป็นพี่ชายอย่างเขาก้รู้สึกกังวลขึ้นมา ทันทีหรือบางทีคังเสว่มี่อาจจะไปทำให้จี้ซื่อจื่อ สะดุดตาขึ้นมาเขาพยายามส่งนางไปให้กับฉวี่ซางอย่าง ระมัดระวัง พลางพูดขึ้น“ขอบใจท่านมากจี้ซื่อจื่อ ลำบากฉวี่ซางพานางกลับไปส่งที่ตำหนักอ๋องคังทีนะ วี่จิ่นซาบซึ้งใจจริงๆ"ฉวี่ซางเป็นคนข้างกายของจี้อี้ที่ใครก็ต้องให้ เกียรติเขาเหมือนกัน ทุกคนต่างขนานนามเขาว่า ท่านจวู่ฉวี่ซางมีสีหน้าที่ดูประหลาดใจ พลันจ้องมองคังวี่จิ่นคนที่เอาแต่เล่นไร้สาระ ไปวันๆพอเห็นแววตาของเขาที่มีความหนักแน่นและ ความวาดหวัง คำพูดก็ดูมีน้ำหนักขึ้นมาทันทีถึงอย่างไรก็เป็นถึงลูกหลานเชื้อพระวงศ์ ถึงจะดูไร้สาระ แต่พอถึงเวลาคับขันจริงๆ ที่ต้องขอความช่วยเหลือก็ยังแสดงให้เห็นถึง ความเป็นคนที่อยู่ในตระกูลผู้ดี ลักษณะแบบนี้คนธรรมดาไม่สามารถ แสดงออกมาได้อย่างแน่นอน“คังซื่อจื่อเกรงใจเกินไปแล้ว เป็นคำสั่งของคุณชายของเรา ข้าน้อยก็ต้องทำตามอย่างเต็มที่”ฉวี่ซางที่กำลัง จะอุ้มนางจากเขาไปก็พลันตอบอย่างมีมารยาท

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์