นางขบเม้มริมฝีปากไว้แน่น ความอบอุ่นได้ไหลเข้าสู่หัวใจอย่างช้าๆ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ส่งมาจากข้างในจิตใจอย่าง แท้จริง ก่อนพูดน้ำเสียงอันอบอุ่นว่า :
“ท่านพี่”
“อืม?”
คังวี่จิ่นกำลังตั้งหน้าตั้งตากินอาหารตรงหน้าโดยไม่ได้สังเกต เห็นสีหน้าท่าทางของนางแต่อย่างใด มิเช่นนั้นคงจะได้เห็นสีหน้าสับสนที่แสดงออกมาบน ใบหน้าของน้องสาวตัวเองแล้วอย่างแน่นอน
“ในเมื่อท่านไม่สามารถไปร้านอาหารจุ้ยเซียนได้อีกแล้วเช่นนั้น ก็อย่าเที่ยวตามคนอื่นออกไปข้างนอกอีกเลย เอาเวลาไปเรียน ณ โก๋วจื่อเจี้ยนดีกว่าไหม”
“อื้อ”
คังวี่จิ่นไม่อยากโต้แย้ง และไม่อยากรับฝีปากกับนางอย่างรุนแรง ดังนั้นนอกจากเงยหน้าขึ้นไปมองคังเสว่มี่ ด้วยแววตาประหลาดใจที่ส่องประกายระยิบระยับออกมา ก่อนจะพูดต่อว่า
“ถึงอย่างไรก็ไปร้านอาหารจุ้ยเซียนไม่ได้อีกแล้ว ไปโก๋วจื่อเจี้ยน คนเยอะ น่าจะสนุกยิ่งกว่า!"
คังเสว่มี่ "___"
แต่ถึงอย่างนั้นก็เอาเถอะ นางก็ไม่ได้คาดหวังว่าคนที่เป็นลูกผู้ดีตระกูลสูงส่งมาตั้งแต่ เด็กๆจะเปลี่ยนแปลงทั้งหมดได้ในชั่วพริบตาเดียว อย่างน้อยบรรยากาศในโก๋วจื่อเจี้ยนก็ถือว่าดีมาก
พื้นฐานครอบครัวย่อมตรงดั่งสุภาษิตจีนที่ว่า แม่ของเมิ่งจื่อต้องย้ายถิ่นฐานหลายครั้ง ซึ่งหมายความว่าแม่ย่อมต้องเลือกสิ่งดีๆให้แก่ลูกๆ ด้วยการพาบุตรชายเข้าเรียน แค่เพียงแค่ร่ำเรียนในทุกๆวัน ได้รับผลลัพธ์จากสิ่งที่ได้ยินได้เห็นเป็นประจำ ไม่มีทางเกเรเฉกเช่นเมื่อครั้งในอดีตอย่างแน่นอน
เข้ามาช่วยพี่ชายเปลี่ยนแปลงไปทีละขั้นๆเถอะ เมื่อรอให้คังวี่จิ่นได้เสวยอาหารหมดเกลี้ยง จนอิ่มท้องอย่างพอใจแล้ว ใบหน้าอันหล่อเหลาก็แสดงออกถึงความสบายใจขึ้นมา ทันใด จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายว่า:
“เสว่มี่ เดี๋ยวช่วงเที่ยง ก็อย่าลืมนำอาหารมาส่งให้แก่ข้าอีกล่ะ”
คังเสว่มี่มองไปทางเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เก็บจานรอง ตะเกียบที่อยู่บนพื้นให้เรียบร้อย ก่อนจะพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า :
“ข้าต้องพูดจาหว่านล้อม กว่าจะให้คิงคองแปด ตัวที่อยู่ข้างนอกปล่อยให้ข้าเข้ามา ข้ามาส่งอาหารให้แก่เจ้าตอนเที่ยงได้ แต่ไม่มั่นใจว่าจะเข้ามาได้”
คังวีจิ่นพูดจาประจบว่า “ข้ารู้ว่าเสว่มี่เก่ง
เจ้าต้องเข้ามาได้อย่างแน่นอน”
คังเสว่มี่ทอดถอนใจออกมา พร้อมกับนึกถึงรอยยิ้มของจื้อี้ที่เจอในวันนี้ ถึงแม้ว่านางจะรู้สึกว่าจี้อี้อันตรายก็ตาม
แต่ต้องยอมรับว่าจี้อี้นั้นก็เป็นคนหนึ่งที่สามารถให้คน หลงใหลกับรอยยิ้มที่พราวเสน่ห์นั้นของเขาได้ แม้จะยิ้มแค่เพียงบางๆก็ตามเถอะ
พร้อมกับใบหน้าที่หล่อเหลานั้น แต่ทำไมเวลาที่คังวี่จิ่นยิ้ม ถึงได้ทำให้รู้สึกถึงความ “โง่เง่า”กันล่ะ
และนิสัยประจำตัวก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
แต่ที่คังวี่จิ่นเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ ก็เป็นเพราะชายารองติงที่ตั้งใจให้คนมานำพาเขาออกไปในทางที่ไม่ดีต่างหากเล่า นางคิดอยู่สักพัก ก็หันหน้าไปมองทางคังวี่จิ่น
“ชายารองติงถูกจองจำอยู่ในศาล เจ้ารู้หรือไม่?"
คังวี่จิ่นหยุดนิ่งไปทันที หางตาคู่นั้นฉายแววตาประหลาดใจออกมา ก่อนจะเปลี่ยนแววตาทันใด เขาวางมือลง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านว่า
“รู้แล้ว ถูกจองจำกี่วันล่ะ ก็ทำอะไรไม่ได้นิ ข้าก็ถูกขังด้วยเหมือนกัน ! ถึงตอนนั้นอ๋องคังก็คงจะปล่อยนางออกมาเองแหละ!"
ดวงตาแพรวพราวดุจน้ำของคังเสว่มี่ที่ได้มองไปทางคังวี่จิ่น เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดูเหมือนคังวี่จิ่นจะไม่ได้ให้ความเคารพอะไรชายารองติงเลยสักนิด และก็ดูไม่รักใคร่ใส่ใจเท่าไหร่นักด้วย
นี่เป็นท่าทางของลูกหลานผู้ดีสูงส่งแสดงออกถึงการเอ่ยถึงอ๋องคังผู้เป็นบิดาของเขาหรอกหรือ เขาก็เอาแต่ด่าทอว่าเป็นลูกชายที่ไม่เอาไหน ไม่ได้เรื่อง ยิ่งไปกว่านั้นชายารองติงก็ไม่ใช่มารดาของเขาด้วย
เป็นเช่นนี้ก็ดี หากคังวี่จิ่นปกป้องชายารองติง ถึงตอนนั้นตอนที่นางต้องเผชิญหน้ากับชายารองติง นางคงได้ครุ่นคิดอีกว่าจะพูดเกลี้ยกล่อมคังวี่จิ่นได้อย่างไร
ในขณะที่กำลังถอนหายใจอย่างผ่อนคลายออกมาอยู่ นั้น คังเสว่มี่ก็เก็บกล่องอาหารเรียบร้อย จากนั้นก็ยืนขึ้น แล้วพูดกับคังวี่จิ่นว่า “เสวยเสร็จแล้วเจ้าก็อย่าเพิ่งบรรทมละเพคะ เจ้าให้ข้ามาส่งอาหารให้เจ้า เมื่อเจ้าเสวยเสร็จแล้ว ก็น่าจะพูดกับข้าสักสามคำนะ?”
เมื่อได้ยิน คังวี่จิ่นที่นอนคว้าอยู่บนกองหญ้า ก็ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกไม่สบายตัว หลังจากที่คิดอยู่สักพัก ก็เงยหน้าขึ้น แล้วชำเลืองมองอย่างงดงาม ก่อนพูดขึ้นว่า “มีอีกไหม?”
“ไปให้พ้นเลย!” คังเสว่มี่ไม่โทษท่าทางกลับกลอกของเขาที่มีต่อนาง คิ้วของนางยกสูงขึ้น นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ “เจ้าพักผ่อนดีๆละกัน อย่าวุ่นวาย ตอนนี้อ๋องคังทรงกริ้วมาก ผ่านไปสักพักก็น่าจะดีขึ้น”
“อย่าลืมนำขาหมูมาส่งให้ตอนเที่ยงด้วยละ ตุ๋นมาด้วยนะ ! แล้วก็เอาหมอนสักใบมาให้ด้วย......."
คงวี่จิ่นที่ทนเจ็บก้น ทนหิว และนอนไม่หลับมาตลอดทั้งคืน หลังจากที่กินอิ่มแล้วก็ชักจะง่วงเหงาหาวนอน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทางสะลึมสะลือ พร้อมกับใช้มือดึงหญ้าที่ทิ่มบนใบหน้าที่ให้ความรู้สึก ไม่สบายออก
คังเสว่มมองไปทางเขาแวบหนึ่ง นัยน์ตาฉายรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็ถอยหลังอย่างเบาๆออกไป
เมื่อกลับมาถึงเรือนหลิงหลง
คังเสว่มี่ก็นำกล่องอาหารส่งให้แก่ชวนหลัน จากนั้นก็สั่งให้นางไปบอกให้ในห้องเครื่องทำของบำรุงร่างกายภายในวันนี้ให้ ส่วนขาหมูตุ๋นนั้น....
เพราะก้นของคังวี่จิ่นยังบาดเจ็บอยู่ เพื่อไม่ให้มีรอยแผลเป็น ค้งเสว่มี่จึงได้เปลี่ยนเป็นทำขาหมูนึ่งให้เขา
หลังจากที่ออกคำสั่งเหล่านี้แล้ว นางก็ไปยังแปลงเพาะปลูกดอกไม้ด้านหลังเรือนหลัง หลงตัวคนเดียว
ถึงแม้ว่าเรือนหลิงหลงจะใช้ชื่อว่าหลิงหลงก็ตาม แต่มันก็ไม่เล็กเลย นอกจากห้องที่คังเสวี่มี่ อาศัยอยู่แล้ว ด้านนอกก็ยังมีห้องของนางสนมน้อยใหญ่อีก
หน้าต่างด้านนอกของนาง มีไม้ไผ่ที่ไม่ใหญ่มากอยู่กอหนึ่ง ด้านหน้าของไม้ไผ่มีแปลงดอกไม้เล็กๆปลูกไว้อยู่ แล้วก็ยังมีม้านั่งหินและเก้าอี้หินอีกด้วย เพื่อให้คนมานั่งมองทิวทัศน์และตากลมสบายๆ
แน่นอนว่า จุดประสงค์ที่ค้งเสวมี่ที่มาที่นี่ ไม่ใช่เพื่อมานั่งดูทิวทัศน์แต่อย่างใด แต่ต้องการฝึกฝนวิชาต์ยิ้วเบาให้แกร่งกล้าขึ้น
และสั่งไม่ให้ชวนหลันและสาวใช้คนอื่นๆเข้ามารบกวน นาง หลังจากมาถึงพื้นที่ที่เงียบสงบแล้ว
คังเสว่มี่ก็นึกอากัปกิริยาของจี้อี้ในสมอง ค่อยๆพ่นลมหายใจช้าๆ
หลังจากที่นางหายใจเข้าออกเพื่อปรับสมดุลให้กลมเกลียวกัน
จนกระทั่งมีลมอุ่นที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนลอยขึ้นมาใน บริเวณหน้าท้องน้อยอย่างช้าๆ ราวกับมีเตาเล็กๆวางอยู่บริเวณหน้าท้อง กลิ่นอายความอุ่นก็ลอยเวียนวนอยู่ภายใน
นางรู้ยินดีปรีดาในใจ ดูเหมือนว่าวิธีการจะถูกต้อง หลังจากนั้นก็ให้ลมหายใจค้นหาตำแหน่งตันเทียนอย่าง ช้าๆ
และแพร่กระจายออกไปตามแขนขาและทั่วทั้งร่างกาย เส้นเลือดถูกเปาลมเข้าไปราวกับลูกโปร่ง จนร่างทั้งร่างลอยขึ้น
เกือบแล้ว!
คังเสว่มกางมือข้างหนึ่ง ปลายเท้าแตะไปบนพื้นดินเบาๆ เมื่อเห็นนางลอยได้ ราวกับนกน้อยตัวหนึ่ง จนสูงจากพื้นดินขึ้นมาสามจั้งและจนกระทั่งมองเห็นสะพานเล็กๆรอบนอกกำแพง เมืองยืนที่สูง ก็เห็นได้ไกลขึ้น !ช่างมหัศจรรย์เสียจริง ไม่ต้องพึ่งพลังอื่นใด ก็สามารถมองข้ามแรงโน้มถ่วงไปได้ คังเสว่มี่คลี่ยิ้มมุมปากกว้างออกมา นางลอยตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง เพื่อลิ้มลองความรู้สึกที่เคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศเมื่อยกเท้าซ้ายขึ้นมาได้ไม่นาน ภายในการไหลเวียนของอากาศเส้นเลือดก็มลายหายไปอย่างฉับพลัน ร่างกายก็เสมือนถูกดึงไว้ จนร่างทั้งร่างได้ร่วงหล่นลงไป ล้มลงไปกองกับพื้นโดยตรงยังดีที่แปลงเพาะปลูกดอกไม้ด้านล่างนั้นเป็นหญ้าหนาๆ นางมีปฏิกิริยาตอบสนองได้เร็ว เมื่อล้มลงไปจึงไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด นอกจากรู้สึกท้อใจอยู่ในจิตใจเท่านั้นลอยขึ้นมาได้ ยังไม่ทันได้เดินก็ร่วงลงมาแล้วคังเสว่มี่ ขมวดปมคิ้วแน่น จากนั้นก็ปัดเศษหญ้าออก แล้วยืนขึ้น จากนั้นก็มองไปบนท้องฟ้าของกำแพงด้านนอกในเมื่อลอยขึ้นมาได้แล้ว จะลอยอีกครั้งก็น่าจะยาก เพียงแค่ต้องฝึกฝนหน่อย ควบคุมเคล็ดลับในการลอยขึ้น ไม่นาน นางต้องสามารถลอยตัวจนมองไม่เห็นแม้แต่เงาในชั่ว พริบตาเดียวเฉกเช่นเดียวกับจี้อี้อย่างแน่นอนในตอนที่คังเสวีมี่อบรมการเป็นสายลับเมื่อครั้งอดีตนั้น นางแข็งแรงมาก หากเป็นเรื่องที่นางต้องทำ ถึงจะไม่ต้องใช้พลังจิตวิญญาณที่กล้าแกร่ง นางก็ทำออกมาได้ดี
copy right hot novel pub