แต่นางจะรอให้ไป๋หลี่เหลียนมาสอนวรยุทธ์นาง รออีกสักครู่หนึ่ง นางถึงจะลุกขึ้น
“คุณหนูเจ้าขา เราควรวางแผนงานตั้งแต่เช้าตรู่นะเจ้าคะ ตอนนี้ยังไม่ถึงฤดูใบไม้ร่วง ถึงช่วงบ่ายแล้ว แสงอาทิตย์จะค่อนข้างจัด พอท่านไปฝึกวิชาตัวเบาก็จะทำให้ร้อนได้ ดังนั้นตื่นแต่เช้าเรียนแต่เช้าตอนบ่ายจะได้ไม่ได้ตากแดดจนดำนะเจ้าคะ”
พอพูดถึงเรื่องของคังเสว่มี่แล้ว ชวนหลันยังใส่ใจมากว่าเรื่องของตัวเองเสียอีก ไม่สู้ลุกขึ้นมาแต่เช้าดีกว่า
คังเสว่มียืดผ้าห่มที่คลุมศีรษะออก แล้วบ่นพึมพำว่า “อีกแป๊บเดียวค่อยตื่นนะ ชวนหลัน ข้าขอหลับอีกครึ่งชั่วยามนะ หลังจากครึ่งชั่วยามแล้วค่อยมาปลุกข้าก็แล้วกัน”
ชวนหลันเห็นสภาพนางเป็นเช่นนี้ อุดอู้อยู่ในแต่ในผ้าห่มทั้งตัว ก็กลัวว่านางจะอึดอัด
หลังจากที่คุณหนูของตัวเองพูดเช่นนั้นออกมา นางก็รู้ว่า ถึงคุณหนูจะดูเหมือนว่าเป็นคนง่ายๆสบายๆ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ว่าจะพูดดีอย่างไรก็ไม่อาจ เปลี่ยนแปลงนิสัยที่เอาแต่ใจของนางได้
ตอนนี้นางกำหนดเวลาครึ่งชั่วยามมาแล้ว แสดงว่านางน่าจะนอนไม่พอกระมัง
“เช่นนั้นคุณหนูก็นอนพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ หลังจากครึ่งชั่วยามข้าจะมาปลุกท่านนะเจ้าคะ"
ดังเสวมีพยักหน้า แล้วใช้ขาข้างหนึ่งเตะผ้าห่มออกจากร่างกาย พลิกตัวกลับ แล้วก็นอนต่อ
ชวนหลันเห็นท่าทางที่นางกอดผ้าห่มอย่างพึงพอใจ นางก็เลยยิ้มอย่างเอือมระอา แม้ว่าคุณหนูจะเป็นคนฉลาดมาก แต่ก็ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมจะออกเรือนได้เลย นางยังเป็นเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง
นางค่อยๆถอยออกไป ปิดประตูห้องให้เรียบร้อย กำชับคนที่อยู่ในลานบ้านให้ทำอะไรเบาๆหน่อย ห้ามส่งเสียงดังรบกวนการนอนหลับของคังเสว่มี่
เวลาผ่านไปไม่นาน ก็เห็นอาชีเดินมาถึงหน้าประตูแล้ว มองเห็นชวนหลันนั่งอยู่ในลานบ้าน จึงถามว่า
“คุณหนูใหญ่ตื่นหรือยัง?”
“ยังไม่ตื่นเลย อาชี มีเรื่องอะไรหรือไม่?” ชวนหลันถาม
อาชีพูดว่า “องค์ชายหกมาถึงตำหนักแล้ว บอกว่าวันนี้จะมาพบคุณหนูใหญ่ตามที่นัดเอาไว้แล้วน่ะ"
"ข้าจะลองไปถามคุณหนูใหญ่ดูนะ ถ้าหากนัดเอาไว้จริงๆ ก็จะบอกนางว่า วันนี้องค์ชายหกมาถึงแล้ว กำลังรออยู่ในห้องรับรองแขก”
ชวนหลันขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ว่านางอยู่กับคุณหนูตลอดเวลา ไม่เคยพบเจอองค์ชายหกเลยนะ คุณหนูเอาเวลาตอนไหนไปนัดองค์ชายหกล่ะ?
แต่พอคิดถึงวันนั้น ตอนที่นางไปเอารถม้า คุณหนูยังกลับมาด้วยกันกับจี้ซื่อจื่อ บางทีอาจจะเป็นตอนนั้นก็เป็นได้
“แต่เมื่อสักครู่นี้คุณหนูสั่งแล้วว่า อีกครึ่งชั่วยามค่อยปลุกนางนะ”
อาชีโบกมือไปมา แล้วพูดว่า “เจ้าไปถามสักหน่อยเถิด ถ้ามีนัดกับองค์ชายหกจริงๆ คุณหนูใหญ่ต้องลุกขึ้นมาแน่ๆ ถ้าไม่ได้นัด น่าจะพูดแค่คำเดียว รีบไปเร็วเข้า!”
ชวนหลันก็คิดเหมือนกัน จึงเข้าไปดูคังเสว่มี่ที่กำลังนอนหลับอยู่ในห้อง ก่อนที่จะพูดเสียงเบาๆว่า “คุณหนูเจ้าคะ?”
คังเสว่มีไม่ไหวติง
นางเม้มปากเล็กน้อย แล้วก็พูดอีกว่า
“คุณหนูเจ้าคะ?”
“ชวนหลัน เจ้าจะมาทําไมอีก ถึงครึ่งชั่วยามแล้วรึ?” คังเสว่มี่บ่นพึมพำ
“ยังไม่ถึง....”
พอเห็นหน้าตาของคังเสว่มี่หงิกงอขึ้นมาด้วยความไม่ พอใจ จนอยากจะยกเท้ามาถีบนาง ชวนหลันจึงรีบพูดออกไปว่า
“คุณหนู ไม่ใช่ว่าชวนหลันอยากจะมารบกวนท่านนะเจ้าคะ เมื่อกี้อาชีบอกว่าองค์ชายหกมารอคุณหนูอยู่ในตำหนักแล้วเจ้าค่ะ
จึงอยากให้ข้าน้อยมาถามคุณหนูว่าองค์ชายหกมีนัด กับท่านใช่หรือไม่น่ะเจ้าค่ะ!”
หลังจากที่พูดจบ พอเห็นคังเสว่มี่ชักเท้ากลับไปแล้ว ชวนหลันจึงโล่งอก ดูท่าคุณหนูจะมีอารมณ์โกรธเกรี้ยวหลังตื่นนอนนะ และไม่ชอบให้ใครมารบกวนจนทำให้ตื่นนอน
นางเกาศีรษะ คังเสว่มี่ลุกขึ้นมานั่ง ยังสะลึมสะลือ แล้วพูดว่า
“ทำไมเขาถึงมาเช้าขนาดนี้ เขาไม่ต้องหลับต้องนอนหรืออย่างไร? ไปเอาน้ำมาสิ!”
พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ จึงนึกไม่ถึงว่านางจะมีนัดกับองค์ชายหกจริงๆ
ชวนหลันรีบยกน้ำมาให้นางอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ล้างหน้าเสร็จแล้ว ก็ไปหยิบชุดในตู้เสื้อผ้า ชวนหลันห็นชุดกระโปรงสีขาวหนึ่งชุดแขวนไว้บนหัวเตียง
นางจึงไปเอามาถือไว้ในมือแล้วพลิกไปพลิกมามองดู สักครู่หนึ่ง จึงถามด้วยความแปลกใจว่า
“คุณหนู นี่คือชุดของท่านหรือเจ้าคะ? ทำไมข้าน้อยถึงไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะเจ้าคะ?”
นี่คงไม่ใช่ชุดที่ไป๋หลี่เหลียนให้นางถือมาเมื่อวานชุดนั้น หรือ คังเสว่มี่ก็เหลือบมองดู
ปกติชวนหลันจะเป็นคนที่คอยดูแลจัดการธุระส่วนตัว ทั้งหมดของคังเสวีมี่ คังเสว่มีมี่เสื้อผ้าชุดไหนบ้าง นางก็จำได้หมดอย่างชัดเจน พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ชวนหลันเป็นคนสนิทของนาง ก็เลยรู้ทุกอย่างโดยไม่มีปัญหา
“นั่นคือชุดที่องค์ชายหกมอบให้น่ะ แน่นอนว่าเจ้าจะต้องไม่เคยเห็นอยู่แล้ว ข้าใส่เป็นครั้งแรก"
“อ๋อๆ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ข้าน้อยว่า เสื้อผ้าชุดนี้ไม่เพียงแต่เนื้อผ้าดี สีขาวก็ขับกับบุคลิกและสีผิวของหญิงสาวมาก ลายปักดอกไม้ก็บอบบางนุ่มนวลและสง่างาม เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นชุดที่ชายารองติงซื้อให้คุณหนูนะ เจ้าคะ”
คังเสว่มี่ยิ้ม จุดที่ชวนหลันสนใจนั้นแตกต่างกับนางมากจริงๆ หล่อนคิดว่าเป็นคนอื่นที่มอบเสื้อผ้าให้ ไม่ได้คิดถึงว่าทำไมองค์ชายหกถึงมอบเสื้อให้นางได้
แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว นางจะได้ไม่ต้องอธิบายเรื่องราวทั้งหมด
นางเงยหน้ากวดตามองเสื้อผ้าชุดนั้น เมื่อวานนางก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ตอนนี้ได้ลองดูชัดๆในเวลากลางวัน
เสื้อผ้าชุดนี้อ่อนนุ่มเหมือนดอกบัวในฤดูร้อน ผีเสื้อที่ปักอยู่ตรงชายกระโปรงจนถึงเอวบินว่อนออก มา แต่ละตัวคล่องแคล่วปราดเปรียวดังมีชีวิต เหมือนจะสามารถบินลงมาจากข้างบน แล้วบินไปเต้นรำอยู่ท่ามกลางดอกไม่ได้ตลอดเวลา
เป็นไปได้ยากที่ไป๋หลี่เหลียนจะสามารถเลือกเสื้อผ้าที่ ดูๆแล้วก็ดูสวยงามมากกว่าเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าตู้นั้น ของนางจริงๆ ความจริงเสื้อผ้าที่รุ่มร่ามจะใส่สบายมาก สวยงามเช่นนี้ออกมาได้อย่างง่ายดาย
“ก่อนหน้านี้
ข้าน้อยยังคิดอยู่เลยว่าคุณหนูจะใส่เสื้อผ้าสีอะไรจึงจะ ดูดีที่สุด จะใส่สีแดง หรือว่าสีเขียว หรือว่าสีฟ้าดี ตอนนี้ข้ากลับเห็นว่าสีขาวเป็นสีที่ดีที่สุดแล้วล่ะเจ้าค่ะ” ชวนหลันช่วยคังเสว่มสวมชุดกระโปรงยาว พร้อมกับกล่าวชม
คังเสว่มี่ ยกมือขึ้นเคาะไปบนศีรษะของนางหนึ่งที “ไม่ว่าสีอะไรก็ดูดีหมดแหล่ะ ขอเพียงแค่ไม่สวมจนมัดมือมัดเท้าข้าก็พอแล้ว”
“อุ๊ยตาย คุณหนู ทำข้าน้อยทำไมหรือเจ้าคะ ความจริงเสื้อผ้าชุดนี้ก็ออกจะสวยดีนะเจ้าคะ "
นางลูบศีรษะ
แล้วจึงลากคังเสว่มี่ไปนั่งหวีผมและแต่งตัวอยู่หน้าโต๊ะ กระจก
“องค์ชายหกสมกับเป็นองค์ชายหกเลยนะเจ้าคะ คงจะเคยเห็นสาวงามมาเยอะ จึงมองแว๊บเดียวก็รู้ว่าคุณหนูเหมาะสมกับเสื้อผ้าแบบไหน”
เมื่อก่อนพอได้ยินเกี่ยวกับฮัวอวิ๋นกงจื่อก็ยังไม่ได้รู้สึก อะไร นางเคยพบกับไป๋หลี่เหลียนมาแล้ว ตอนนี้พอได้ยินชวนหลันพูดถึงเขาขึ้นมาอีก คังเสว่มี่ก็รู้สึกสนอกสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“องค์ชายหกไม่ได้เป็นองค์ชาย ทำไมเขาถึงไม่สนใจกิจการบ้านเมืองเลย และยังได้รับชื่อเสียงที่ดีในด้านนี้อีก?” กลับทำตัวเจ้าชู้ไปทั่วนางจำได้ว่าจี้อี้เสว่เยว่กงจื่ออันดับหนึ่งและไป๋หลี่ เหลียนเสวียนหลงกงจื่ออันดับสอง ล้วนเป็นผู้ที่มีอิทธิพลและมีบทบาทในบริหารกิจการ บ้านเมืองทั้งคู่ขณะที่ชวนหลันกำลังถือหวีอยู่ ก็หวีผมให้คังเสว่มี่ไปพลางและพูดไปพลางว่า“นั่นไม่เหมือนกันนะเจ้าคะ พระมารดาขององค์ชายหกเป็นเย่นเฟย คุณหนูได้ยินตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของนางก็รู้แล้วนะ เจ้าคะ เป็นคนที่หน้าตาสวยงามแค่ไหน และยังงดงามที่สุดในวังหกอีกด้วยน่าเสียดายที่คนสวยชีวิตช่างอาภัพนัก หลังจากที่เล่นเฟยเข้าวัง ให้กำเนิดองค์ชายหกได้ไม่นาน ก็เสียชีวิตแล้วตอนนั้นองค์ชายหกยังเล็กนั้นไม่มีพระมารดาเคียงข้างกาย เดิมทีจะต้องนำไปให้ฮองเฮาหรือพระสนมองค์อื่นๆดูแลแต่ไทเฮาและครอบครัวของเย่นเฟย มีความสัมพันธ์เป็นญาติกัน ก่อนที่เย่นเฟยจะเข้ามาอยู่ในวัง หลังจากที่เข้ามาอยู่ในวังไทเฮาทั้งหลายล้วนชื่นชอบ นาง ดังนั้นหลังจากที่เย่นเฟยจากไปแล้ว ไทเฮาก็รับองค์ชายหกมาเลี้ยงดูแล้วก็ชำนาญในการเล่นกู่ฉิน เล่นหมากล้อม เขียนหนังสือและวาดรูปเช่นเดียวกับเย่นเฟย บวกกับการถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างกายไทเฮา ไทเฮาจึงหวังให้องค์ชายหกอยู่เย็นเป็นสุข ได้เป็นท่านอ๋องที่มีชีวิตที่สงบสุขก็พอแล้ว องค์ชายหกมีลักษณะคล้ายคลึงกับเย่นเฟยมากแม้ว่าองค์ชายหกจะมีชื่อเสียงไปทั่ว แต่เขาก็ไม่ได้ชั่วช้าต่ำทรามและบีบบังคับคนอื่นเหมือนกันกับถันชื่อหัวเขาปฏิบัติต่อผู้หญิงด้วยความอ่อนโยนมีมารยาท ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะแตกต่างจากจี้ซื่อจื่อกับองค์รัชทายาท แต่เขาก็เป็นหนึ่งในองค์ชายเช่นกันนะเจ้าคะ” สุภาพและเป็นมิตร “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง" คังเสว่มี่พยักหน้า ดูรูปโฉมของไป๋หลี่เหลียนก็เหมือนเย่นเฟยจริงๆ ช่างงดงามเสียนี่กระไร
copy right hot novel pub