“ไม่มีนักฆ่าหรอก เพียงแค่ข้าไม่ได้ใช้กำลังภายในมานานแล้วก็เท่านั้น จึงอยากลองสัมผัสหน่อยว่าเป็นอย่างไร” จี้อี้พาดผ้าไว้ด้านข้าง จากนั้นก็นั่งลง แล้วยกช้าขึ้นมาจิบเบาๆด้วยท่าทางสง่างาม
ฉวี่ซางแปลกประหลาดใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าซื่อจื่อจะใช้เหตุผลนี้มาอ้างในการใช้กำลังภายในที่ปกปิดเอาไว้ตลอดมา ถึงแม้ว่าจะแปลกใจก็ตาม แต่ตามหลักเหตุผล เรื่องที่ซื่อจื่อทำก็ยากที่จะคาดเดาได้อยู่แล้วมิใช่หรือ
“เช่นนั้นซื่อจื่อรู้สึกอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ?”
“ยังพอได้” จี้อี้ยืนขึ้น จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอกอย่างช้า ๆ “อย่าให้องค์ชายหกรอนาน เราไปกันเถอะ"
องค์ชายหกกำลังเตรียมกระดานหมากรุกอยู่พอดี เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากประตู จึงได้หันหน้าไปพร้อมกับโบกมือ “จิ้งจอกจี้ รีบมาเร็ว เรามาดูกัน ว่าข้าบุกเจ้าได้อย่างไร”
จี้อี้เดินเข้าไปจากนั้นก็นั่งลงห่างจากเขาประมาณสามจั้งมือขาวดุจหยกของเขาก็ค่อยๆยกมาวางบนตัก
จากนั้นก็มองไปทางกระดานหมากรุกอย่างไม่แยแส ใบหน้าที่สะอาดเกลี้ยงเกลาดุจหยก ก็เผยรอยยิ้มบางๆออกมา หลังจากที่ทั้งสองเดินหมากกันอยู่สักพัก น้ำเสียงดุจกระดิ่งกระทบกันของจี้อี้ก็ดังขึ้น
“ก้าวนี้ เจ้าเดินได้ไม่เลวเลย"
“ไม่เลวแน่นอน กระดานหมากรุกมังกรของเจ้าถูกโจมตีแล้วเป็น อย่างไรบ้างละ?”องค์ชายหกกางพัดที่พับอยู่ออกมา ด้วยท่าทางภาคภูมิใจเล็กน้อย จากนั้นก็โก่งคิ้วพร้อมกับถามขึ้น
สายตาของจี้อี้ก็มองลงไปยังตัวหมากที่องค์ชายหกวาง ลูกตาสีดำก็มองไปทางเขาด้วยแววตาสุกสกาวราวกับ ลงไปเมื่อสักครู่ ดุจดวงจันทร์หิมะ
“หมากรุกนี้ เจ้าคิดไม่ออกอย่างนั้นหรือ"
องค์ชายหกอึ้งงันกับคำพูดนี้ของเขา แต่ทว่าใบหน้ากลับไม่ได้แสดงออกถึงความลำบากใจ ออกมาแต่อย่างใด พร้อมกับยอมรับกับความสง่างาม ก่อนพูดว่า :
“จิ้งจอกจี้ไม่เกรงกลัวจิ้งจอก หมากตัวนี้ข้าคิดไม่ออกจริงๆ เจ้ามองออกได้อย่างไรกัน?”
จี้อี้พูดว่า : “ข้าและเจ้าประลองฝีมือกันมาเนิ่นนาน เจ้าแข่งขันหมากรุกนี้มาตั้งแต่ย่อมเยาว์ ชอบแสวงหาชัยชนะจากเกมส์หมากรุก จนทำให้การเดินหมากนั้นยอดเยี่ยม แต่คนที่เดินหมากเกมส์นี้ ไม่เพียงแต่จะมีจิตวิญญาณที่ชอบผจญภัยเท่านั้น
แต่ก็ยังระมัดระวังมากด้วย ปิดบังความจริงด้วยความเยือกเย็น ยากจะดูออก"
ดูหมากก็เหมือนกับดูคน นิสัยของทุกคนถูกเปิดเผยจากวิธีการเล่นและการวาง หมากโดยไม่ได้ตั้งใจ
องค์ชายหกพยักหน้ายอมทั้งตัวและใจ ก่อนจะพูดชื่นชมว่า : “เจ้าช่างเก่งมากเสียจริง แต่ข้าเดาไม่ออกหรอกว่าเกมส์นี้ใครจะออก....."
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็หยุดไปเล็กน้อย ดูเหมือนจะคิดเรื่องขบขันบางอย่างออก จากนั้นก็กระตุกยิ้มมุมปาก พัดในมือก็ชี้ไปทางกระด้านหมากล้อม แล้วพูดต่อว่า
“เดินหมากนี้เสร็จแล้ว ข้าบุกทะลวงกระดานหมากรุกมังกรนี้ของเจ้าแล้ว”
จี้อี้เก็บแววตาซุกซนของเขาไว้ในส่วนลึก หลังจากนั้นก็ยิ้มออกมาบางๆโดยไม่เอื้อนเอ่ย
เมื่อองค์ชายหกเห็นเขาเป็นเช่นนี้ จึงยิ่งชะล่าใจ จากนั้นก็โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย นัยน์ตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็โก่งคิ้วแล้วพูดว่า
“ข้าจำได้ เจ้าพูดว่า หากใครเป็นผู้ชนะกระดานหมากรุกมังกรของเจ้า เจ้าจะนำกระดานหมากล้อมและตัวหมากสีดำขาวส่งมอบให้แก่คนผู้นั้น จิ้งจอกจี้ ยังไม่นำออกมาอย่างว่าง่ายอีก”
จี้อี้มองไปยังกระดานหมากรุก พร้อมกับฉายแววตาครุ่นคิด ประเดี๋ยวเดียว ก็ยกแขนขึ้นมา จากนั้นก็ใช้มือขวาจับไปบนแขนเสื้อขนาดใหญ่ของมือ แล้วใช้ปลายนิ้วของมือซ้ายที่ขาวดุจหิมะหนึบหมากตัว หนึ่งขึ้นมาเบาๆ แล้ววางลงบนล่างซ้ายของกระดาน ซ้าย
ดูเหมือนว่าจะวางลงไปหลังจากที่ครุ่นคิดอย่างละเอียด ถี่ถ้วนแล้ว เมื่อองค์ชายหกเห็นหมากของเขา รอยยิ้มที่เดิมทียิ้มออกมาอย่างไม่แยแส หน้าของเขาก็นิ่งเฉยไป สุดท้ายก็ปรากฏสีหน้าตื่นตกใจออกมา
ดวงตาคู่นั้นแทบจะติดอยู่กับกระดานหมากเลยก็ว่าได้ หลังจากที่พิจารณาหมากแต่ละตัวที่วางขึ้นๆลงๆอยู่เป็น ระยะเวลานาน
เขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ยกนิ้วขี้อันสั่นเทาไปทางจี้อี้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่า
“จิ้งจอกจี้ เมื่อสักครู่ ที่ปรากฏขึ้นมาบนหมากรุกแบบจีนแล้ว คาดไม่ถึงว่าหลังจากที่เจ้าวางหมากลง จะแปรเปลี่ยนเป็นหมากรุกสี่มังกรเช่น นี้? !”
การสังหารสี่มังกร เป็นการพลิกแพลงเกมส์กระดานหมากรุกมังกร เป็นหนึ่งในเกมส์หมากรุกที่เก่าแก่ที่สุด
สี่มังกรอันดับแรก หมุนเวียนเปลี่ยนผัน ย่างก้าวด้วยความหวาดเสียว ไร้การละวาง ละวางการพัวพัน อุตลุตซึ่งกันและกัน
หมากรุกที่ครอบครองมาจนถึงบัดนี้ มีเจ้าของได้ไม่เกินสาม คน
และจี้อี้ก็เป็นคนที่สามในรอบหลายร้อยปีมานี้
ความรู้ด้านหมากรุกของเขานั้นลึกซึ้งมาก ดังนั้นจึงทำให้องค์ชายหกมักจะประลองฝีมือกับเขาอยู่ เสมอ
ใบหน้าของจี้อี้ไม่ได้แสดงออกถึงความเย่อหยิ่งแต่ อย่างใด ดวงตาดุจหงส์ราวกับพื้นผิวน้ำที่ไร้คลื่น ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอย่างนุ่มนวลว่า
“สายตาขององค์ชายหกหลักแหลมมาก จี้ถูกเป้าตรงเป๊ะเลย"
"เช่นนั้นเจ้ายังครอบครองกระดานหมากรุกสีดำขาวต่อไปได้" น้ำเสียงขององค์ชายหกปรากฏความท้อใจออกมาเล็กน้อย "เทคนิคการเดินหมากของเจ้า ช่างดีกว่าแต่ก่อนมาก"
จี้อี้ค่อยๆยืนขึ้นแล้วพูดต่อ “องค์ชายหกกลับมาแข่งขันหมากรุกกับข้าอยู่บ่อยๆ เทคนิคการเดินหมากย่อมต้องพัฒนามากขึ้นอย่าง แน่นอน สักวันเทคนิคการเดินมากย่อมแตกต่างกว่าวันนี้อย่างแน่นอน วันนี้ก็จบไปแล้วตาหนึ่ง หากองค์ชายหกบุกเข้าสังหารสี่มังกรได้ จี้อี้จะกลับมาอีกครั้ง”
องค์ชายหกรู้ว่านี่เป็นการส่งแขกของจื้อี้ วันนี้ก็ได้รับรางวัลไปไม่น้อยแล้ว จึงได้ยืนขึ้น แล้วคลี่ยิ้มออกมา
“ได้ ได้ ข้าจะกลับไปศึกษาหมากรุกสมัยโบราณเป็นอย่างดี ดูสิว่าจะมีทางเอาชนะเจ้าได้หรือไม่!"
จี้อี้พยักหน้า แล้วหันหน้าไปพูดกับ ฉวี่ซาง
“เจ้าไปส่งองค์ชายหกแทนข้าที”
“ส่งอะไรกัน เจ้าก็พูดเกรงใจกับข้ามากเกินไป ! ไม่ต้องหรอก!" องค์ชายหกโบกมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นนำมือไปไขว้ไว้ด้านหลัง หลังจากนั้นก็เดินออกจากประตูไปด้วยอากัปกิริยาที่ทรงสง่างาม
ฉวี่ซางยังคงเดินประกบข้างซ้ายขององค์ชายหก นําทางให้แก่เขา องค์ชายหกมองไปทางฉวี่ซาง จากนั้นก็เอียงคอพิจารณาบุรุษที่สวมใส่ชุดสีม่วงด้วย แววตาที่ไม่รู้ว่าสื่อถึงอะไร ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากออกมา แล้วย่างเท้าออกจากตำหนักไปจี้อี้ยิ้มออกมาทันใด เงาขององค์ชายหกหายไปจากห้องโถงตรงหน้า แล้วสายตาก็มาหยุดลงตรงการเดินหมากเกมส์นี้ของอีกฝ่าย จากนั้นก็หมุนตัวกลับ แขนเสื้อขนาดใหญ่ได้ตกลงมาราวกับก้อนเมฆ ลูกตาสีดำดุจมรกตอันสูงส่งก็ค่อยๆหม่นหมองลง ราวกับมีเมฆหมอกปกคลุม ประเดี๋ยวเดียว ก็ฟื้นกลับมาสภาพปกติ ก่อนก้าวตรงออกไปข้างนอกณ วังหลังของตำหนักอ๋องคัง ภายในห้องเก็บฟืนอันโกโรโกโสห้องหนึ่งภายนอกห้องมีเสียงพูดคุยของคนที่ดังใกล้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฟังดูโหดร้าย คังวี่จิ่นในเวลานี้มีใจสู้แต่ไร้พลังซึ่งจะสู้ แสดงพลังออกมาสิบส่วน แต่แท้จริงแล้วพลังลดลงเหลือเพียงแค่สามส่วน คังวี่จิ่นที่นอนคว่ำอยู่บนพื้นที่มีหญ้าแห้งปูรอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์ และทั้งโกรธเคือง“เจ้ากล้าทําร้ายข้า พาข้ามาขังที่นี่ อยากให้ข้าตายทั้งเป็นอย่างนั้นหรือ? ใต้หล้านี้ไม่มีใครโหดร้ายเช่นเจ้า เจ้าคนนิสัยไม่ดี......"“เขาเป็นพวกนิสัยไม่ดี แล้วเจ้าเล่าเป็นใคร ไม่ใช่ก็เป็นพวกนิสัยไม่ดีเช่นเดียวกันหรอกหรือ?” เมื่อเสียงประตูเปิดออก คนที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าออก ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่นำมาซึ่งเสียงหัวเราะ ที่ปะปนความเยาะเย้ยเบาๆคังวี่จิ่นหันหน้าไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าออก เมื่อเห็นมุมปากที่กระตุกยิ้มออกมาเช่นนั้น ก็รู้ได้ในทันทีว่าคือคังเสว่มี่น้องสาว “ผู้แสนดี” ของเขา“ข้าเป็นคนนิสัยไม่ดี แล้วเจ้าเป็นอะไร เป็นน้องสาวของคนนิสัยไม่ดีหรือ? หึ !" คังวี่จิ่นถลึงตาใส่นาง และกล่าวโดยไม่สบอารมณ์“ไม่มีจิตมโนธรรมสำนึก ข้าทำเพื่อช่วยเจ้า แต่กลับกลายเป็นเช่นนี้ ถูกขังไว้ในที่นี่คล้ายกับขอทาน แต่เจ้ายังจะมีหน้ามายืนหัวเราะข้าอีก หรือ!”
copy right hot novel pub