โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 79 กำลังภายในพลุกพล่าน

คังเสว่มี่พยายามนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องเมื่อคืน แต่ภาพหลังความมึนเมานั้นแม้เพียงนิดเดียวในความทรงจําของนาง นางกลับจําเรื่องราวต่างๆเหล่านั้นที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ได้เลย แม้แต่น้อย

แต่ก่อนที่นางจะเมา ไม่เคยได้ยินว่าเกิดอาการผิดปกติจนไปรั้งมือของเขาแต่อย่าง ใด เว้นเสียแต่ว่าจะป้องกันตัวเอง

คนเจ้าเล่ห์จี้อี้ผู้นี้ คงจะไม่ใช่ฉวยโอกาสตอนที่นางเมา ทําอะไรไม่มีกับนางหรอกใช่ไหม

นางก้มหน้าลงมองเสื้อผ้าของตัวเองอีกครั้ง นอกจากความยุ่งเหยิงเล็กน้อยแล้ว ส่วนอื่นก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่มีร่องรอยอะไรเลยสักนิดเดียว

หรือว่าเขาอาจจะลองหยั่งเชิงนางแล้วไม่สำเร็จ จึงลองหยั่งเชิงนางอีกครั้ง?

สำหรับผลลัพธ์ในการหยั่งเชิงนั้น คังเสว่มี่ที่มีความมั่นใจในตัวเองมาก ในเมื่อนางก็เป็นสายลับมาก่อน ในส่วนหนึ่งของความฝัน ก็คือการฝึกอบรมมาเฉพาะทาง อะไรที่สมควรพูดไม่สมควรพูดล้วนแล้วแต่ถูกควบคุมอยู่ภายใต้จิตสำนึกของตนเองทั้งสิ้น

นางชำเลืองมองไปทางใบหน้าดุจหยกของจี้อี้ที่แสดง สีหน้าสบายอกสบายใจอย่างไร้เดียงสา

ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า

“ในตอนที่ตื่นขึ้นมา มือของข้าก็ไม่ได้รั้งเจ้าเอาไว้แต่อย่างใด เจ้าโกหก!"

จี้อี้มองไปทางคังเสว่มี่ที่มีอารมณ์ความรู้สึกหลากหลายฉายออกมาทางแววตา ดวงตาดุจหงส์ของนางที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย

ในชั่วพริบตาเดียว นางพลิกตัวลุกขึ้นมานั่งจ้องมองเขาอย่างจริงจัง

จี้อี้ละสายตาออกมาจากใบหน้าของคังเสว่มี่ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงไพเราะน่าฟังราวกับเกล็ดน้ำ แข็งกระทบจานว่า

“ก่อนข้าตื่น เจ้าก็รั้งมือของข้าเอาไว้ตลอดแต่หลังจากที่ข้าตื่น เจ้าปล่อยมือของข้าตอนไหน ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ข้าไม่อาจถ่างตามองมือของเจ้าว่าจะปล่อยข้าตอนไหนได้ตลอดทั้งคืนหรอกนะ

หากเจ้าปล่อยมือข้าก่อนที่ข้าจะหลับ ข้าก็คงจะรีบลุกขึ้นและจากไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่า เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าตรู่ จะเห็นมือบางคนทำเรื่องไม่ถูกประเพณีเช่นนี้”

เขาทอดถอนใจออกมา พร้อมกับส่ายหน้า ราวกับเศร้าใจกลัดกลุ้ม

สีหน้าของคังเสว่มี่ที่ซีดเผือดลง ก็ได้แดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็มองไปทางแผ่นหลังของจี้อี้ ก่อนจะพูดออกมาด้วยความโกรธเคืองว่า

“ศิลปะการต่อสู้ของเจ้าดีกว่าของข้ามากมาย ถึงข้าจะรั้งมือเจ้าเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์ หรือว่าเจ้าไม่รู้วิธีดึงอย่างนั้นหรือ?”

เช้าวันที่สองของการข้ามเวลามา เมื่อครั้งถูกเขาโอบกอดไว้จนไม่อาจขยับตัวได้นั้น นางก็รู้ในทันทีว่าตัวเองได้เผชิญหน้ากับคนที่ยากจะเอาชนะได้อย่างเขาแล้ว

หากรั้งคนทั่วไปไว้ละก็ จะมีศักยภาพที่เท่าเทียมกันหรือแย่กว่านาง ก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้อย่างแน่นอน

แต่ถ้าหากศักยภาพของทั้งสองคนห่างกันไกลเกินไป ถึงแม้ว่าจะถูกรั้งเอาไว้

ฝีมือขั้นสูงก็สามารถพลิกมือกลับมาชนะได้อย่างรวดเร็วและเหนือชั้นกว่าอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นในยุคสมัยโบราณนี้เช่นนี้

คนเหล่านั้นอาจจะเป็นเพราะมีกำลังภายในเอย ฝังเข็มเอย จนไม่สามารถจินตนาการได้ก็เป็นได้

“ข้าดึงแล้ว แต่ดึงไม่ออก” จี้อี้ขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าลําบากใจออกมา

แต่คังเสว่มี่มองออกได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีแววตาที่แสดงถึงความลำบากใจส่งมาจากภายในแววตาเลยแม้แต่นิดเดียว

ฉับพลันนัยน์ตาของคังเสว่มี่ก็ฉายแววขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที จนแทบอยากจะยื่นมือออกไปควักลูกตาคู่สวยนั้นของเขาออกมา

จากนั้นนางก็พูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคืองขึ้นมา

“ศิลปะการต่อสู้ของเจ้าก็สูงมากขนาดนั้น ทําไมถึงจะดึงไม่ออกเล่า ข้าเป็นเพียงแค่หญิงสาวบอบบางผู้หนึ่ง จะจับเจ้าคนเจ้าเล่ห์ผู้นี้ได้อย่างไร? ดูจากการหาข้อแก้ตัวของเจ้า เห็นได้ชัดว่าอยากจะนอนบนเตียงของข้า! "

“เจ้าเป็นหญิงสาวบอบบางอย่างนั้นหรือ? หากเจ้าเป็นหญิงสาวบอบบางแล้วหล่ะก็ หญิงร้ายที่อยู่ใต้หล้านี้ ก็คงจะผอมแห้งแรงน้อยไปแล้วหมดแล้วหล่ะ!”

จี้อี้มองไปทางใบหน้าที่แสดงออกถึงความโกรธเคือง ของคังเสว่มี่ ก่อนจะทอดถอนใจออกมาเบาๆ เขาส่ายหน้าด้วยความระอา

“เฮ้ หมายความว่าอย่างไร เจ้ากำลังด่าข้าอ้อมๆว่าเป็นหญิงร้ายใช่ไหม? "

คังเสว่มี่ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นพร้อมกับจ้องเขม็งไปทางจี้อี้ "อย่าคิดว่าข้าไม่เข้าใจนะ"

เมื่อเห็นใบหน้านั้นของเขา ก็กัดฟันกรอดๆ จนอยากจะเข้าไปกัดเขาสักสองที

บุคคลอันตรายเช่นนี้ ไปพากลับนําหนักของตัวเองมาได้อย่างไร ดูท่าจะต้องอยู่ห่างจากเขาสักหน่อยเพื่อความปลอดภัย เสียแล้ว

เมื่อจี้อี้เห็นปากเล็ก ๆ นั้นแสดงออกถึงความวิตกกังวล จึงคิดว่านางคงจะไม่กัดเขาเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อคืนหรอกใช่ไหม

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดวงตาสีดำทมิฬดุจหยกดำได้แสดงออกถึงการยิ้มเยาะออกมาจางๆ

“เจ้าจะเป็นหญิงร้ายหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่เมื่อดูจากกำลังภายในในร่างกายของข้า เจ้าไม่ใช่หญิงสาวบอบบางย่างแน่นอน”

นิ้วมือที่ไปแตะอยู่บนชีพจรของนาง ในขณะที่เขากำลังจะดึงมือของนางออกเมื่อคืนนั้น ก็สัมผัสได้ถึงกำลังภายในที่พลุ่งพล่านไหลเวียนอยู่ในชีพจรนั้นอย่างรุนแรงได้

จนเขาสูญเสียการควบคุมตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง ดิ้นพล่านราวกับสัตว์ป่าที่ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวอย่างไรอย่างนั้น

ซึ่งเขาก็ตื่นตกใจเล็กน้อยกับกำลังภายในนั้น คังเสว่มี่ตื่นตกใจไป ก่อนจะขมวดหัวคิ้วครุ่นคิด นางมีกำลังภายใน ? ทำไมนางถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองนั้นมีกำลังภายใน?

แต่เมื่อจี้อี้พูดเช่นนี้ ในหัวสมองของนางก็ปรากฏเงาบางอย่างอย่างเลือนรางขึ้นมา

โดยฉับพลัน แต่มันกลับมองไม่ชัดว่าเป็นกลุ่มหมอกอะไร และเงานั้นเป็นใครกัน

ไม่รู้ว่าทำไม ถึงแม้ว่าร่างกายนี้จะมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แต่นางกลับจําไม่ได้เลยสักนิดเดียวร่างโปร่งบางราวกับผ้าก๊อซพันแผล แต่สัมผัสรับรู้ได้อย่างชัดเจน เหมือนจะเห็นถึงใจความสำคัญ แต่ก็ยังเลือนรางหรือว่ากำลังภายในนั้นเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ? ดำรงอยู่ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่อย่างนั้นหรือ?พระเจ้าประทานศิลปะการต่อสู้มาให้? ยอดเยี่ยมเลยทีเดียวเหมือนกับนาจา ที่เกิดมาพร้อมกับพลังมหาศาล.....แต่นางไม่ใช่สัตว์ ประหลาดนะ!นางยังสงสัยอยู่ว่าจี้อี้ต้องการอะไรจากนางถึงได้พูด เช่นนี้แต่เมื่อดูจากที่เขาทำลายจุดบกพร่องของตัวเองที่ไม่เคยเข้าใกล้ใครเกินสามจั้งแล้ว แสดงว่าเขาไม่ได้ถูกรั้งอะไร จึงได้พูดจาแข็งทื่อเช่นนี้เพื่อจะได้นอนกับนางทั้งคืน โดยที่ไม่ทำอะไร?ในช่วงเวลานี้ คังเสว่มี่จึงรู้สึกได้ว่าเสน่ห์ที่ตัวเองมีนั้นยังมีไม่ถึงขนาดที่จะทำให้คลื่นโหมซัดกระหน่ำอะไรเช่นนั้น ถึงขนาดที่จะทำให้จี้อี้ใจสั่นได้อะไรขนาดนั้นเลยสักนิด

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์