โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 253 นี่ถือเป็นการยอมให้กอดเองไหมนะ

บทที่ 253 นี่ถือเป็นการยอมให้กอดเองไหมนะ

อวี๋ซือซือรอให้เสียงฝีเท้าหน้าประตูเดินจากไป หันกลับมาก็เห็นสายตาแซวๆของเป้ยฉ่ายเวย “เวยเวย มองแบบนี้หมายความว่าไหง”

“คงไม่ใช่ว่าเขาสนใจเธอนะ” ทำไมเป้ยฉ่ายเวยถึงได้รู้สึกว่าผู้ชายที่ชื่อพี่อู่อะไรนั่นเอาใจใส่เพื่อนของเธอจนเกินไป ถ้าไม่ได้ชอบ แค่ชื่นชมอย่างเดียวเพียวๆงั้นหรอ?

“เด็กเอ้ย แกอ่านนิยายรักโรแมนติกเกินไปแล้วนะเนี่ย มาช่วยกันคิดวิธีอื่นดีกว่า” อวี๋ซือซือหัวเราะขึ้นมา ไม่ได้ใส่ใจคำที่เป้ยฉ่ายเวยพูดออกมาเลย เธอไม่นิยมกินผู้ชายผอมขาวเหมือนไก่สับหรอกนะ

คิดว่าผู้ชายคนนั้นก็เอาชนะใจเธอไม่ได้ด้วย

เป้ยฉ่ายเวยคิดดูก็รู้สึกว่ามีเหตุผล อีกอย่างคงไม่ต้องบอกหรอกมั้งว่าในใจของซือซือมีแค่ถังฉีตง พี่อู่อะไรนั้นก็ไม่ใช่สเป็คที่เธอชอบด้วย เธอเริ่มคิดหาวิธีอื่นจากนั้นก็พูดออกมาว่า “ไม่งั้นก็แจ้งตำรวจกันเถอะ”

นี่ไม่ใช่ทางออกที่ตรงที่สุดแล้วหรอ

อวี๋ซือซือมองเป้ยฉ่ายเวยด้วยสายตาที่สื่อประมาณว่า ‘ถามหน่อยอันนี้โง่จริงหรอ’ คิดอะไรแบบนี้ออกมาได้ยังไง เรียกตำรวจงั้นหรอ เรียกน่ะมันก็เรียกได้ ถ้าเรื่องมันเกิดที่ชั้นหนึ่งน่นะ ตำรวจอาจจะมาช่วยได้

แต่นี่ชั้นแปด เชื่อว่าทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าคนที่อยู่ในห้องนี้เป็นใคร ตำรวจเขายังไม่กลัว แล้วคิดว่าเขาจะสนไหม เฮ้อ นี่ล่ะนะเด็กซื่อๆที่ถูกดูแลดีเกินไป

“คิดออกแล้ว ฉันคิดออกแล้วเวยเวย”

เป้ยฉ่ายเวยที่เพิ่งถูกมองด้วยสายตาดูแคลนก็ไม่อยากจะรู้อะไรด้วยอีกแล้ว เมื่อเห็นสายตามีเจตนาแอบแฝงของเพื่อนสนิท ก็พูดเบรกออกมาทันทีว่า “ไม่ว่าเธอจะคิดวิธีอะไรออก ฉันก็จะไม่โทรหาเขาเด็ดขาด”

“.......”ไม่ต้องตรงขนาดนี้ก็ได้ไหม อวี๋ซือซือยังไม่ยอมแพ้ตื๊อต่อว่า“เวยเวยตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาเจ้าคิดเจ้าแค้นนะ แกลองคิดดู ถ้าพวกเราต้องอยู่กับคนพวกนี้ต่อเราจะได้กลับไปครบสามสิบสองไหม?”

เป้ยฉ่ายเวยก็โต้กลับอย่างไม่พอใจ “ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลยนะ ใครให้เธอส่งรูปให้เขาล่ะ ไม่งั้นมันจะเกิดเรื่องแบบนี้หรอ”

ยังไม่รวมเรื่องที่ไอ้บ้าฉูเจ๋อหยางโทรมาด่าเธอเลยนะ เธอยังเคืองๆอยู่เลย

“แหะๆ ฉันไม่อยากให้แกเจ้าคิดเจ้าแค้นเลย โกรธนายนั่นแทนเถอะ” อวี๋ซือซือตอบกลับอย่างขาดความมั่นใจ “ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่รีบออกไปจากที่นี่ให้ได้หรอ ไม่อย่างนั้นแกก็แค่ส่งข้อความหาฉูเจ๋อหยางให้เขาบอกถังฉีตงมาช่วยพวกเราแบบนี้ก็ได้”

เป้ยฉ่ายเวยกัดริมฝีปากด้วยความลังเล เหมือนจะทำได้แค่วิธีนี้วิธีเดียว “ฉันส่งข้อความหาเขาได้ แต่ฉันไม่รับประกันนะว่าเขาจะเห็นข้อความหรือเปล่า”

เพราะว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับฉูเจ๋อหยางถือได้ว่าถึงจุดเยือกแข็งที่ไม่สามารถหลอมรวมกันได้แล้ว คนบ้าอย่างฉูเจ๋อหยางเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายคิดเองเออเอง ไม่เกี่ยวกับเธอเลยสักนิด

“ไม่เป็นไร แกรีบส่งเถอะ” อวี๋ซือซือได้ยินเสียงเดินเข้ามาใกล้อีกแล้ว

“รู้แล้วน่า” เป้ยฉ่ายเวยพิมพ์ข้อความส่งไปด้วยความไวแสง เมื่อเห็นหน้าจอแสดงผลว่าส่งสำเร็จก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก

อวี๋ซือซือลากเป้ยฉ่ายเวยเดินมาด้วยกันพร้อมทั้งเปิดประตูออก ก็ป๊ะเข้ากับพี่อู่ที่กำลังจะเคาะประตูเรียกพอดี เขายิ้มให้เธอทั้งสอง ลดมือที่จะเคาะปะตูลง “ฉันก็นึกว่าพวกเธอตกส้วมไปแล้ว กำลังเตรียมคนไปขุดขึ้นมาพอดีเลย”

“ขุดพ่อนายเหอะ” อวี๋ซือซือถลึงตามองเขา ลากเป้ยฉ่ายเวยเดินออกไปนอกห้องน้ำ

ภายในห้องเริ่มกับมาครื้นเครงอีกครั้ง ผู้ชายห้าหกคนประกบด้วยผู้หญิงราวๆยี่สิบคน อีกทั้งยังมีแสงไฟสลัวๆที่ชวนลายตาประกอบด้วย เบื้องหน้าจึงปรากฏเป็นภาพของกลุ่มคนที่กำลังมั่วสุมกันอยู่

เป้ยฉ่ายเวยและอวี๋ซือซือหันมามองตากัน สายตาทั้งคู่สื่อความหมายไปในทางเดียวกัน

คนพวกนี้มันสัตว์ป่าดีๆนี่เอง!

อวี๋ซือซือคิดจะดึงเป้ยฉ่ายเวยไปนั่งฝั่งขอบๆ เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจที่เธอยอมส่งข้อความหาฉูเจ๋อหยาง แต่คนที่ชื่อว่าพี่อู่อะไรนั่นกลับไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น ลากอวี๋ซือซือให้ไปเล่นทอยลูกเต๋าด้วยกันข้างๆ

“ฉันจำได้เธอชื่อซือซือใช่ไหม มานี่ มาเล่นกับฉันสักตา”

“ฉันไม่อยากเล่น เห้ยๆ ปล่อยนะไอ้บ้านี่” อวี๋ซือซือคิดจะขัดขืน แต่ก็ไม่คิดว่าผู้ชายที่ดูผอมๆจะแรงเยอะขนาดนี้ แล้วก็คงไม่ดีด้วยถ้าเธอลงไม้ลงมือในถิ่นของผู้อื่นแบบนี้ เธอจึงทำได้แค่มองไปทางเวยเวยอย่างเป็นกังวล

นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย พวกเธอมาที่นี้เพื่อมาหาถังฉีตงนะ ไม่ใช่มาเที่ยวเล่น ทำไมสุดท้ายต้องมาถูกกักตัวให้อยู่สังสรรค์งงๆแบบนี้ไปได้ แบบนี้มันค่อนข้างจะทำให้ตั้งตัวไม่ทันจริงๆ

เป้ยฉ่ายเวยมองอวี๋ซือซือที่ถูกลากไปอีกทาง ถูกทิ้งอยู่คนเดียวท่ามกลางคนแปลกหน้า ตอนที่กำลังจะยกเท้าเดินตามเพื่อนไป ในความมืดนั้นไม่รู้ว่าเท้าใครที่เหยียบลงบนเท้าของเธออย่างไร้มารยาท

เธอทำได้แค่ส่งเสียงร้องอุทานอย่างตกใจออกมา ร่างกายเซถอยหลังจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ ในตอนที่เธอกำลังลนลานก็เหมือนกับจับเนกไทเอาไว้ได้ เธอที่เกือบจะล้มลงไปก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

เสียงผู้ชายที่อยู่ด้านหลังดังขึ้นว่า “คุณคิดจะรัดคอให้ผมตายหรอ”

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยรู้สึกตัวก็ราวกับว่าที่มือกำอยู่ไม่ใช่เนกไทแต่เป็นระเบิดเวลา จึงรีบปล่อยมือตัวเองออก ลืมไปเลยว่าไม่มีที่ให้ยึดจับแล้ว ทั้งร่างจึงเซล้มเข้าไปในอ้อมแขนกว้างของชายหนุ่มอีกครั้ง

“นี่ถือเป็นการยอมให้กอดเองไหมนะ”

ในตอนนี้เองที่เป้ยฉ่ายเวยมีความรู้สึกอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตาจะไหล เธอรีบลุกขึ้นอย่างมือไม้พันกันไปหมด แต่โซฟาเดี่ยวก็เล็กมาก แค่อีกคนนั่งอยู่ก็กินพื้นที่ไปเยอะมากแล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องที่จะลุกขึ้นได้ง่ายๆ แผ่นหลังเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมา

“ขอโทษนะคะคุณเสิ่น เมื่อครู่ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่ได้ตั้งใจ แต่เจตนา” เสิ่นลั่งพูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่งๆเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

หน้าไม่อายบ้างหรือไงนะ เป้ยฉ่ายเวยอยากจะตอกกลับไปเหมือนกัน แต่เมื่อมองไปรอบๆแล้วไม่มีคนที่เธอรู้จักเลย คนเดียวที่เธอรู้จักก็ถูกลากไปไหนแล้วก็รู้ไม่รู้

เธอจึงทำได้แค่ฝืนใจพูดออกมาว่า “คุณเสิ่นก็พูดเป็นเล่นไปได้ ฉันไม่ได้ตั้งใจแล้วก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลยจริงๆ”

เสิ่นลั่งทำเพียงแค่ใช้นิ้วมือเคาะพนักโซฟา ไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับไป

เป้ยฉ่ายเวยก็เดาไม่ถูกว่าเสิ่นลั่งโกรธหรือไม่โกรธ แต่ทว่าบรรยากาศรอบๆกลับตกอยู่ในความเงียบในทันตา ดวงตาหลายคู่มองมาที่เธอ ราวกับกำลังจะบอกว่าถ้าเธอไม่ทำอะไรซักอย่างเพื่อขอโทษเขา คืนนี้ก็อย่าคิดว่าจะได้เดินออกไปจากห้องนี้เลยหางตาเหลือบไปเห็นเหล้าบนโต๊ะ เธอกัดฟัน ยื่นมือออกไปถือแก้วเหล้าขึ้นมาเพื่อที่จะไปขอโทษเสิ่นลั่งทว่าก็มีคนที่เร็วกว่าเธอ ยื่นเหล้าแรงๆเต็มแก้วมาให้ พูดขึ้นว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณเป้ยจะถึงกับยกเหล้าขอคารวะ และแน่อยู่แล้วว่ามันต้องมาจากความจริงใจสักหน่อย ว่าไหม”เป้ยฉ่ายเวยมองสายตาที่แฝงไปด้วยความมุ่งร้ายของอาเหมา จากนั้นก็ปรายสายตาไปมองเหล้าสีน้ำตาลอ่อนที่เต็มแก้วจนเกือบจะล้นออกมาในมือของเขา ไม่ต้องถึงดื่มหรอก แค่ได้กลิ่นเหล้าฉุนๆนั้น เธอก็รู้สึกมึนแล้ว ไอ้บ้าตาย ยุ่งนักนะ เห็นๆอยู่ว่าบนโต๊ะมีเหล้าอ่อนๆแค่หนึ่งส่วนสามของเหล้าบนโต๊ะเท่านั้น ให้เธอกินเหล้าแรงๆเต็มแก้วขนาดนี้ อยากให้เธอเมาตายหรือไง? มีคนเยอะขนาดนี้มาจ้องมอง เสิ่นลั่งยังก็ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาอีก เป้ยฉ่ายเวยจะทำอะไรได้อีก ก็ทำได้แค่รับเหล้าจากมืออาเหมามาอย่างมารู้ชะตากรรม สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดกับเสิ่นลั่งว่า “คุณเสิ่นฉันขอโทษจริงๆ เหล้านี้ดื่มเพื่อคุณ ถือซะว่าเป็นการขอโทษคุณก็แล้วกัน” พูดจบก็ไม่สนว่าคนอื่นจะมองยังไง เงยหน้าหลับตา ดื่มเหล้าให้หมดภายในอึกเดียว แต่ดื่มไปแค่คำเดียว ก็เหมือนมีไฟกำลังเผาไหม้อยู่ในลำคอ เธอสำลักเหล้าจนไออย่างแรง เหล้าที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วก็หกลงบนตัวของเธอ “แค่กๆๆ แสบคอมาก แสบจะตายแล้ว”นี่มันเหล้าอะไรเนี่ย ทำไมแสบคอแบบนี้ พวกนี้คงเป็นแอลกอฮอล์ที่ดื่มไม่ได้แน่ๆ

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์