โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 290 ลมเปลี่ยนทิศ

บทที่ 290 ลมเปลี่ยนทิศ

ตอนบ่าย เมื่อถึงเวลานัด เป้ยฉ่ายเวยพร้อมด้วยหลี่จื่อเชียน จ้องมองรุ่ยรุ่ยเข้าไปในห้องผ่าตัดพร้อมกับคณะแพทย์

ประตูห้องปิดลง แสงสีแดงจากหลอดไฟเหนือศีรษะสว่างขึ้น

ถึงแม้ว่าอัตราการประสบความสำเร็จของการผ่าตัดจะสูง แต่ว่าเป้ยฉ่ายเวยก็ยังคงรู้สึกประหม่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รุ่ยรุ่ยเพิ่งจะเข้าไปไม่นาน เธอก็เริ่มมีอาการนั่งไม่ติดเดินวนไปเวียนมา

“เวยเวยคุณไม่ต้องเป็นห่วง รุ่ยรุ่ยจะต้องไม่เป็นไร” หลี่จื่อเชียนพูดปลอบใจอยู่ข้างๆ

เป้ยฉ่ายเวยถอนหายใจแต่จิตใจก็ไม่สามารถสงบนิ่งได้ “ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันก็ยังไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี เหมือนกับว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นแหละ”

“ไม่หรอก ผมก็อยู่ รุ่ยรุ่ยไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างเราก็ถามหมอแล้ว ถึงแม้จะผ่าตัดไม่สำเร็จ แต่รุ่ยรุ่ยก็จะไม่เป็นอะไร” ก่อนที่หลี่จื่อเชียนจะมาเขาก็ได้ถามผลที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ให้เธอหมดแล้ว

เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้จะพูดยังไง ที่ใจเธอเป็นห่วงที่สุดก็คือรุ่ยรุ่ย แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนว่าจะมีเรื่องอื่นที่กำลังจะเกิดขึ้น

เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที เป้ยฉ่ายเวยจ้องมองดวงไฟด้านบนห้องผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ รอคอยอย่างทุกข์ใจ

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นบนทางเดินอันเงียบสงบ

“พวกคุณเป็นใครกันคะ ทำไมถึงเข้ามาในโรงพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต”

“ถ้ายังไม่ไปอีก พวกเราจะต้องแจ้งตำรวจนะคะ”

“โอ๊ย เจ็บ เร็วเข้า รีบหลบเร็วเข้า พวกเขามีปืน”

จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ

เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้รู้เรื่องว่ามีอะไรเกิดขึ้น ไอ้โม่งใส่เสื้อดำสิบกว่าคนบุกเข้ามา ปิดกั้นทางออกทั้งหมดไว้

ท่ามกลางผู้คน ทางเดินเล็กๆเปิดออก ร่างคนทั้งสองเดินตามกันมาออกมาช้าๆ

รอยยิ้มอันน่าขยะแขยงปรากฏบนใบหน้าเธอ “เวยเวย เพื่อนรัก ทำไมไม่กล่าวทักทายกันหน่อยล่ะ”

“หนานฉิง! เธอมาที่นี่ได้ยังไง” เป้ยฉ่ายเวยเห็นคนมาจึงลุกเด้งขึ้นจากเก้าอี้ทันที เผยให้เห็นความตึงเครียดบนใบหน้า สายเกินไปแล้วที่จะปกปิดมัน

อยู่ๆหนานฉิงก็พากลุ่มคนน่ากลัวเข้ามา ต้องไม่ได้มาดีแน่ เธอแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหายไปจากตรงนั้น

ที่แท้หล่อนก็มาเรื่องเธอ เป้ยฉ่ายเวยดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้าเธอซีดขาวราวกระดาษ

ไม่ หนานฉิงไม่ได้มาเพราะเธอ แต่หล่อนมาเพราะรุ่ยรุ่ยซึ่งตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัด….

หนานฉิงเห็นเป้ยฉ่ายเวยหน้าขาวซีด รอยยิ้มเธอก็ผุดขึ้น คำพูดที่ออกมานั้นเลวร้ายยิ่งกว่ายาพิษ “เวยเวยเธอนี่จริงๆเลยนะ เราเป็นรูมเมทกันตั้งนาน เธอมีลูกโตขนาดนี้ไม่เห็นบอกฉันสักคำ”

เป้ยฉ่ายเวยสั่นไปทั้งร่าง ถ้าหากไม่ใช่หลี่จื่อเชียนพยุงเธอเอาไว้ ป่านนี้เธอคงล้มไปกับพื้นแล้ว เธอขยับริมฝีปากต้องการจะอธิบาย

แต่ หนานฉิงไม่ได้ให้โอกาสเธอ หล่อนจ้องเธอด้วยความโกรธแค้น “อย่าบอกนะว่าเด็กที่อยู่ในห้องผ่าตัดนั่นเป็นของเธอกับอาเจ๋อ---ลูกนอกคอก”

“ไม่ รุ่ยรุ่ยเป็นผู้บริสุทธิ์ เธออยากหาเรื่องอะไรก็ลงกับฉัน” เป้ยฉ่ายเวยไม่อนุญาตให้หนานฉิงดูถูกรุ่ยรุ่ยเช่นนี้ เธอจ้องตาเขม็ง ไม่กระพริบตาแม้แต่น้อย

รอยยิ้มบนใบหน้าของหนานฉิงนั้นหายวับไป ไม่เสแสร้งอีกต่อไป เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง เธอกล่าวอย่างชั่วร้าย “หาเรื่องเธอหรอ เป้ยฉ่ายเวยเธอมันเป็นตัวอะไร กล้าตั้งท้องลูกของอาเจ๋อ แล้วยังกล้าคลอดเขาออกมาอีก พวกเธอสมควรตายทั้งคู่”

“ฉันไม่ยอมให้เธอทำร้ายรุ่ยรุ่ยแน่” เป้ยฉ่ายเวยเห็นสายตาหนานฉิงแทบรอไม่ไหวที่จะฆ่าเธอ ใจเธอหดหู่ รุ่ยรุ่ยยังผ่าตัดอยู่ด้านใน ช่วงเวลาสำคัญอย่างนี้เธอจะไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไปแน่

“ฉันทนเธอไม่ไหวแล้ว” หนานฉิงแสยะยิ้ม เธอเหลือบไปมองชายชุดดำข้างๆ เพื่อให้เป้ยฉ่ายเวยได้รู้ว่าครั้งนี้ต่อให้เธอมีปีกก็หนีไปไม่พ้น

หลี่จื่อเชียนป้องเป้ยฉ่ายเวยไว้ทางด้านหลัง เขาขมวดคิ้วพร้อมหันไปถามชายผู้ไม่เปิดปากเลยสักคำว่า “หลี่อ๋าว นี่มันหมายความว่ายังไง”

“คุณชายเฮ่อทำไมถึงต้องโมโหด้วย ผมก็แค่ผู้ชมคนหนึ่งเท่านั้น จะให้ดำเนินการอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเธอ” หลี่อ๋าวยิ้มให้หลี่จื่อเชียนอย่างมีมารยาท พร้อมกันศีรษะก็หันไปทางหนานฉิงขณะที่พูด “คุณว่าจริงไหม เสี่ยวชิง”

“เฮ้ หลี่อ๋าวอย่าพูดจาไร้สาระกับพวกเขา รีบไปจับตัวคนมา แล้วรีบไปฆ่าไอ้ลูกนอกคอกคนนั้นก่อนเลย” หนานฉิงอดใจไม่ไหวแล้วที่จะเข้าไปจัดการในห้องผ่าตัด ทำให้เป้ยฉ่ายเวยต้องตายทั้งเป็น

“หนานฉิง ถ้าหากว่าเธอทำอะไรรุ่ยรุ่ย ฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่”

เป้ยฉ่ายเวยได้ยินว่าหนานฉิงจะบุกเข้าไปในห้องผ่าตัด สายตาเธอกลายเป็นแข็งกร้าวขึ้นมา รุ่ยรุ่ยคือชีวิตของเธอ ใครหน้าไหนที่คิดจะทำร้ายรุ่ยรุ่ย เธอสู้สุดชีวิตแน่ ไม่มีทางยอมปล่อยให้คนคนนั้นได้สมหวัง

นี่เป็นสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ ไม่ว่าตรงหน้าจะมีภัยอันตรายแค่ไหน สัญชาตญาณของแม่ก็พร้อมที่จะปกป้องลูกจากภัยอันตรายเสมอ

นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ และเป็นปฏิกิริยาแรกของแม่ทุกคน

หนานฉิงยิ้มเย้ยหยัน “เป้ยฉ่ายเวยเธอกำลังฝันอยู่รึเปล่า ที่นี่มีแต่คนของฉัน เธอคิดว่าพูดคำเดียวฉันก็จะปล่อยเธอไปหรอ ฉันจะต้องให้เธอได้สัมผัสกับความเจ็บปวดและความอับอายของฉันก่อน เจ้าลูกนอกคอกคนนั้นไม่สมควรได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้”

พูดแล้ว เธอก็หันไปทางชายชุดดำสิบกว่าคนข้างๆพร้อมแผดเสียง “ทั้งหมด ยังยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ”

ชายชุดดำสิบกว่าคนนั้นยังไม่ได้ลงมือในทันที ทั้งหมดหันไปมองหลี่อ๋าวเพื่อรอการอนุมัติจากหลี่อ๋าว พวกเขาถึงจะเริ่มลงมือ

เป้ยฉ่ายเวยเห็นชายสิบกว่าคนพากันรุมเข้ามา เธอก็รีบหดหัวโดยไม่ต้องคิดพร้อมกับก้าวถอยหลัง แค่รู้สึกว่าหลี่จื่อเชียนเข้ามาเกี่ยวพันด้วย

“ฉันขอโทษ จื่อเชียนฉันทำให้คุณเดือดร้อนแล้ว”

“เด็กโง่ ผมทำทั้งหมดด้วยความสมัครใจ” หลี่จื่อเชียนพูดอย่างคล่องแคล่ว สายตาเขาจ้องไปที่หลี่อ๋าวอีกครั้ง “อีกอย่าง ใครบอกกันว่าเรากำลังตกที่นั่งลำบาก”

“ว่าไงนะ” เป้ยฉ่ายเวยตกใจเพื่อเป็นการพิสูจน์สิ่งที่หลี่จื่อเชียนพูด บอดี้การ์ดเปิดประตูห้องผ่าตัดออก ชายสวมชุดลำลองสิบกว่าคนเข้ามาล้อมรอบพวกเขาไว้ทางเดินแคบๆนั้นถูกปิดกั้นไม่มีช่องว่างแม้ให้น้ำไหลผ่าน ทั้งสองกลุ่มจับคู่กับอย่างเท่าเทียม สายตาประสานกัน ชายชุดดำก็ไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอีกเป้ยฉ่ายเวยไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วเรื่องจะพลิกเช่นนี้ จื่อเชียนให้คนคอยเฝ้าระวังที่ด้านนอกมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หลี่จื่อเชียนราวกับเห็นความสงสัยบนใบหน้าของเป้ยฉ่ายเวย “ผมกลับเข้าประเทศมาคราวนี้ได้เตรียมรับมือเอาไว้”คนเหล่านี้ไม่ได้เตรียมเอาไว้รับมือหลี่อ๋าว แต่เตรียมไว้สำหรับฉูเจ๋อหยาง แต่ว่ากลับมีประโยชน์กับสถานการณ์ตอนนี้พอดีที่แท้เป็นอย่างนี้ ถ้าจื่อเชียนไม่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า คราวนี้พวกเขาเสร็จแน่ เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้า ไม่ถามอะไรต่อไป“พวกแกยืนนิ่งอยู่ทำไมล่ะ รีบเข้าไปสิ” หนานฉิงแคร์อะไรที่ไหน ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม เธอจะปล่อยเป้ยฉ่ายเวยไปอย่างนี้ไม่ได้เธออดโมโหหลี่อ๋าวที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ได้ “นี่หรอที่บอกฉันว่าไม่มีทางผิดพลาด ลูกน้องที่คุณเลี้ยงไว้มันไม่ได้เรื่อง บอกให้พวกมันจัดการไอ้พวกนี้ซะสิ”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์