พ่อบ้านน้อยหายใจเข้าทีหนึ่ง แล้วถึงได้พูดขึ้น
“ได้ยินว่า ได้ยินมาว่าซื่อจื่อได้ทําร้ายคุณชายถันจนหัวแตก ขอรับ! ”
“สารเลว! มีเรื่องได้ไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ! จนวันนี้ไป ทำร้ายคนอื่นจนเขามาเอาเรื่องถึงในตำหนัก!"
อ๋องคังพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโหจัด จนพ่อบ้านน้อยถึงกลับสะดุ้งทันที
เขาหลับตาลง โกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว พลันสูดลมหายใจเข้าฟอดใหญ่ พยายามอดทนกับความโกรธที่กำลังปะทุออกมา แล้วหันไปทางหน้าประตู แล้วกัดฟันพูดขึ้น
“เจ้ารีบไป รีบส่งคนออกไป ช่วยข้าลากตัวไอ้คนสารเลวกลับมาที่ตำหนักเดี่ยว นี้! ”
“ท่านอ๋อง ซื่อจื่อกลับมาแล้วขอรับ ตอนนี้อยู่ที่ห้องโถงใหญ่ กับใต้เท้าถัน...."
พอนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่อยู่ที่นั่น พ่อบ้านน้อยก็พลันชะงักไปครู่นึง แล้วพยายามหาคำที่ดีพูดออกมา “กำลังหารือกันอยู่...."
หารือบ้าบออะไรกัน? ที่จริงคือกําลังหาเรื่องกันต่างหากเล่า!
ได้ยินแบบนั้น อ๋องคังก็ปะทุความโมโหออกมาจนถึงขีดสุด จนสายตาสองข้างเริ่มเบลอ และขาข้างหนึ่งก็พลันอ่อนแรงลง จนถอยหลังเกือบจะล้มลง อาชีจึงรีบเดินเข้ามาพยุงเขาไว้ทันที แล้วพูดปลอบ
“ท่านอ๋อง อย่าพึ่งกังวลไปขอรับ เรื่องนี้เรายังไม่ทราบรายละเอียดดีนัก ลูกชายของใต้เท้าถัน ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้กันดีว่าเป็นคนเลวทรามเพียงใดถ้าเทียบกับซื่อจื่อแล้ว ซื่อจื่อดีกว่าหลายเท่านะขอรับ ครั้งนี้อาจจะไม่ใช่ความผิดของซื่อจื่อก็ได้”
อ๋องคังลูบหน้าผากเบาๆ พลันกึ่งหลับตา หน้าก็เป็นสีแดงเพราะความโกรธ พลันพูดขึ้น
“ไม่ว่าใครจะเป็นคนก่อเรื่องก็ตามแต่ มันทำลูกชายใต้เท้าถันหัวแตกแบบนี้ จนเขามาเอาเรื่องถึงตำหนัก เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรแล้ว !
ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่เห็นมันก่อเรื่องวุ่นวายอะไรกลับมา! "
เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ราวกับว่ามองเห็นอะไรบางอย่างในกลุ่มเมฆที่ลอยอยู่ ในสายตาก็มีความทุกข์ใจปะปนอยู่ แล้วก็พลันถอนหายใจเฮือกใหญ่สีหน้าก็ดูอ่อนเพลียอย่างมาก
“ไปเถอะ ไปดูกัน ว่าไปลูกสารเลวนั่นมันก่อเรื่องอะไรขึ้นอีก "
“ท่านอ๋อง ท่านต้องดูแลร่างกายของท่านด้วยนะขอรับ ถ้าหากว่ายิ่งโกรธอีก... "
อาชีที่พยุงอ๋องคังอยู่นั้น ทั้งพูดปลอบใจเขาไปด้วย แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปกำชับกับพ่อบ้านน้อยเรื่องการจัด เตรียมสํารับอาหารให้กับจี้ซื่อจื่อ
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง ดวงจันทร์ก็พลันโผล่ขึ้นมาตรงยอดของต้นหลิว แล้วค่อยส่องประกายแสงสว่างออกมาทีละน้อย
ตำหนักอ๋องคังที่วันนี้มีเรื่องทั้งวันในที่สุดก็สงบลง รอบด้านล้วนเงียบสงัด และนานๆทีถึงจะได้ยินเสียงอึ่งอ่างร้อง และยิ่งทำให้กลางคืนดูเงียบเหงาขึ้นไปอีก
“คุณหนู คุณหนู"
ชวนหลับที่รีบวิ่งเข้ามาอย่างกังวลใจ วิ่งตรงดิ่งเข้าไปในห้องทันที ในตอนที่นางกลับมาถึงนั้น นางก็ได้ยินคนต่างพูดกันว่าคุณหนูเป็นลมหมดสติ ในใจก็เหมือนโดนไฟเผา
ยากมากกว่านางจะเข้ามาทางด้านหน้าตำหนักได้ พลันยื่นมือผลักประตูเข้าไป
ภายในห้องนั้น นางเห็นจี้ซื่อจื่อที่นั่งอยู่บนเตียง แล้วก็เอนตัวพิงหมอนสีเขียวเข้มที่อยู่ด้านหลัง แล้วมืออีกข้างหนึ่งก็วางอยู่ในผ้าห่มอีกมือนึงก็เกาะผ้าห่มเอาไว้
แล้วชุดไหมของเขาก็พาดอยู่บนเตียงโดยไม่ยับยู่ยี่เลย สักนิด
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาพักผ่อนแล้ว แต่เขาก็ยังดูเหมือนตอนปกติที่ดูสง่างามแบบนั้น เหมือนภาพวาดที่งดงามไม่มีเปลี่ยนแปลง ไม่ได้ดูยุ่งเหยิงเลยสักนิด
ศีรษะที่อยู่บนเตียง เป็นเพราะโดนเงาบังเอาไว้ ก็เลยมองไม่เห็นร่างกายของนาง และมองเห็นเพียงใบหน้าขาวใสที่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่เพราะโดนแสงจากด้านนอกส่องเข้ามา ก็เลยมองออกว่านางก็คือคุณหนูของนางนั่นเอง
“ห้ะ จี้ซื่อจื่อ เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้..copy right hot novel pub