โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 251 ขโขยไก่ไม่ได้ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ

บทที่ 251 ขโขยไก่ไม่ได้ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ

“ทำไงดี ซือซือ” เป้ยฉ่ายเวยที่ไม่เคยจเอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

ยังดีที่อวี๋ซือซือไหวพริบดี ในตอนที่ผู้ชายคนนั้นยื่นมือออกมาจะจับ ก็ดึงเป้ยฉ่ายเวยให้หลบ แล้วเอาตัวเองไปเสี่ยงแทน

แสงไฟหนึ่งเดียวที่มีอยู่ในห้องก็สาดส่องมาที่พวกเธอ ทำให้รูปร่างของพวกเธอปรากฏสู่สายตาคนพวกนั้น

ทันใดนั้นก็มีคนผิวปาก พูดขึ้นว่า “ว้าว สาวน้อยสองคนนี้มาได้ถูกเวลาเสียจริง”

“คนผมสีชมพูนี่เร้าใจดี ถึงขนาดถีบอาเหมาล้มได้นี่ก็ไม่เลวเลยนะ”

คนที่ชื่ออาเหมาก็คือคนที่ถูกอวี๋ซ์อซือถีบล้ม เขาทั้งโกรธทั้งอายเอ่ยปากขึ้นว่า “แล้วยังไง ตอนนั้นฉันไม่ได้ระวังตัวเถอะ คอยดูนะฉันไม่เก็บนังคนชั้นต่ำสองคนนี้ไว้แน่”

“ระวังปากหน่อย เรียกใครชั้นต่ำนะ ฉันก็บอกแล้วไงว่าเข้าใจผิด รับปากว่าจะชดใช้ให้แล้วด้วย แล้วยังจะอะไรอีก ไม่งั้นให้ฉันไปเรียกคนห้องตรงข้ามมาคุยให้ไหม?”

ขอแค่ไอ้เวรถังฉีตงยังอยู่อีกห้อง อวี๋ซือซือก็อุ่นใจ อย่างน้อยอวี๋ซือซือก็ยังมีแบ็คคอยหนุนหลัง แอบส่งสายตาให้เป้ยฉ่าวเวยรีบโทรหาถังฉีตง

ในตอนที่อวี๋ซือซือขยิบตาจนแทบจะเป็นตะคริว เป้ยฉ่ายเวยก็เข้าใจที่เธอจะสื่อ ยิ้มแห้งๆส่งไป พูดเสียงเบาใกล้หูของเธอ

“ฉันไม่มีเบอร์เขา......”

เธอเคยมีโอกาสติดต่อกับถังฉีตงที่ไหนกันล่ะ ดังนั้นก็เลยไม่ได้คิดที่จะเมมเบอร์ของเขาไว้เลย

ใบหน้าของอวี๋ซือซือมองเป้ยฉ่ายเวยอย่างหมดอาลัยตายอยากในทันที เมื่อได้รับสายตายืนยันจากเพื่อนสนิทว่าไม่มีเบอร์ของถังฉีตงจริงๆ ความหวังอันน้อยนิดที่มีอยู่ก็มลายสูญหายไปในทันที จะทำยังไงดี เธอเองก็รีบร้อนออกมาเกินไป เลยไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วย

พลาดไปแล้วจริงๆ

“มีอะไรค่อยๆพูดกันดีกว่านะ มันก็ ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดเอง”

อาเหมาเห็นว่าน้ำเสียงของเธอดูอ่อนลง ก็เข้าใจในทันทีว่าพวกเธอคงขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้แล้ว จึงเริ่มโอหังขึ้นมา พูดขึ้นอย่างประมาทเลินเล่อว่า “ทำไมล่ะ อวดดีนักไม่ใช่หรือไง พูดต่อสิ”

อวี๋ซือซือไม่ได้สนใจลูกกระจ๊อกอย่างอาเหมาที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาเฉี่ยวคมกลับมองไปทางโซฟา แต่ทุกอย่างก็ดูมืดไปหมด เธอคาดเดาไม่ถูกว่าคนไหนคือหัวหน้าของคนพวกนี้ แต่ที่แน่ๆ คนที่นั่งอยู่ตรงกลาง สถานะคงไม่ใช่เล่นๆแน่

เธอชี้ไปยังตำแหน่งตรงกลางแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่อยากพูดกับเขา แต่ฉันอยากคุยกับนาย”

ผู้ชายที่โดนชี้ ลุกขึ้นจากอ้อมกอดสาวๆอย่างสบายๆท่างกลางเงามืด บนหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มร้ายๆ “คนสวย เธอเดาผิดคนแล้วล่ะ”

“งั้นก็บอกมาใครหัวหน้าพวกนาย ฉันจะพูดกับเขา” อวี๋ซือซือถามด้วยความหงุดหงิด ผู้ชายคนนี้ก็ดูไม่ธรรมดา แต่ก็คงไม่ใช่หัวหน้าตามที่เขาบอก สายตาอันเฉียบแหลมของเธอทำงานพลาดไปได้ยังไง

ผู้ชายที่ดูร้ายๆคนนั้นยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายไปมาแล้วทำเสียงจุ๊ๆต่อหน้าวี๋ซือซือ จากนั้นก็ย้ายปลายนิ้วไปทางเป้ยฉ่ายเวย “คนสวยเสียโอกาสไปแล้วครั้งนึง เพราะงั้นจะให้โอกาสพวกเธออีกครั้งสุดท้าย ถ้าทายถูก ก็พอคุยๆกันได้”

“พี่อู่ พี่จะปล่อยนังผู้หญิงสองคนนี้ไปจริงๆหรอ”อาเหมาอึ้งไปสักพัก ถ้าผู้หญิงอีกคนทายถูก แบบนั้นก็เท่ากับว่าเขาโดนตบฟรีสิ ที่แปลกที่สุดก็คือ นายใหญ่ที่เหมือนจะยอมเล่นไปด้วย

แปลกมาก แปลกเกินไปแล้ว ใครบ้างไม่รู้ว่านิสัยของนายใหญ่น่ากลัวแค่ไหน

“อาเหมา ถึงหน้าที่แกตัดสินใจตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ”

แม้เสียงที่พี่อู่พูดจะดังขึ้นเบาๆอยู่ข้างหูของอาเหมา แต่อาเหมากลับเหงื่อซึมออกมาทันที โค้งลงแล้วผงกหัวงกๆที่ตัวเองปากพล่อย “พี่อู่ ผมผิดไปแล้ว ผมปากมากไปเอง”

เขาไม่ได้กลัวพี่อู่ เขากลัวนายใหญ่ต่างหาก ดังนั้นเลยยอมที่จะลงโทษตัวเองก่อน ยังจะดีกว่ารอให้นายใหญ่จัดการเขาเอง

พี่อู่เลิกคิ้วขึ้นไม่ปริปากพูดอะไร ยังคงหัวเราะหึๆมองไปทางเป้ยฉ่ายเวยเวยเหมือนเดิม “เป็นไง ฉันก็มีเหตุผลเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”

อวี๋ซือซือผลักเป้ยฉ่ายเวยที่ตกตะลึงอยู่เบาๆแล้วพูดขึ้นว่า “เวยเวย แกโอเคใช่ไหม ถ้าทายผิดก็ไม่ต้องกลัว ให้เขาไปคุยกับถังฉีตงเอง จากนั้นก็คงไม่เป็นอะไรหรอก”

กับผีสิ อันที่จริงอวี๋ซือซือแค่พูดปลอบใจตัวเองและเวยเวยเท่านั้น

เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้า กำลังจะเอ่ยปาก แต่พี่อู่อะไรนั่นกลับพูดขึ้นก่อน “คนสวย คิดดีๆนะเพราะเธอมีแค่โอกาสเดียวเท่านั้น ถ้าทายผิด คืนนี้คงต้องกลับไปคุยกับพี่ที่บ้านแล้วล่ะ”

เป้ยฉ่ายเวยมองค้อนชายหนุ่มที่กำลังแสยะยิ้มอยู่ พูดอย่างไม่ถนอมน้ำใจผู้ชายคนนั้นว่า “ไม่ต้องเตือนหรอก ฉันรู้ดีว่าควรทำยังไง”

ทุกคนต่างกลั้นหายใจรอการคาดเดาของเธอ

ถ้าจะบอกว่าเธอไม่กดดันก็คงจะดูโกหก ถึงจะกดดัน แต่เธอก็ต้องเลือกคนนี้ อีกอย่างในใจเธอก็เดาว่าเป็นคนนี้ตังแต่แรกอยู่แล้ว

เป้ยฉ่ายเวยไม่สนสายตาตกใจของทุกคน หันหลังเดินตรงไปยังตำแหน่งมืดๆที่อยู่ข้างหลัง พูดกับร่างสูงใหญ่ว่า “ฉันคิดว่าคนที่เป็นนายใหญ่ก็คือคุณคนนี้”

ในห้องเงียบลงทันที หน้าผากของอวี๋ซือซือใกล้จะมีเหงื่อซึมออกมาแล้ว เธอนึกว่าเวยเวยจะทายว่าเป็นคนที่อยู่ด้านข้างเสียอีก หรือไม่ก็ใกล้ๆตรงกลาง ทำไมไปเลือกคนที่นั่งโซฟาเดี่ยวไม่สะดุดตาแบบนั้นได้

คนใหญ่คนโตชอบใช้สิทธิ์อยู่ตรงกลางไม่ใช่หรอ

พี่อู่ก็นิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นก็ยิ้มมุมปากขึ้นอีกครั้ง ลูบไล้ผู้หญิงในอ้อมกอดต่อ ท่าทางเหมือนกำลังดูละครสนุกๆสักเรื่อง คนอื่นๆเงียบ ไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง

ในที่สุด ผู้ชายที่ถูกเป้ยฉ่ายเวยชี้ ก็ค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟา ร่างสูงกำยำค่อยๆเดินออกมาจากความมืด เหมือนภูเขาลูกใหญ่กำลังเคลื่อนที่มาทับเธอ

เป้ยฉ่ายเวยกลืนน้ำลายลงคอโดยทันที ในใจรู้สึกเครียดมากๆ แต่ก็บังคับตัวเองไม่ให้ร่นถอย เธอคิดว่าฉูเจ๋อหยางสูงแล้ว พอมาเจอผู้ชายตรงหน้าเธอก็คิดว่าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย แล้วนั่นสายตาอะไรกัน จ้องมาซะจนรู้สึกขนลุกเลย เสียวสันหลังวาบๆ เครื่องหน้าก็ดูหล่อเหลาเอาการอยู่หรอกนะ แต่กลับมีแววตาที่ดูน่ากลัวคู่นั้น แต่ไม่นาน ดวงตาคู่นั้นก็กลับมาเรียบนิ่งเหมือนหมอกจางๆ ราวกับว่าแววตาที่เธอได้เห็นก่อนหน้า เธอแค่ตาฝาดไปเอง ชายหนุ่มสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีเข้ม ที่คอผูกเนกไทเส้นสีดำเอาไว้หลวมๆ แขนเสื้อตรงข้อมือก็ปลดออกหลวมๆ ดูเรียบง่ายแต่ก็มีความสง่า ไหนจะความเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูกนั่นอีก พูดได้เลยว่าผู้ชายตรงหน้าต้องเป็นผู้ลากมากดีแน่ๆ เป้ยฉ่ายเวยมั่นใจว่าถ้าฉูเจ๋อหยางมายืนข้างผู้ชายคนนี้ ก็คงจะกินกันไม่ลงเลยล่ะ แล้วใช่เวลาที่เธอจะมาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไหมเนี่ย เป้ยฉ่ายเวยตั้งสติ จากนั้นพูดขึ้นอย่างง่ายๆสบายๆ “ฉันคิดว่า ฉันไม่น่าทายผิด ดังนั้นพวกฉันไปได้หรือยัง” สายตาของชายหนุ่มตรงหน้าที่ส่งมา ยิ่งทำให้เธอมีความรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกมันบอกเธอว่าต่อให้ไกลแค่ไหนก็ต้องหลบไปให้ไกลเท่านั้นพี่อู่หัวเราะหึหึแล้วเดินเข้ามาพูดขึ้นว่า “คนสวยเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ฉันบอกว่าถ้าทายถูกก็พอคุยกันได้ ไม่ได้บอกว่าจะให้พวกเธอไปสักหน่อย”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์