โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 241 ทำไมล่ะ ก็หิวนี่

บทที่ 241 ทำไมล่ะ ก็หิวนี่

ฉูเจ๋อหยางชะงักฝีเท้าไปเพียงนิด แววตาลึกล้ำสุดจะหยั่ง แต่ก็ค่อยๆก้าวเดินต่อไปอย่างใจเย็น ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มือเล็กนุ่มๆคู่นั้น โอบล้อมรอบคอของเขาไว้อย่างระมัดระวัง เขารู้สึกได้ถึงความประหม่าของเด็กน้อยในเวลานี้ มันราวกับว่าสำหรับตัวเด็กคนนี้แล้ว การที่ต้องใกล้ชิดกันกับเขาแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นชินสียเท่าไหร่

สำหรับฉูเจ๋อหยางแล้ว มันก็ถือเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์ดีเหมือนกัน หัวใจของเขาพลอยอ่อนลงไปด้วย เขาไม่ได้ไม่ชอบความรู้สึกนี้ แต่กลับค่อนข้างที่จะพอใจเสียมากกว่า

กระทั่งอวี๋ซือซือเห็นฉูเจ๋อหยางอุ้มรุ่ยรุ่ยที่ยอมอยู่นิ่งๆให้เขาอุ้มออกมา เธอที่พิงรถอยู่ก็แทบจะเซล้ม พระเจ้า นี่ยังไม่ถึงสามชั่วโมงเลย ทำไมสองคนนี้ดูเข้ากันได้เร็วแบบนี้ ถ้าปล่อยให้สองพ่อลูกอยู่ด้วยกันอีกสักวัน มันจะยิ่งกว่านี้ไหม

อีกอย่างผู้ชายเย็นชาอย่างฉูเจ๋อหยางมีสายตาอบอุ่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ความแตกต่างที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นชินเลยจริงๆ

ใจดวงน้อยๆของเธอค่อนข้างที่จะรับมือกับอะไรแบบนี้ไม่ได้

อวี๋ซือซือรีบเดินเข้าไปหา เธอไม่เหลือบมองฉูเจ๋อหยางแม้แต่นิด ยื่นมือออกไปหาหลานพูดว่า “รุ่ยรุ่ย ทำไมวิ่งออกมาคนเดียวอย่างนี้ล่ะ กลับกับป้ามา”

รุ่ยรุ่ยออกจากอ้อมแขนของฉูเจ๋อหยางอย่างไม่อยากจะผละออกมาสักเท่าไหร่ กัดริมฝีปากเบาๆ เสียงเล็กๆนุ่มๆพูดว่า “คุณลุงฉู บ้ายบายนะ”

“อืม” ฉูเจ๋อหยางนิ่งไปเพียงนิด สุดท้ายก็ยื่นมือออกไปลูบหัวของเด็กน้อยเบาๆ

รุ่ยรุ่ยหน้าแดง ไม่กล้ามองฉูเจ๋อหยางเพราะเขินอาย ยื่นมือไปหาอวี๋ซือซือ “คุณป้า พวกเราไปกันเถอะ”

“อ่าๆ” อวี๋ซือซือสติกลับมาหลังจากช็อกอยู่นาน ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเหมือนทั้งสองรู้แล้วว่าเป็นพ่อลูกกันนะ ดูไม่ค่อยอยากจะจากกันซะขนาดนั้น

เมื่อฉูเจ๋อหยางเห็นว่าอวี๋ซือซืออุ้มรุ่ยรุ่ยเตรียมจะหันหลังเดินจากไป เขาก็เอ่ยปากเรียกเธอไว้โดยทันที “อวี๋ซือซือ รอก่อน”

“อะไรเล่าฉูเจ๋อหยาง มีอะไรอีก” อวี๋ซือซือหันกลับมามองเขาอย่างไม่พอใจ แต่ก่อนก็คิดว่าฉูเจ๋อหยางดูไม่ค่อยอะไรมาก แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเขามันก็แค่ตัวน่ารำคาญเดินได้

ฉูเจ๋อหยางขมวดคิ้วนิดๆ ความไม่เป็นมิตรในแววตาของอวี๋ซือซือฉายออกมาชัดมาก เขาไม่อยากรู้ก็ได้ ถ้าเรื่องที่เขาอยากพูดในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนี้ “เธอรู้ว่าพ่อแม่ของเด็กคนนี้แยกทางกันใช่ไหม”

“ใช่ แล้วจะทำไมนายยุ่งอะไรด้วย?” อวี๋ซือซือตอบกลับในทันที จะแยกทางหรือไม่แยกทางแล้วมันต่างกันยังไง ในเมื่อเขาก็รักอยู่กับผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้ว

“เธอมีช่องทางการติดต่อ หรือว่าพอจะบอกชื่อผู้ชายคนนั้นได้ไหม” นานๆครั้งกว่าฉูเจ๋อหยางจะเป็นฝ่ายเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเองแบบนี้ เขาบอกตัวเองอยู่ตลอดว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้ชีวิตในภายภาคหน้าของเจ้าตัวน้อยนี้ต้องเศร้าใจไปมากกว่านี้

อวี๋ซือซือพูดประโยคที่แอบแฝงความนัยไว้ว่า “ฉันคิดว่าคงไม่ต้องลำบากทนายฉูหรอก ตอนนี้ไอ้สวะนั่นน่ะไม่ได้มีอะไรข้องเกี่ยวกับแม่ของเด็กคนนี้แล้วแม้แต่นิด ทางที่ดีฉันว่าทุกคนต่างคนต่างอยู่ดีกว่า”

สายตาอาฆาตของอวี๋ซือซือทำให้ฉูเจ๋อหยางรู้สึกเหมือนว่าผู้ชายที่เธอกำลังกล่าวถึงหมายถึงเขา เมื่อคิดได้ว่าเธออาจกำลังเรียกร้องความยุติธรรรมให้เป้ยฉ่ายเวย สีหน้าของเขาก็ฉายแววเย็นยะเยือกขึ้น “อวี๋ซือซือระวังคำพูดเธอด้วย”

“คำพูดฉันก็แบบนี้แหละ ถ้าทนายฉูไม่ชอบก็ไม่ต้องฟังสิ ไปล่ะ” ไม่ใช่ว่าอวี๋ซือซือไม่เกรงกลัวฉูเจ๋อหยาง แต่จะแสดงให้เขาเห็นว่าเธอกลัวเขาไม่ได้ หลังจากเชิดคอพูดจบ ก็รีบอุ้มรุ่ยรุ่ยกลับไปที่รถตัวเอง

ฉูเจ๋อหยางมองรถที่จอดอยู่ตรงหน้าขับหายออกไปจากสายตาอย่างรวดเร็วด้วยแววตาเรียบนิ่ง

ภายในรถ อวี๋ซือซือยังรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่ ไม่ลืมที่จะสั่งสอนหลานไปด้วย “หลานรัก หนูกำลังทำให้ป้าตกใจแทบตายเลยนะ ถ้าหนูไม่กลับมา ป้าก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายกับแม่หนูแล้ว”

“คุณป้า ผมผิดไปแล้วครับ” เขาไม่ดูเวลาให้ดีเอง ถึงทำให้คุณป้าเป็นห่วงแบบนี้

อวี๋ซือซือที่ตอนแรกวางมาดอยู่ เมื่อได้ยินรุ่ยรุ่ยตอบเสียงอ่อน สีหน้าของเธอก็อ่อนลงไปด้วย พูดขึ้นด้วยความจริงใจและแฝงความหมายลึกซึ้งว่า “ไม่ใช่ว่าป้าอยากจะว่าหนู แต่แม่หนูรักหนูจริงๆนะ แม่ก็เหลือหนูอยู่แค่คนเดียว รุ่ยรุ่ยเข้าใจไหม?

“ครับ” รุ่ยรุ่ยพยักหน้าหงึกหงัก คิดถึงตอนแม่ทำหน้าเศร้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าตัวเองที่หุนหันพลันแล่นจนเกินไป ถ้าแม่รู้ว่าเขาแอบไปหาคุณพ่อ แม่ต้องรู้สึกผิดหวังแน่ๆ

“เอาล่ะ หนูก็อย่าคิดมากไป คิดแค่บทละครแก้ตัวไว้ก็พอแล้ว” อวี๋ซือซือขยี้ผมของเด็กน้อยอย่างทนไม่ไหว เด็กก็ควรรักษาความเป็นเด็กไว้ ไม่จำเป็นต้องคอยดึงหน้าอยู่ตลอดเหมือนผู้ใหญ่หรอก แบบนั้นก็ไม่น่ารักสิ

“รับทราบครับคุณป้า” รุ่ยรุ่ยถอดวิกเก็บใส่ไว้ในกระเป๋า

อวี๋ซือซืออ้าปากจะเอ่ยก็ไม่รู้ว่าควรต้องปลอบใจหลานอย่างไรดี ถ้อยคำทั้งหลายจึงแปรเปลี่ยนเป็นเสียงถอนหายใจ จะว่าไปก็ต้องโทษฉูเจ๋อหยาง ไม่อย่างนั้นเวยเวยกับรุ่ยรุ่ยก็ไม่ต้องมาทนแบบนี้หรอก

ตอนที่ขับรถอยู่เป้ยฉ่ายเวยก็โทรมา อวี๋ซือซือรับสายแล้วก็พูดแค่คำสองคำจากนั้นก็วางสายไป ก่อนที่จะกลับไปก็หาร้านเครื่องสำอางเพื่อพารุ่ยรุ่ยไปเช็ดเครื่องสำอางบนหน้าออกให้หมด จากนั้นก็เลี้ยวรถไปยังที่อยู่ของหลี่จื่อเชียนตามที่เขาส่งมา

รถขับมาประมาณครึ่งชั่วโมงถึงขับมาถึงที่อยู่ของหลี่จื่อเชียน มาถึงที่อวี๋ซือซือถึงได้เพิ่งเห็นว่าที่ที่หลี่จื่อเชียนอยู่เป็นบ้านพักตากอากาศในเมืองจิ่นอันแห่งนี้ หลี่จื่อเชียนนี่ก็มีรวยใช่เล่นเลยนะเนี่ย

ยิ่งความปลอดภัยกับสภาพแวดล้อมรอบๆยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เจ้าของก็คงต้องร่ำรวยมากๆถึงจะอยู่ในที่แบบนี้ได้

ยังดีที่หลี่จื่อเชียนบอกกับคนเฝ้าหน้าประตูไว้แล้ว เธอจึงเข้าไปได้ง่ายๆเพียงแค่บอกชื่อไป

เป้ยฉ่ายเวยยืนรออยู่ตรงทางเข้า ข้างๆมีหลี่จื่อเชียนยืนอยู่ด้วย ภาพที่ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันอย่างกับภาพพ่อแม่กำลังรอรับลูกกลับบ้านอย่างนั้นล่ะ

ถ้าเวยเวยจะตอบรับความรู้สึกของหลี่จื่อเชียนจริงๆก็ไม่มีอะไรไม่ดีนี่หน่า

“รุ่ยรุ่ย สองคนไปไหนกันมา ทำไมถึงได้กลับมาเอาซะป่านนี้” เป้ยฉ่ายเวยก็นึกว่าสองป้าหลานหลงทางซะอีก โชคดีที่ซือซือรับโทรศัพท์

“แม่ครับ พวกเราไปอ่านหนังสือที่หอสมุดมาครับ อ่านเพลินจนลืมเวลาเลย” รุ่ยรุ่ยท่องบทตามที่อวี๋ซือซือบอก ยอมให้เป้ยฉ่ายเวยจูงมือเดินข้าไปหาอย่างเป็นเด็กดีเป้ยฉ่ายเวยส่งคำถามทางสายตาไปยังอวี๋ซือซือ ดูเคลือบเคลืองว่าทั้งสองไปอ่านหนังสือกันจริงๆไหม เพราะจากนิสัยของเพื่อนสนิทแล้วไม่น่าจะทนอ่านหนังสือนานๆได้ “อะไรเวยเวยมองแบบนี้คืออะไร ถึงยังไงฉันก็ปัญญาชนเหมือนกันนะยะ ทำไมฉันจะอ่านหนังสือปลูกฝังปัญญาบ้างไม่ได้” อวี๋ซือซือคิดว่านิสัยของตัวเองชักจะดูความเสื่อมเสียเกินไปแล้ว สงสัยละเกินว่าเธอดูไม่เหมือนคนมีความรู้หรือไง? จากสายตาของเป้ยฉ่ายเวย ทำให้อวี๋ซือซือยอมแพ้ โบกมือไปมาอย่างจำยอม “ก็ได้ๆ ฉันไม่ได้ชอบอ่านหนังสือขนาดนั้น แต่ว่าฉันกับหลานก็อยู่ที่หอสมุดจริงๆนะ” พูดพร้อมกับล้วงหยิบหนังสือที่ซื้อกลับมาด้วยจากในกระเป๋าขึ้นมา เป้ยฉ่ายเวยจึงยอมเชื่อ แต่ทันใดนั้นเธอก็ได้กลิ่นๆหนึ่ง ถึงมันจะจางมากๆ แต่กลิ่นนั้นก็ยังคงชัดเจน จากนั้นเธอก็รู้ในทันทีว่ากลิ่นในถุงนั้นคืออะไร “ไปกินเคเอฟซีกันมาหรอ?” “เปล่า.......” อวี๋ซือซือกำลังจะปฏิเสธ แต่รุ่ยรุ่ยก็ถือถุงๆหนึ่งออกมาชูให้ดู พูดอย่างซื่อตรงว่า “ใช่ครับ คุณป้ากินไม่หมดเลยห่อกลับมาด้วย” เด็กนี่.......อวี๋ซือซือเกาหัวพยักหน้างกๆทั้งยังมองแววตาที่ดูระแวงของเป้ยฉ่ายเวยไปด้วย เธอนี่มันแพะรับบาปจริงๆ “ใช่ ฉันหิว ก็เลยซื้อกินนิดหน่อย ทำไมล่ะ ไม่ได้หรอ?”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์