โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 87 ความลับ

ในตอนที่คังเสว่มี่อบรมการเป็นสายลับเมื่อครั้งอดีตนั้น นางแข็งแรงมาก หากเป็นเรื่องที่นางต้องทำ ถึงจะไม่ต้องใช้พลังจิตวิญญาณที่กล้าแกร่งนางก็ทำได้ดี

เมื่อเป็นแบบนี้ นอกจากเวลาในการส่งอาหารแล้ว นางก็มักจะมาฝึกซ้อม ณ แปลงเพาะปลูก จนกระทั่งฟ้ามืดลง จึงได้กลับห้องมาด้วยความเหนื่อยหน่าย

ก่อนจะสั่งให้ชวนหลันเตรียมน้ำไว้ หลังจากที่อาบน้ำจนสะอาดแล้ว ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง

ชวนหลันนั่งลงบนม้านั่งเล็กข้างหัวเตียงถือผ้าไว้ในมือ จากนั้นก็ช่วยคังเสว่มี่เช็ดน้ำบนเส้นผมด้วยความตั้งใจ

คังเสว่มี่ลืมตาขึ้นมาแล้วมองไปทางลวดลายแกะสลัก บนชายคาบ้าน

หลังจากที่มองไปทางลายดอกไม้จำนวนไม่น้อยด้านบนก่อนจะทอดถอนใจออกมา

ในยุคสมัยนี้ไม่มีไดร์เป่าผม ผมที่ไว้ยาว หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว จำเป็นต้องให้คนมาช่วยเช็ดผม ไม่สะดวกสบายเลยจริงๆ

นางยกนิ้วชี้ข้างซ้ายและนิ้วหัวแม่มือข้างขวา นิ้วชี้ข้างขวาและนิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายขึ้นมาต่อกันด้วยความเบื่อหน่าย เล่นอยู่สักพัก ก็ยิ่งรู้สึกน่าเบื่อหน่ายมากเสียจริง เมื่อนึกได้ว่าตัวเองมาอยู่ในยุคสมัยนี้หลายวันแล้ว

น่าจะคว้าโอกาสนี้ทำความเข้าใจวัฒนธรรมบางส่วนในยุคสมัยโบราณ

เพื่อหลีกเลี่ยงการพูดจาที่ทำให้ตนเองดูกลายเป็นคนตาบอดดีกว่า ไม่มีวัฒนธรรมไม่เป็นไร ไม่มีความรู้นี่สิ ช่างน่ากลัวยิ่งกว่า

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ คังเสว่มี่ก็หมุนตัว จนทำให้ผมที่อยู่ในมือของชวนหลันลื่นไหลออกไป จากนั้นก็พูดขึ้นพร้อมกับหรี่ตาลงว่า

“ชวนหลันไปเอาหนังสือสักสองสามเล่มมาให้ข้าอ่านหน่อย”

เมื่อชวนหลันที่กำลังเปลี่ยนผ้าเช็ดผมอีกผืนหนึ่งได้ยิน คำพูดของคังเสว่มี่

ดวงตาสีดำขาวก็ฉายแววประหลาดใจออกมา จากนั้นก็มองไปทางนางพร้อมกับขมวดปมคิ้ว ก่อนจะพูดขึ้นว่า

“คุณหนู ท่านไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน เรือนหลิงหลงของเราจึงไม่มีหนังสือสักเล่ม ทำไมวันนี้ถึงได้อยากอ่านหนังสือขึ้นมาละเพคะ?"

เมื่อได้ยินดังนั้น คังเสว่มี่ก็พลิกตัวลุกขึ้นมานั่งสายตาจ้องไปทางชวนหลัน ดวงตาแวววาวราวกับหยดน้ำคู่นั้นก็แสดงออกถึงความประหลาดใจลึกๆออกมา

คังเสว่มี่ไม่เคยอ่านหนังสือ?

แต่ในความทรงจำของนาง คังเสว่มี่กลับมีความรู้มากมายเชียวนะนอกจากจะเฉยเมยต่อผู้อื่น โดยไม่เข้าใจอะไรเลยแล้ว

ภาพวาดทั้งสี่ ความรู้ด้านดาราศาสตร์ บทกวีและบทเพลง ก็ล้วนแล้วแต่มีความรู้อยู่เป็นจำนวนมากอยู่ในคลังสมองทั้งนั้น

ไม่มีทางที่จะเป็นคนที่ไม่อ่านหนังสือมาก่อนอย่าง แน่นอน!

เมื่อชวนหลันเห็นอากัปกิริยาของคังเสว่มี่ จึงคิดว่าตนเองออกแรงในการเช็ดผมมากเกินไป จนทำให้นางเจ็บ ใบหน้าจึงแสดงออกถึงความไม่สบายใจ ก่อนจะรีบกล่าวขอโทษ

“คุณหนู หม่อมฉันออกแรงมากเกินไป จนดึงผมของท่านแรงไปใช่หรือไม่เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะระวังมากกว่านี้ ท่านรีบนอนลงเถอะ ระวังน้ำหยดใส่ตัว เดี๋ยวจะหนาวเอาได้แล้วไม่สบายอีกนะเพคะ”

“อื้อ” คังเสว่มี่มองไปทางท่าทางของอีกฝ่าย โดยที่ไม่กล่าวอะไร นอกจากพยักหน้า แล้วนอนลงมาอย่างช้า ๆ

มือทั้งสองข้างประสานกันไว้บนหน้าอก แววตาฉายแววครุ่นคิด

เมื่อสักครู่นางตื่นตระหนกเกินไปจริงๆ คือเรื่องที่คังเสว่มี่ที่ไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน ชวนหลันที่อยู่เคียงข้างเจ้าของร่างเดิมมาโดยตลอด จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับเจ้าของร่างเดิมเป็นอย่างดี

แต่ชวนหลันกลับพูดว่า ไม่เคยเห็นคังเสว่มี่อ่านหนังสือมาก่อน

นัยน์ตาแวววาวของชวนหลัน นางดูออก ชวนหลันไม่มีทางโกหกอย่างแน่นอน แต่ความทรงจำทั้งหมดในหัวสมอง จะอธิบายได้อย่างไรละ?

นางกระพริบตาอย่างช้า ๆ เพื่อให้แววตาแห่งความประหลาดใจหายไปจากนัยน์ตา จากนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็มองไปด้านบนด้วยความเหม่อลอย ก่อนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า

“ชวนหลัน คุณหนูของเจ้าเติบโตมาจนถึงตอนนี้ และยังเป็นบุตรสาวสายตรงของพระชายาเอกของท่านอ๋องอีก แต่ไม่ยักจะอ่านหนังสือเลย ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก?”

มือไม้ของชวนหลันพันมั่วไปหมด แต่ใบหน้ากลับไม่ได้แสดงสีหน้าคาดไม่ถึงอะไรแต่ อย่างใด เมื่อเห็นคังเสว่มี่เงียบลง ไม่มีสีหน้าแห่งความเจ็บปวดอีก จึงถามไปตรง ๆว่า

“คุณหนู เมื่อก่อนท่านไม่สนใจอะไรเลย ไม่ใส่ใจอะไรเลย เอาแต่นั่งเหม่อลอยทั้งวัน หม่อมฉันคุยกับคุณหนูท่านก็ไม่สนใจ อย่าว่าแต่อ่านหนังสือเลย แม้เวลาที่ให้ท่านเล่นตุ๊กตา ท่านก็ทิ้งไว้ข้างกาย

ไม่สนใจใยดีอะไรแต่อย่างใดเลยเพคะ

เมื่อท่านอ๋องเห็นท่านเป็นเช่นนี้จึงไม่ส่งท่านไปโรงเรียน

แต่เชิญนักปราชญ์มาสอนท่านวาดภาพเขียนหนังสือ โดยเฉพาะ ท่านไม่ชอบพูด

เมื่อครั้งที่นักปราชญ์ถามท่าน ท่านก็ไม่ตอบ ไม่มองเขาไม่พูดคุยกับแต่อย่างใดจึงไม่รู้ว่าท่านเรียนเป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อเป็นเช่นนี้หลายครั้ง

หลังจากที่ผ่านนักปราชญ์ไปหลายคนแล้ว ท่านอ๋องก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีกเลยเพคะ”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เมื่อชวนหลันพูดเช่นนี้

คังเสว่มี่กลับปรากฏความทรงจำช่วงเวลาหนึ่งขึ้นมาในสมองของนาง

ในความทรงจำนั้นมีช่วงเวลาหนึ่ง ที่เด็กผู้หญิงรูปร่างผอมบางคนนี้ ได้แอบหยิบไข่มุกราตรีเม็ดหนึ่งในเวลากลางคืนออกมา

จากนั้นก็นั่งลงอ่านหนังสือในมุมห้อง นางดูดซับความรู้ในหนังสือด้วยความกระตือรือร้น และอ่านอย่างตั้งใจมาก

ถึงแม้ว่าเด็กหญิงผู้นั้นจะดูเหมือนอายุไม่ถึง สิบขวบก็ตาม

แต่ดูจากโครงหน้าที่มีประสาทสัมผัสทั้งห้าแล้ว นั้นเป็นช่วงวัยเยาว์ของคังเสว่มี่แน่นอน

ส่วนช่วงเวลาอีกส่วนหนึ่งเป็นช่วงเวลาดึกดื่นค่อนคืน

คังเสว่มี่ตัวน้อยมักจะตื่นตรงเวลาเสมอ นางชอบเดินออกไปด้านนอกด้วยร่างกายที่คล่องแคล่ว และเงียบ เห็นปุ๊ปก็รู้เลยว่ามีกำลังภายใน และเข้าใจวิชาตัวเบาในทันที

ในช่วงเวลานี้เอง

ด้านนอกมักจะมีเงาบางอย่างปรากฏตัวออกมา แฉลบผ่านไปราวกับมีคนเดินทะลุผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในช่วงเวลาทั้งสองช่วงเวลานี้ค่อนข้างชัดเจนมาก นอกจากนี้ก็ยังมีเศษเสี้ยวเล็กๆอยู่บางส่วน ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใด

นางออกแรงนึกช่วงเวลาเศษเสี้ยวเล็กๆเหล่านั้น

ร่างเดิมเคยอ่านหนังสือมาก่อน หนังสือเล่มนั้นอยู่ที่ไหนกัน?

หลังจากที่นางหวนนึกถึง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็แผ่ขยายออกมาจากหน้าผาก

ลากจนมาถึงเส้นประสาทบนหนังศีรษะ จนเกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สามารถคิดต่อไปได้อีก

เมื่อรอให้ความเจ็บปวดค่อยๆจางลงอย่างช้าๆแล้ว คังเสว่มี่ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆอีกครั้ง

จนกระทั่งชวนหลันถอยกลับไปแล้ว ไม่รู้ว่านางใช้ความคิดนี้ไปนานมากแค่ไหน ในห้องจึงเหลือแค่เพียงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเงียบงันจนสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง

ทั่วทั้งห้องมีกลิ่นดอกมะลิที่ลอยออกมาจากเครื่องหอมที่ชวนหลันจุดเอาไว้คงเสว่มี่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา แววตาลึกซึ้ง จากนั้นมองไปทางมืออันขาวละเอียดทั้งสองข้างนี้ด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆออกมาถึงจะใช้มาหลายวันแล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกแปลกหน้าอยู่ดี หน้าก็ดี มือก็ดี เดี๋ยวก็คงจะคุ้นเคยในที่สุดแหละตอนนี้นางรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดในใจ ถึงอย่างไรก็เป็นเจ้าของร่างนี้แล้วนางเคยคิดว่านางเป็นเพียงแค่หญิงสาวธรรมดาๆผู้หนึ่ง เพราะโรคออทิสซึ่มจึงมักถูกคนเหยียดหยามได้โดยง่ายแต่เมื่อเห็นจากวันนี้แล้วร่างกายนี้น่าจะมีความลับที่แปลกประหลาดที่นางไม่รู้อยู่บางส่วนแน่นอน ถึงแม้ว่าความทรงจําของเจ้าของร่างเดิมนั้นทำให้นางมักจะรู้สึกขาดๆไปเสมอ ราวกับว่าเป็นภาพยนตร์ที่ถูกตัด บางครั้งก็วางเปล่า ไม่มีแม้แต่ร่องรอยใดๆก็ตามเป็นไปได้ไหมว่าความรู้ทั้งหมดที่เจ้าของร่างมีไม่ว่าจะเกี่ยวกับกำลังภายในที่เจ้าของร่างเดิมมีทั้งหมดนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีคนรู้แต่อย่างใด คนของตำหนักอ๋องไม่รู้ อ๋องคังไม่รู้ คังวี่จิ่นไม่รู้ ชายารองติงไม่รู้ คังเสี้ยเหอไม่รู้ แม้แต่คนที่สนิทที่สุดอย่างชวนหลันก็ไม่รู้จากความทรงจำในสมองของนางคนที่เป็นออทิสซึ่มทำไมถึงได้มีความลับที่ลึกซึ้งขนาดนี้เล่า?ออทิสซึ่มของคังเสว่มี่นั้นไม่เหมือนกับเสแสร้งแกล้งทำแน่ๆ แล้วไหนจะเงาดำด้านนอกในความทรงจำนั้นอีก แค่เขาปรากฏตัว คังเสว่มี่ก็ปีนออกจากตำหนักแล้ว เขาเป็นผู้ถ่ายทอดกำลังภายในของคังเสว่มี่ใช่หรือไม่?

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์