ตามที่เขารู้มา คังซื่อจื่อถึงแม้จะเอาแต่เที่ยวอยู่ที่ชิงโหลว แต่ครั้งนี้ก็ไม่น่าจะทำอะไรนอกเหนือจากที่ผ่านมา คงไม่มีทางไปเอาหญิงสาวที่ชิงโหลวมาเป็นน้องสาวของตัว เองหรอกนะ
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นจริงก็คงทำให้ตำหนักอ๋องคังต้องเสียหน้าอย่างแน่นอน ถ้าหากว่าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คุณหนูในตำหนักนี้คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนกันแล้ว
จี้ซื่อจื่อคงไม่มีทางที่จะบอกเรื่องนี้กับใครอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาก็เลยคิดว่า เขาจะใช้โอกาสนี้ พาตัวหญิงของหญิงสาวนางนั้นออกไปอย่างเงียบๆ ถ้าหากว่าเป็นหญิงสาวของชิงโหลวจริงๆ ก็จะสามารถแก้ต่างได้บ้าง
แต่ถ้าหากว่าเป็นคุณหนูในตำหนักจริงๆ ก็อย่าให้คนอื่นได้รับรู้เลยว่านางไปในที่สกปรกอย่างนั้นมา ช่างเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงเสียจริงๆ
ความคิดของอาชีนั้น ฉวี่ซางสามารถมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ที่แท้การเป็นคนดูแลในวัง แค่มองแวบเดียวก็สามารถเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างได้ ชัดเจนแจ่มแจ้ง
แต่ว่า จุดจบของวันนี้ คาดว่าอาจจะทําให้อาชีต้องตกใจเป็นอย่างแน่นอน
ฉวี่ซางหันหลังกลับไปยืนห่างจากรถม้าไม่มาก แล้วหันไปทางด้านในรถม้าพลันโน้มตัวแล้วพูด ขึ้น “ซื่อจื่อถึงตำหนักอ๋องคังแล้วขอรับ"
“อืม “เสียงใสๆดังออกมาจากข้างในรถม้าแล้วก็พลันเปิดผ้าม่านของรถม้าออกมา
จากนั้นไม่นานก็มีร่างสง่างามของจี้อี้ลุกปรากฎขึ้นชายชุดที่เขาสวมใส่ก็พลันพริ้วไหวไปมา ในอ้อมกอดของเขานั้นได้อุ้มหญิงสาวที่สวมชุดสีฟ้าอ่อนเอาไว้ ที่ดูบริสุทธิ์ผุดผ่อง ต่างทำให้ทุกคนตะลึงไปตามๆกัน
ฉวี่ซางมองเห็นภาพนี้แล้ว ดวงตาพลันจ้องอย่างอึ้งทึ่ง แล้วรีบถลาเข้าไปพลันพูดขึ้น “ซื่อจื่อ ส่งนางมาให้ข้าอุ้มเถอะนะขอรับ "
จี้อี้ส่ายหน้า ''ไม่ต้อง " แล้วก็พลันเดินลงมาจากรถม้าทันที ทุกก้าวเดินช่างดูสง่างามยิ่งนัก โดยที่คนที่เขาอุ้มอยู่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาดูสะเปะสะปะ เลยสักนิด
ฉวี่ซางชะงักไป“ซื่อจื่อ ส่งมาให้ข้าน้อยดีกว่าขอรับ"
ปกติแล้วจี้ซื่อจื่อจะไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ภายในระยะสามจั้งเลย และยิ่งอย่าพูดถึงเรื่องนั่งในรถม้า ไม่เคยมีผู้ใดได้นั่งรถม้าร่วมกับจี้อี้เลยสักครั้ง
เรื่องนี้ที่เกิดขึ้นช่างทำให้เขาประหลาดใจยิ่งนัก แต่พอตอนนี้เห็นซื่อจื่ออุ้มนางเอาไว้แบบนั้น และแสดงท่าทางแบบนั้นออกมา ไม่ได้มีความรู้สึกรังเกียจหรือขยะแขยงใด ราวกับว่าเคยอุ้มนางมาแล้วหลายพันครั้ง
เขาไม่เพียงแต่จ้องมองหน้าของซื่อจื่อ คนที่งดงามราวกับเทพเซียน และยิ่งมีนิสัยสุขุมนุ่มลึก โดยที่ไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายได้เลย และก็ควรจะเป็นคนที่ไม่มีใครสามารถที่จะเลียนแบบ ความเป็นเขาได้ด้วยซ้ำ
แต่ทำไมอยู่ดีๆซื่อจื่อถึงยอมเขาไปใกล้ชิดกับนางได้นะ? ขนาดตัวเขาเองยังไม่เคยได้ใกล้ชิดเขามากขนาดนี้เลย
จี้อี้ส่งสายตามามองฉวีซางแวบนึง และสีหน้าของอาชีที่มองเห็นก็ตะลึงไปตามๆกัน แล้วเขาจึงพูดขึ้นเบาๆ
“ข้าบังเอิญไปเจอคังซื่อจื่อที่กำลังมีปัญหาอยู่กับใครบางคนเข้าพอดี เขาก็เลยขอให้ข้านำตัวน้องสาวมาส่งที่ตำหนักอ๋องคัง รบกวนอาชี ช่วยนําทางด้วย ข้าจะได้พานางไปส่งข้างในได้
อาชีที่มองดูหญิงสาวที่ซบอยู่ในอกของจี้ซื่อจื่อแล้ว รูปร่างก็คล้ายกับคุณหนูใหญ่มาก แต่ว่าใบหน้าของนางกลับซบอยู่ในอกของจี้ซื่อจื่อ จนเขาไม่สามารถมองเห็นได้เลยสักนิด
แต่ว่าชุดที่นางสวมอยู่ ก็สามารถที่จะยืนยันว่าเป็นนางได้คังซื่อจื่อเป็นคนเจอคุณหนูใหญ่มาก่อน แน่นอนว่ายังไงเขาก็ต้องจำได้
และยิ่งมากกว่านั้น พอได้ยินคำพูดของจี้ซื่อจื่อก็ยิ่งทำให้ตกใจมากกว่า เดิม “ข้าน้อยจะบังอาจรบกวนจี้ซื่อจื่อได้อย่างไรกัน ข้าว่าส่งนางมาให้ข้าจะดีกว่า...“
จี้อี้ส่ายหน้าไปมา แล้วหันไปมองสาวน้อยที่หลับอย่างสบายอยู่ในอกของตัวเอง แล้วก็พลันนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในรถม้า พลันยิ้มออกมา
“ไม่เป็นไร วันนี้ข้าก็ไม่มีเรื่องอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อรับปากกับคังซื่อจื่อเอาไว้แล้วว่าจะมาส่งนางให้ ถึงตำหนัก ตอนนี้ก็มาถึงหน้าตำหนักแล้ว เดี๋ยวข้าอุ้มนางเข้าไปส่งเอง จะได้ไม่ทำให้นางต้องตื่น
จี้อี้พูดจบ
อาชีก็รีบเดินเข้ามาด้านหน้าเพื่อนำทางให้ทันที
คนที่ทำให้จี้ซื่อจื่อหันมามองได้แบบนี้ และพามาส่งจนถึงตำหนักแบบนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร หลังจากวันนี้คุณหนูใหญ่ในสายตาคนอื่น ก็จะไม่ใช่คนที่เป็นใบ้หรือคนที่เอาแต่นิ่งๆโง่เขลาอีกต่อไป
จี้อี้อุ้มนางเข้ามาตั้งแต่หน้าประตู จนมาถึงตรงกลางของเรือนปิงหยิง
คนที่อยู่ตามทางเดินต่างพากันตกใจกันเป็นอย่างมาก จนลูกตาจะถลนออกมา
จี้อี้อุ้มนางเข้ามาพลางเอาเสื้อบังลมให้นาง แล้วก็อุ้มนางจนมาถึงวิหารหลิงหลง
ชวนหลันที่ไปเรียกรถม้า ไม่ได้กลับมาพร้อมกับคังเสว่มี่ ตอนนี้คนที่อยู่ในเรือนก็เลยเป็นคนรับใช้คนอื่น อาชีหันไปเรียกสาวใช้คนนึงที่ดูเหมือนจะเป็นคนว่าง่าย ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“เจ้าไปดูแลคุณหนูเอาไว้ ถ้าหากว่าจี้ซื่อจื่อต้องการความช่วยเหลืออะไร ก็รีบเข้าไปช่วยทันที"
สาวใช้คนนั้นก็พลันแสดงสีหน้าตื่นเต้น พร้อมกับหัวใจที่เต้นถี่มากโดยไม่ยอมลดน้อยลงเลย และยังมีสีหน้าที่ดูเขินอายตอนที่มองไปทางจี้อี้ แล้วหน้าก็เริ่มแดงขึ้นมา แล้วก็พลันก้มหน้าลงทันที
“เจ้าค่ะ พ่อบ้านชี ข้าน้อยจะรับใช้จี้ชื่อจื่อให้ดีที่สุด"
ทันใดนั้นนางก็ลืมหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไปเลยว่าตัวเองต้องไปดูแลคุณหนูใหญ่
พอได้ยินแบบนั้น อาชีก็พลันขมวดคิ้วทันที สีหน้าของจี้อี้ก็ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แล้วก็กันไปจ้องเขม็งนางทีนึง พลันเดินเข้าไปด้านใน
“ไม่เป็นไร ข้าคนเดียวก็พอแล้ว "
อาชีหันไปมองสีหน้าสาวใช้ที่ซีดขาวขึ้นมาทันที ในใจก็พลันด่าอย่างหนัก ช่างเป็นคนที่น่าอายจริงๆ แค่เห็นจี้ซื่อจื่อครั้งเดียวก็กลายเป็นแบบนี้ไปได้
“จี้ซื่อจื่อฐานะสูงส่ง จะให้มาดูแลคุณหนูแบบนี้ได้อย่างไร ให้สาวใช้เป็นคนดูแลเถอะขอรับ ท่านจะได้ไม่ต้องลำบาก"
พอพูดเสร็จในห้องก็พลันเงียบสงัดลงทันที จนอาชีอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อกี้เขาได้พูดอะไรผิดไปหรือไม่
แล้วครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงครุกคริกดังขึ้น หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเรียกของจี้อี้ดังขึ้น “อาชี เจ้าเข้ามาด้านในหน่อย"
อาชีรู้สึกสงสัยในทันทีคิดไปคิดมาพักหนึ่ง ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไร ก็เกรงว่าจี้ชื่อจื่อไม่น่าจะเรียกเขาเข้าไปข้างใน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็เดินเข้าไปด้านใน
พอเข้าไปเห็นก็เดินผ่านผ้าม่านใสๆเข้าไปแล้วเขาก็
พลันเหลือบไปเห็นจี้ซื่อจื่อได้วางคุณหนูใหญ่ลงบนเตียงแล้ว เพียงแต่ข้อมือของจี้ซื่อจื่อถูกนางจับเอาไว้
ถ้าหากว่าเขาดูไม่ผิดละก็ที่ถูกผูกเอาไว้ในตอนนี้ก็คงจะเป็นดวงชะตาของจี้ซื่อจื่อกับคุณหนูใหญ่แล้ว
มิน่าละตอนที่จี้ซื่อจื่อเดินลงมาจากรถม้า ถึงไม่ยอมให้ฉวี่ซางเข้ามาอุ้มคุณหนู
พอเห็นแบบนั้น สีหน้าของอาชีก็ปลี่ยนไปทันที ดวงตาก็แสดงความตกใจออกมาอย่างลนลาน
“จี้ชื่อจื่อ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณหนูใหญ่เป็นผู้ที่ไม่มีวรยุทธิ์อะไรเลยนะขอรับ"
คุณหนูใหญ่เป็นคนที่พูดน้อยตั้งแต่พระชายทจากไปและก็นานมาแล้ว นางไม่เคยสนใจเรื่องใดเลย เรื่องที่นางชอบทําที่สุดก็คือการนั่งเหม่อลอย และก็นั่งนิ่งๆ
เขาเองก็ไม่เคยเห็นนางเคยทำเรื่องอย่างอื่นมาก่อนเลย แต่ว่าพอเห็นนางล็อคข้อมือของจี้ซื่อจื่อแบบนี้ ดูแล้วก็เหมือนจะชำนาญมาก
จี้อี้ก้มลงไปมองที่ข้อมือตัวเองแวบหนึ่ง เมื่อสักครู่เขาก็แค่รู้สึกว่าชีพจรของนางดูไม่ปกติก็เลยลองตรวจดู แต่กลับถูกนางล็อคมือเอาไว้แบบนี้เสียอย่างนั้นและอีกอย่างเขาลองค่อยๆใช้แรงดึงออกแล้ว แต่ว่ามือของนางก็ยิ่งแน่นกว่าเดิมดวงตาสีดำที่ค่อยๆไหลไปมาเหมือนคลื่นน้ำ ตั้งแต่ที่นางหลับไปก็ผ่านไปสักพักใหญ่ได้แล้วสายตาก็พลันค่อยไหลไปมาอย่างเบาๆ จี้อี้จึงหันกลับมามองอาชีแล้วพูดขึ้น“ข้าเคยอ่านเจอในหนังสือเก่าแก่เล่มหนึ่ง ว่ามีบางคนที่เวลาหลับจะสามารถแสดงพลังบางอย่างที่ ในช่วงเวลาปกติไม่สามารถทำได้ หรืออาจจะไม่เคยเรียนรู้มาก่อนก็ได้ หลังจากที่นอนหลับไปแล้วสามารถทำแบบนี้ได้ แสดงว่าคุณหนูใหญ่อาจจะเป็นคนประเภทนั้น"เรื่องแบบนี้ก็ทำให้อาชีคิดออก ว่าเคยได้ยินเรื่องของสงครามในสมัยก่อน ที่มีกลุ่มคนบางคนถูกบีบจนทำอะไรไม่ได้ จนสุดท้ายก็แสดงความสามารถออกมาให้เห็น ว่าตัวเองไม่ใช่คนธรรมดาถ้าดูแล้ว คุณหนูก็คงเป็นคนในกลุ่มนั้นเพียงแต่ จี้ซื่อจื่อก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง คุณหนูใหญ่เองอายุก็ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์ แต่ถ้าให้ผู้ชายอยู่ในห้องแบบนี้เกรงว่าจะดูไม่งามเป็นอย่างมากคิดไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง อาชีก็พลันพูดขึ้น“จี้ซื่อจื่อ ไม่ลองแบบนี้ดูลองใช้นิ้วแกะมือของนางออกดูดีหรือไม่ขอรับ?"
copy right hot novel pub