หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้ว เซียงเต่ก็มองลงไปที่ผมของนาง แล้วถามนางด้วยความเคารพว่า “คุณหนูจะเกล้ามวยผมทรงไหนหรือเจ้าคะ?”
“ไม่ต้องแล้ว ปล่อยให้มันสยายออกแบบนี้แหล่ะ” คังเสว่มี่โบกไม้โบกมือ ผมของนางยังคงเปียกอยู่ การเกล้ามวยผมขึ้นถึงแม้ว่าจะดูดี แต่ผมที่เปียกและไม่แห้งก็อาจทำให้ไม่สบายได้ ปล่อยให้โดนลมพัดตอนกลางคืน ประเดี๋ยวเดียวก็แห้งแล้ว
เซียงเต่เชื่อฟังคำสั่งเป็นอย่างมาก หลังจากที่เห็นคังเสว่มี่บอกว่าไม่ต้องการอะไร นางก็ถอยออกไป
พอเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าแห้งๆแล้ว คังเสว่มี่ก็มีความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะบนผิวหนังอีกแล้ว
หลังจากนั้น คังเสว่มี่จึงเปิดประตูแล้วก็เดินออกไป
อากาศร้อนกลุ่มหนึ่งคละเคล้ากับสายลมในยามค่ำคืน พัดเข้ามาปะทะที่ใบหน้า รูขุมขนรู้สึกผ่อนคลายไปทั่วทั้งตัว คังเสว่มี่รู้สึกสบายอย่างยากที่จะหาใดเปรียบขึ้นมาโดยฉับพลัน นางยืนสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆอากาศบริสุทธิ์ทำให้นางรู้สึกว่าสายลมช่างเย็นสบายนัก
“วันนี้ ดึกขนาดนี้แล้ว ยังอยากจะเรียนวรยุทธ์อยู่อีกหรือ?”
ไป๋หลี่เหลียนเอ่ยปากถาม สายตามองหญิงสาวที่กำลังเหยียดแขนทั้งสองข้าง ออกไปในยามค่ำคืนด้วยความประหลาดใจ
นางหลับตาลงเล็กน้อย ขนตาที่งอนงามราวกับปีกผีเสื้อ กระทบกับแสงดาวที่สาดส่องลงมา พลิ้วไหวเบาๆอยู่บนดวงตาของนาง
มุมปากที่ถูกยกขึ้นเล็กน้อย มีสีสันและความแวววาวที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเคลิบเคลิ้มหลงใหล เหมือนกับได้แบกรับความฝันอันแสนหวานเอาไว้ด้วย ความปิติยินดี ทำให้จิตใจสั่นไหวโดยไม่มีสาเหตุ
“เรียน ต้องเรียนแน่นอนอยู่แล้วเพคะ” คังเสว่มี่ชักมือกลับ แล้วหันไปมองไป๋หลี่เหลียน นางใช้วิชาตัวเบาเพื่อที่จะบินออกมา และยังจะต้องบินกลับไปด้วยวิชาตัวเบาอีก
ในเมื่อออกจากบ้านมาสองชั่วยามแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนให้ได้ว่าทำไม กำลังภายในถึงได้หายไปอย่างไม่มีสาเหตุ
ความฝันที่เกิดขึ้นชั่วพริบตาเดียวเมื่อสักครู่นี้ของไป๋หลี่ เหลียนก็มลายหายไปในทันที สายตาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของนาง แล้วหยุดอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จัก และทําเหมือนกับมองไปไกลๆ พลางเอ่ยถาม “เจ้าจะเรียนอะไร?”
“ข้าอยากเรียนวิชาตัวเบาเพคะ” คังเสว่มี่พูดออกไปโดยไม่ลังเล
วิชาตัวเบาจะต้องเป็นวิชาที่นางจะต้องเรียนอย่างแน่นอน ในการเรียนศิลปะการต่อสู้ จะต้องมีกำลังภายในเป็นพื้นฐาน ซึ่งนางมีกำลังภายในอยู่แล้ว เช่นนั้นจะต้องเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วแน่ๆ
มีวิชาตัวเบาเสริมเข้ามา กังฟูที่เรียนมาก่อนหน้านี้ก็จะสามารถแสดงออกมาได้ดี ยิ่งขึ้น
ถ้าหากเผชิญกับอันตราย แล้วไม่สามารถเอาชนะไปได้จริงๆ นางก็ยังสามารถหนีออกมาได้
นอกจากนางจะต้องการดูว่าจริงๆแล้วปัญหาคืออะไร เป็นเพราะวิชาตัวเบาของเจ้าคนเจ้าเล่ห์จี้มีปัญหา หรือว่ากำลังภายในของนางมีปัญหากันแน่
ไป๋หลี่เหลียนพยักหน้า “ผู้หญิงร่างกายอ้อนแอ้น เรียนวิชาตัวเบาไม่เลวเลยจริงๆ เจ้าเคยเรียนมาก่อนหรือ?”
ดูจากท่าทางการเดินของคังเสว่มี่แล้ว นางน่าจะเคยมีพื้นฐานการต่อสู้มาก่อน แต่ว่าฝีเท้ากลับไม่มีความสุขุมเยือกเย็นอย่างที่ผู้ฝึกวิชาควรมี
ดูเหมือนราวกับว่าไม่มีกำลังภายในอย่างไรอย่างนั้น
คังเสว่มี่คิดแล้วคิดอีกว่า ในเมื่อต้องการเรียนศิลปะการต่อสู้ เช่นนั้นก็ไม่อาจปิดบังเอาไว้ได้ ต่อไปจะได้ไม่เหลืออะไรให้ต้องเสียใจในภายหลัง ถ้าเป็นเช่นนั้นจะไปโทษคนอื่นก็ไม่ได้
“หม่อมฉันเคยเรียนวิชาตัวเบาด้วยตัวเองมานิด หน่อยเพคะ
แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอบินขึ้นไปได้ครึ่งหนึ่งก็ร่วงลงมาทันทีเลย”
“ร่วงลงมาทันทีเลยอย่างนั้นหรือ? เหตุการณ์เช่นนี้พบเห็นไม่มากนัก
ก่อนอื่นเจ้าลองบินให้ข้าดูสักครั้งหน่อยสิ บินจากตรงนี้ไปถึงในลานบ้านหนึ่งรอบก็แล้วกัน” ไป๋หลี่เหลียนได้ฟังสถานการณ์ของคังเสว่มี่เขาก็ขมวดคิ้ว ตั้งใจสังเกตมองแล้วค่อยพูดออกมา
เพราะทุกคนมีสติปัญญาและพรสวรรค์ที่แตกต่างกันใน การเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ หลังจากดูแล้ว จึงได้รู้ว่าสิ่งใดเหมาะสมที่สุด
“ได้เพคะ” คังเสวีมี่พยักหน้า ก้มหัวลู่ตาลงต่ำมองหอหลังเล็กสูงสองชั้นที่อยู่ห่างจาก พื้นดินตำแหน่งที่นางยืนอยู่ประมาณสามเมตร
ถึงแม้ว่าจะลอยไม่ขึ้น แต่นางก็ไม่บาดเจ็บจากการหกล้มเลย
นาง ฝึกมาสองสามวันแล้ว จึงเข้าใจวิธีเกร็งกำลังภายในที่อยู่ภายในร่างกายให้ ออกมาอย่างช้าๆเป็นอย่างดี
ในครั้งนี้ กำลังภายในได้ไหลออกมาจากจุดตันเถียนแล้วกระจายไปที่มือและเท้าทั้งสองทั่วทั้งร่างกายก็ลอยขึ้นมาอย่างเบาหวิวเหมือนกับครั้งก่อน
นางรู้สึกดีอกดีใจอยู่ในใจ ปลายเท้าแตะอยู่บนราวเล็กน้อย แล้วก็ลอยขึ้นไปในอากาศ
นางลอยขึ้นไปบนกำแพงรั้วที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างราบรื่น คังเสว่มี่หันหลังกลับมา แล้วลอยกลับมาที่หอหลังเล็กอีกครั้ง ทันใดนั้นใบหน้าเล็กขาวและกำลังภายในก็มลายหายไป อย่างไร้ร่องรอยในฉับพลันเหมือนกับตอนที่ไล่ตามชายชุดดำเมื่อสักครู่นี้
และแล้วเสียงตกลงบนกำแพงรั้วก็ดังตูมขึ้นมา เท้าของนางกระทบบนกำแพงอย่างแรง นี่มันเกิดเหตุอันใดขึ้นกันเนี่ย!
ไป๋หลี่เหลียนขมวดคิ้วมองดูท่าทางโบกไม้โบกมือใน การใช้วิชาตัวเบาของคังเสว่มี่ที่อยู่บนหอหลังเล็ก แล้วสายตาก็มองไปบนร่างที่แฉลบผ่านขึ้นไปด้วย ความลุ่มลึกและเงียบสงัด
เหมือนเมฆสีขาวบริสุทธิ์บนท้องฟ้าก้อนหนึ่ง ที่ค่อยๆลดต่ำลงและผ่านไปอย่างช้าๆบนท้องฟ้าในยาม ราตรี ละมุนละไมและสง่างาม ดูเหมือนจะมีความรู้สึกคุ้นชินอยู่บ้างเล็กน้อย
เมื่อเห็นนางร่วงลงมาข้างล่างกำแพง ประดุจดั่งใยดอกฝ้ายที่ปลิวกระจายไปในอากาศที่ ร่างกายก็ลอยแฉลบออกไป อ่อนช้อยและไร้เดียงสา แล้วลอยลงมาอยู่ข้างกายของนาง เขาเหยียดนิ้วมือที่เรียวยาวออกมาประคองนางไว้ และพูดว่า
“ท่าทางตอนลอยตัวขึ้นมาของเจ้าไม่มีปัญหาอะไร แต่ลมปราณของเจ้าไม่ปกติเป็นอย่างมาก
ข้าจะช่วยตรวจดูให้ว่ากำลังภายในของเจ้าผิดปกติ หรือไม่ ?”
คังเสว่มีม้วนแขนเสื้อขึ้น ส่งมือให้เขาแล้วบ่นพึมพำออกมาว่า
“หม่อมฉันก็สงสัยเช่นกันเพคะว่ากำลังภายในมีปัญหา แต่ดูจากที่พระองค์บินได้อย่างรวดเร็วฉับไวมากและ ท่าทางที่เก่งมากๆนั้นของพระองค์แล้ว จี้อี้เขาก็ยังถือว่าบินช้ากว่ามาก ฝีมือของเขาน่าจะไม่ดีเท่าพระองค์ใช่ไหมเพคะ?”
ไป๋หลี่เหลียนจับข้อมือขาวๆของคังเสว่มี่ไว้ในมืออย่าง ลึกซึ้งแต่ในดวงตากลับแสดงความประหลาดใจออกมาเล็ก น้อย เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า“เจ้าเคยเห็นจี้อี้ใช้วิชาตัวเบาตอนไหน? เขาไม่เคยแสดงฝีมือต่อหน้าผู้คนมาหลายปีแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้อย่างแน่ชัดว่าตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหน”คังเสว่มี่เบ้ปาก แล้วพูดอย่างเหยียดหยามว่า “แน่นอนอยู่แล้วเพคะฝีมือการต่อสู้ไม่ดีก็จะไม่ปรากฏแก่สายตาสาธารณชน หรอกทั้งนี้จะได้ไม่ทำให้ชื่อเสียงของคุณชายใหญ่ของเมือง ของเขาต้องเสื่อมเสียอีกด้วยหม่อมฉันเห็นการเคลื่อนไหวของเขาแล้วเขาช้ากว่าพระองค์อย่างน้อยห้าเท่า ตอนที่พระองค์บินขึ้นมาหม่อมฉันมองไม่ชัดเลย แต่การเคลื่อนไหวของเขาหม่อมฉันจำได้อย่างชัดเจน เลยล่ะเพคะ”วิชาตัวเบาของนางก็แอบเรียนมาจากจี้อี้นั่นแหล่ะอากัปกิริยานั้นตรงกันข้ามกับผู้หญิงธรรมดาโดยสิ้น ตอนที่ได้ยินนางพูดถึงจี้อี้ ไป๋หลี่เหลียนหัวเราะเบาๆ ส่ายหน้าและพูดว่า...
copy right hot novel pub