โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 75 กัดให้ตายคนใจดำ

ขนตาที่งอนยาวของเขา อาจจะเป็นเพราะว่าห่างกันไม่มาก จึงมองเห็นได้ชัดเจนมาก รอยยิ้มที่เขายิ้มก็เหมือนกับลมพัดโบกเข้ามา ทีละระลอก

เหมือนกับหน้าผากของดาราที่ขาวใสเหมือน สีหิมะ

ริมฝีปากที่ค่อยๆกระดกขึ้นมา เหมือนกับยามเช้าของฤดูใบไม้ผลิที่กำลังผลิ ที่เต็มไปด้วยความงดงามที่น่าดึงดูดอย่าง บาน มาก

หน้าท้องก็ดำแล้วยังจะมีหน้าตาที่หล่อเหลา อีก

คังเสว่มีพยายามหายใจเข้าออกถี่ๆ แล้วรู้สึกแค่ว่าหัวใจของตัวเองเต้นถี่มาก เหมือนกับดวงตาที่เหมือนคลื่นกระทบหาดของเขานั้น ทั้งเต้นและสั่น จนไม่สามารถที่จะควบคุมได้

“ใครต้องการให้ท่านมาอยู่ด้วย ถ้าหากว่าข้าต้องการให้ท่านอยู่ด้วยละก็ ก็แค่อยู่เพื่อชดใช้ท่านเข้าใจมั้ย? ! "ดวงตาของคังเสว่มี่ที่กึ่งหลับกึ่งตื่น

ฉับพลันคังเสว่มี่ก็ยกมือสองข้างมาจับที่คอเสื้อของจี้อี้ทันที

กลิ่นเหล้าจากกายของนางก็พลันตลบอบอวลออกมาคละคลุ้งภายในรถม้า

“ห้ะ? เจ้าต้องการ ต้องการอะไรนะ? "เสียงของเขาที่พูดออกมาก็ยิ่งฟังดูนุ่มนวลอย่างมาก แล้วเสียงท้ายประโยคก็ยิ่งฟังดูละมุนละไม แต่เขากลับพลันเลิกคิ้วขึ้นมาเบาๆเชิงยั่วยุ

สีหน้าของคังเสว่มี่ก็พลันแสดงความโมโห แล้วก็พลันดึงเสื้อเขาเข้ามาใกล้ๆแล้วพูด ขึ้น: “ข้าต้องการท่าน....” ออกมาในทันที

“ในเมื่อเจ้าต้องการขนาดนั้น ข้าก็จะยอมให้เจ้าก็ได้! "จี้อี้พูดขึ้นมาตัด

ก่อนที่นางจะพูดต่อ

คอเสื้อที่เดิมทีแนบชิดติดกันก็ถูกนางดึงจน แน่น แล้วก็ค่อยๆแน่นที่คอขึ้นเรื่อยๆ

เขาจึงยกมือขึ้นมากำข้อมือของนางไว้เบาๆ

“จี้อี้ท้องดำ ท่านหมายความว่าไม่อยากจะทำให้ข้าต้องลำบากหรือ?"

ตอนที่มือของจี้อี้จับที่ข้อมือของนางนั้น อยู่ดีๆก็เหมือนโดนไฟฟ้าช็อตเข้ามาที่ตัวนาง ทั้งตัว คังเสว่มี่ถึงกับนิ่งไปพักนึง เหมือนกับว่าน้ำร้อนไหลผ่านไปทั่งทั้งร่างกาย จนไม่มีเสียงพูดอะไรออกมาได้ แล้วหน้าก็เริ่มแดงขึ้น

นางจึงพยายามออกแรง ดึงคอเสื้อของจื้อี้ให้แน่นยิ่งขึ้น จนตึงเห็นเป็นเส้นเล็กๆสีม่วง

จี้อี้ก็ยิ่งมองนางด้วยความสงสัยทันที แล้วพลันเขาก็จับใต้ข้อมือน้อยของนาง นิ้วมือนางก็ขยับนิดหน่อยใช้แค่สามนิ้วก็ สามารถจับข้อมือนางได้แล้ว

แสงแดดจากด้านนอกเข้ามากระทบกับ ดวงตาของเขาที่ใสเหมือนกับสีของหยก ขนตาที่ยาวและงอน ถูกแสงแดดสะท้อนเข้ามาสว่างไสว

จี้อี้ท้องดำ ยังมีหน้ามาจับมือนางเอาไว้แล้วยังใช้คำพูด ดูถูกนางอีก!

นางรู้ดีว่า เขาไม่ใช่คนดีอะไร!

"ถ้าขืนเจ้ายังกล้าพูด ข้าจะกัดปากเจ้า จนพูดออกมาไม่ได้ เป็นจี้อี้คนใจดำที่พูดไม่ได้เลย และก็ไม่สามารถโมโหคนอื่นได้อีก!"

แสงแดดที่ส่องมาจากด้านนอกก็สว่างเหมือนเป็นกระจก

ที่ส่องทะลุผ่านเข้ามาในม่านของรถม้า จนมีสีสันเหมือนฤดูร้อน และกลิ่นหอมหวานจนทนไม่ไหว

สาวน้อยนั่งเอาขาพาดที่เอวของเขา กระโปรงสีฟ้าอ่อนก็พริ้วไปมาอยู่บนที่นั่งสี ขาว พร้อมกับพยายามก่อกวนเขา

จนอยู่ดีๆขาอ่อนขาวเนียนก็พลันโผล่ออกมา แต่ก็ยังพยายามยกมือทั้งสองข้างเพื่อกักตัวของ เขาเอาไว้เหมือนกับไม้ไผ่ที่ยาวมาก และข้อมือก็ขาวใสราวกับหยก ร่างกายก็พลันโน้มไปข้างหน้า

นางจึงค่อยๆอ้าปากจนเห็นฟันเล็กๆเรียงชิด กัน และริมฝีปากที่เป็นสีใส นุ่มนวลและหอมหวานเหมือนกลีบดอกไม้ ราวกับสีผลึกของไข่มุก

สายตาเขาก็จับจ้องไปที่ริมฝีปากที่ดูเอิ่มอิ่มและชุ่มชื่นจนเป็นสีชมพู คล้ายกับผึ้งที่อยากจะเข้าไปเอาน้ำหวานด้านในเกสรดอกไม้

“ข้าอยากจะกัด.….…. "

น้ำเสียงที่ไม่พอใจก็พลันดังขึ้น แต่เมื่อกี้ยังพูดเสียงที่แสดงความกล้าและ มั่นใจออก อยู่ดีๆก็พลันขาดหายไปทันที....

สาวน้อยต้องการจะกัด

จี้คนใจดำก็พลันกลอกตาไปมา ทันใดนั้นสายตาของนางก็พลันอ่อนลงเหมือนกระต่ายน้อยในทันที แล้วก็อ่อนแรงเข้าไปในอ้อมอกของคนใจดำ

ริมฝีปากที่นุ่มนวลราวกับกลีบดอกไม้ ที่มีฟันเล็กๆสองซี่โผล่ออกมา กัดเข้าไปที่ริมฝีปากของจี้ซื่อจื่อทันที

จี้อี้ไม่ทันตั้งตัวจึงโดนนางเอาคืน ริมฝีปากนุ่มนิ่มก็โดนนางกระแทกเข้ามาจน เป็นสีแดงเหมือนกับสีของพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้น

เขาก็พลันขมวดคิ้ว แล้วเบี่ยงสายตาออกทันที ขนตาที่เรียวยาวก็พลันหลับลงจนไม่อาจจะ คาดเดาได้

เขายกมือที่ขาวเนียนขึ้นมาจับที่ริมฝีปากตัว เอง แล้วรับรู้ถึงผิวหนังที่เรียบเนียน ที่เห็นเป็นรอยเขี้ยวอย่างชัดเจน

แล้วเขาก็ลูบไล้ไปมา เหมือนกับกำลังสัมผัสรสชาติของชีวิตที่เขา

ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

ผ่านไปพักใหญ่ เขาก็ยิ้มออกมาเบาๆ แล้วก็เอามือของนางออกไป

สายตาอ่อนโยนก็มองไปยังสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของเขา ที่เวลานี้นางกำลังนอนหลับอย่างมีความสุขอีกครั้ง

ที่จริงเขาเองก็ไม่เคยทำอะไรให้นางไม่พอใจมาก่อน แถมยังช่วยให้นางรอดพ้นจากการกระทำของคนชั่ว และก็เคยเจอกันมาก่อนแค่ครั้งเดียวครั้งนั้น

หนำซ้ำเขาก็ยังถูกนางดึงตัวไปเป็นพยานที่สำคัญที่สุดให้อีกด้วย

แต่ทําไมพอนางเห็นเขา ถึงแม้จะเป็นตอนที่นางมีอาการเมา แต่นางก็ยังเกลียดจนกัดกรอด

เห็นแล้วยิ่งน่าหมั่นไส้

เวลาก็พลันผ่านไปเรื่อยๆ พระอาทิตย์ก็เริ่มลดต่ำลงเรื่อยๆ คนก็เริ่มเข้ามาเดินในถนนสายนี้มากขึ้น พร้อมกับลมร้อนที่พัดผ่านเข้ามา และค่อยๆเป็นค่อยๆไป

ร้านค้าตามข้างทางก็เริ่มเช็ดขี้หูขี้ตาออกมาเพื่อให้หาย ง่วง แล้วก็พลันพากันออกมาต้อนรับลูกค้า

รถม้าก็ได้วิ่งออกมาจากถนนดอกไม้ไฟวิ่งไปถึงไหน ก็ได้ยินแต่เสียงตะโกนเรียกลูกค้า ผู้คนตามสองข้างทางที่มองเห็นรถม้า ก็พากันถยอยถอยห่างออกไป เพื่อให้รถม้าวิ่งได้สะดวกมากขึ้นและไม่เข้าไปขวาง ทาง

เป็นรถม้าที่ไม่ได้ประดับตกแต่งด้วยทอง และก็ไม่ได้มีชื่อติดไว้ว่ามาจากตำหนักไหน แต่เป็นรถม้าที่ทำจากไม้จันทน์ที่ไม่มีใครเหมือน และก็เป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนต่างรู้จัก ว่าคนที่นั่งอยู่ในรถม้านั้นเป็นใคร

·ฉวี่ซางที่มีสีหน้าอ่อนโยนก็ติดตามรถม้ามาติดๆ รถม้าวิ่งผ่านประตูแล้วก็วิ่งไปข้างหน้าต่อ จนเขามาในอาณาเขตของตำหนักอ๋องคัง

ประตูทางเข้าของตำหนักอ๋องคังเคลือบน้ำมันอย่าง สวยงาม

แล้วก็มีหัวสิงโตสองหัวอยู่คนละฝั่งซ้ายขวาตรงทางเข้า ข้างบนก็สลักชื่อโดยใช้ทองคํา และเขียนด้วยตัวอักษรที่สละสลวย “ตำหนักคัง "สามคำ

แล้วรอให้รถม้าวิ่งมาหยุดลงที่ตำหนัก เสี่ยวซีที่อยู่ข้างประตูก็พลันมองเห็นรถม้าไกลๆ

เขาก็รีบสั่งการให้คนเข้าไปรายงานท่านอ๋องและอาชี ทันที

แขกคนนี้เป็นแขกที่สูงส่งมาก ปกติแล้วไม่มีใครหน้าไหนกล้าเข้ามา อาชีได้ยินข่าวของเสี่ยวชี ก็แทบจะไม่อยากเชื่อ จึงรีบส่งคนเข้าไปรายงานท่านอ๋องทันที แล้วตัวเองก็เข้าไปแต่งตัวครู่หนึ่ง แล้วพลันวิ่งออกไปรับหน้าที่ประตูใหญ่ทันที

พึ่งออกไปจากประตู สายตาก็หันไปเห็นฉวี่ซางที่ยืนอยู่หน้ารถม้า แล้วก็พลันส่งยิ้มมาให้ พลางยกมือทักทาย “อาหน่องทำความเคารพท่าน จวู่“ฉวี่ซางและอาชีเคยเจอหน้ากันมาสองครั้ง เขาเองก็รู้ดีว่าเมื่อก่อนอาชีก็เคยเป็นขุนนางมาก่อน พอหลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บก็ออกจากงาน เพราะเขาจงรักภักดีต่ออ๋องคัง จึงได้มาอยู่ในจวนคอยรับใช้อ๋องคังต่อไปฉวี่ซางส่งสายตาไปหาเขาด้วยความเคารพพลันพูด ขึ้น “อาชีไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก วันนี้ที่ข้ามาก็เพราะว่ามีเรื่องมารบกวน ที่จริงก็เป็นเรื่องของคุณหนูของตำหนักคังแหละ ถึงทำให้ข้าได้มาที่นี่"พออาชีได้ยินแบบนั้น ใบหน้าก็แสดงความสงสัยออกมาแล้วถามขึ้น “เป็นคุณหนูท่านใดหรือ ถึงได้บังอาจไปรบกวนให้จี้ซื่อจื่อมาส่งแบบนี้ได้?"ในใจเขาก็พลันขบคิดขึ้นมาทันที คุณหนูสามขาก็ไม่ค่อยดี ตอนนี้ก็เอาแต่รักษาอยู่ในห้องไม่ได้ออกไปไหน ส่วนคุณหนูสี่กับคุณหนูห้าคุณหนูหก วันนี้ก็ไม่ได้ออกไปไหน มีเพียงคนเดียวที่เป็นไปได้คือคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองที่ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงฉวี่ซางยิ้มเบาๆ “วันนี้ซื่อจื่อไปเดินเที่ยวข้างนอกมาแล้ว บังเอิญเจอเข้ากับคังซื่อจื่อ เขากอดหญิงสาวนางหนึ่งเอาไว้ แล้วบอกว่าเป็นน้องสาวตัวเอง แล้วขอให้ซื่อจื่อช่วยพานางมาส่งที่ตำหนัก"·อาชีมีสีหน้าที่ดูจะตกใจนิดนึง แล้วก็พลันกวาดตามองซ้ายทีขวาที นอกจากรถม้าแล้ว ก็เหมือนเขากำลังมองหาอะไรบางอย่างจนเขามั่นใจ แล้วว่าข้างหน้าและข้างหลังรถม้าไม่มีใครแล้ว ก็พลันพูดขึ้นด้วยความสงสัย “ขอบังอาจถามท่านจวู่ คุณหนูที่ซื่อจื่อพามานั้นตอนนี้อยู่ที่ใดหรือ ข้าจะได้ส่งรถม้าไปรับนางมาอาชีก็ไม่ได้รู้เรื่องว่าทำไมคังซื่อจื่อถึงได้ขอร้องจี้ซื่อจื่อ ให้มาส่ง แล้วก็หญิงสาวผู้นั้นเป็นใครกันแน่เขาเองก็ยังไม่รู้ตามที่เขารู้มา คังซื่อจื่อถึงแม้จะเอาแต่เที่ยวอยู่ที่ชิงโหลว แต่ครั้งนี้ก็ไม่น่าจะทำอะไรนอกเหนือจากที่ผ่านมา ไม่มีทางไปเอาหญิงสาวที่ชิงโหลวมาเป็นน้องสาวตัวเองหรอก

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์