โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่307 โทรผิด

บทที่307 โทรผิด

“อ้อ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนคุณว่าน ขอตัวก่อน” เป้ยฉ่ายเวยพูดแล้วก็หันหลังเตรียมเดินจากไป

ว่านต้าเผิงตกตะลึง เกือบทำเป้ยฉ่ายเวยหลุดมือไป เขาขยิบตาให้กับลูกน้องสองคนข้างๆ ลูกน้องทั้งสองก็เดินเข้าไปล็อกตัวเป้ยฉ่ายเวยทันที

เป้ยฉ่ายเวยขมวดคิ้ว เธอหันไปมองเขา “ว่านต้าเผิง นี่คุณหมายความว่าอย่างไร”

“เกือบจะทำคุณเสียใจแล้ว เป้ยฉ่ายเวยคุณนี่เจ้าเล่ห์เหมือนกับเจ้าคนนั้นเลยนะ” ว่านต้าเผิงไม่เห็นเธออยู่ในสายตา เขาได้แต่เดินวางมาดเข้ามา

สายตาลามกต่ำช้ามองขึ้นลงที่ชุดที่เธอใส่ในวันนี้ เขากระแอมขึ้นสองครั้ง “สวย สวยจริงๆ อย่างนี้ค่อยเร่าร้อนขึ้นมาหน่อย แต่ว่าไม่เป็นไร พี่ชายชอบปราบม้าพยศ”

แม่มึงตาย ไม่รู้พูดออกมาดีไหม ว่านต้าเผิงคิดว่าตัวเองเป็นรูปปั้นเทพเจ้ารึไง คาดว่าเขาน่าจะฝันเปียกได้แล้ว

เป้ยฉ่ายเวยจ้องว่านต้าเผิงผู้ซึ่งขนจมูกโผล่ออกมาจากรูจมูกทั้งสองข้าง ราวกับว่าเขากำลังท้าทายไอคิวเธอ เธอถามอย่างอดไม่ได้ “ว่านต้าเผิง คุณ ไม่ใช่สิ คุณได้ยินเรื่องนี้จากใคร”

เธอนึกขึ้นได้ในทันใด เมื่อครู่ว่านต้าเผิงพูดถึงคนคนหนึ่ง มีใครบางคนจงใจเผยข้อมูลของตนให้ว่านต้าเผิงทราบ แวบแรกเธอคิดว่าคือหนานฉิง แต่คิดไปคิดมาแล้วก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ หนานฉิงแค่เห็นว่าว่านต้าเผิงถูกลากลงมา แต่เธอไม่ได้รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

แต่ว่าใครล่ะที่เกลียดเธอยิ่งกว่าหนานฉิง

“ผมก็ไม่รู้ว่าคนใจดีคนนั้นเป็นใคร ผมรู้แค่ว่าคืนนี้คุณต้องเป็นของผม” ว่านต้าเผิงพูดแล้วก็เขยิบตัวไปสูดดมกลิ่นเธอ สีหน้าแสดงออกถึงความเพลิดเพลิน

เป้ยฉ่ายเวยเห็นแล้วท้องไส้ปั่นป่วน “ว่านต้าเผิง คุณลืมไปแล้วรึ ที่นี่เป็นสถานที่อะไร ถ้าหากว่าฉันร้องขึ้นมา คนก็จะหันมามองกันมากมาย คุณแน่ใจแล้วรึว่าจะทำอย่างนี้”

ว่านต้าเผิงแสยะยิ้ม เขากางนิ้วออกแล้วพูดว่า “เป้ยฉ่ายเวย เธอโง่รึเปล่า ไม่รู้ตัวหรือไงว่าตัวเองเดินออกจากห้องโถงงานแล้ว”

“เป็นไปได้ไง” เป้ยฉ่ายเวยตกอกตกใจ เธอมองอย่างพินิจ จึงพบว่าตัวเองได้เดินออกมาจากฝูงชนแล้ว ไม่รู้ว่าเดินมาถึงตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บนพื้นยังมีพรหมแดง แต่ว่ามองไม่เห็นห้องบอลรูมอีกแล้ว เธอเดินออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตัวเองก็ไม่รู้ตัว

ใจเป้ยฉ่ายเวยไม่มีความรู้สึกใด ที่จริงใจมัวแต่คิดถึงสายตาอันเมินเฉยของฉูเจ๋อหยางนั่น

“เพราะฉะนั้น เธอร้องได้ตามสบาย เป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนคิดว่าเธอกำลังเล่นสนุกอยู่” ว่านต้าเผิงยักไหล่อย่างไม่แคร์ เขายื่นมือออกอยากจะสัมผัสใบหน้าเป้ยฉ่ายเวย

เธอหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว เป้ยฉ่ายเวยเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองได้เดินออกมาถึงสวนด้านหลังอันเงียบสงบ ซ้ายขวาล้วนดำมืด ที่นี่ไม่มีคน เธอจะวิ่งหนีแต่มันก็ไม่ง่าย

“ว่านต้าเผิง คุณแค่บอกฉันมา ใครเป็นคนบอกคุณเรื่องนี้ ฉันก็จะตามคุณไป ไม่ขัดขืน” เป้ยฉ่ายเวยพูดพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ค้นหาอะไรสักอย่าง

ว่านต้าเผิงจับตัวคนได้แล้ว แต่กลับไม่รีบพาเธอหนีไป “ทำไมผมจะต้องเชื่อฟังคุณ ตอนนี้คุณอยู่ในกำมือผมแล้ว คุณยังคิดหรอว่าฉูเจ๋อหยางนั่นจะยังช่วยคุณ ผมเห็นเขากำลังอ่อนหวานกับแม่สาวงามข้างกายนั่นอย่างมีความสุขนะ”

ที่เขากล้าทำเช่นนี้ เพราะได้ยินว่าฉูเจ๋อหยางมีแฟนแล้ว หนำซ้ำยังไปกันด้วยดี ดังนั้นเขาจึงสามารถชิงตัวเป้ยฉ่ายเวยได้

ความจริงแล้วเขาจะแก้แค้นฉูเจ๋อหยางแต่ว่าตอนนี้ทนายนั่นกำลังเรืองอำนาจ ในช่วงนี้เขายังทำอะไรฉูเจ๋อหยางไม่ได้ แต่ว่าโอกาสมีมาเสมอ ตอนนี้จัดการกับผู้หญิงตรงหน้านี้ก่อนก็เหมือนกัน

“อย่างนั้นหรอ ถ้าคุณรู้เรื่องฉูเจ๋อหยาง คุณก็ควรที่จะรู้ว่าแฟนฉันคือใครใช่มั๊ย” หาเจอแล้ว เป้ยฉ่ายเวยกำโทรศัพท์มือถือไว้ ดีใจ แต่ใบหน้าก็ยังสงบนิ่ง

เธอคลิกโทรศัพท์ของเธออยู่สองสามครั้งตามความทรงจำ เบอร์ที่บันทึกไว้ถ้าไม่ใช่จื่อเชียนก็เป็นซือซือ ไม่ว่าจะกดโดนเบอร์ไหนก็ช่วยได้ทั้งนั้น

แต่ว่าเธอตื่นเต้นเกินไป ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกดไปโดนสมุดรายชื่อ เบอร์ที่กดโดนจึงเป็นชื่อของบุคคลอื่น

ว่านต้าเผิงเชิดคางขึ้น ขนจมูกสองเส้นนั้นสั่นสะเทือน ช่างดูน่าขยะแขยง “ลูกชายคนเดียวของบ้านหลี่ หลี่จื่อเชียนน่ะรึ ผมรู้ แต่ผมได้ยินมาว่าคนบ้านหลี่ไม่ยอมรับคุณในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้นี่”

“ดูเหมือนว่า คุณจะได้ยินมาอย่างชัดเจนนะ” เป้ยฉ่ายเวยพยายามถ่วงเวลา เธอคิดว่าน่าจะมีคนรับสายแล้ว จื่อเชียนหรือว่าซือซือน่าจะใกล้มาถึงเร็วๆนี้

เธอตั้งใจถามเสียงดัง “ว่านต้าเผิง คุณจงใจดักฉันอยู่ที่ทางเดินหลังบ้าน ใช่เพราะมีใครบอกคุณอีกรึเปล่า”

ฉูเจ๋อหยางเห็นชื่อโผล่ขึ้นมาอย่างชัดเจน จิตใต้สำนึกบอกเขาว่าให้ตัดสาย แต่ปลายนิ้วของเขาก็แตะไปที่หน้าจอแล้ว ในที่สุดนิ้วมันก็เลื่อนไปทางขวา

เมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของเป้ยฉ่ายเวย นั่นเธอต้องการบอกที่อยู่

จากนั้นก็เป็นเสียงลนลานของผู้ชาย “นังสารเลว แกกล้าโทรหาคนอื่นอย่างนั้นหรอ อยากตายรึไง”

“แกร๊บ” หลังจากนั้นเป็นเสียงดังอันสับสน โทรศัพท์กลับมาเงียบอีกครั้ง

ผู้หญิงคนนั้นตกอยู่ในอันตราย! ฉูเจ๋อหยางขยับตัว แต่ก็ชะงักลงทันที สายตาตรวจสอบอย่างเย็นชา มองออกไป เขาเห็นว่าหลี่จื่อเชียนยังคุยกับคนอื่นอยู่ ริมฝีปากบางนั้นก็เผยอออก

หลี่จื่อเชียนดูแลเป้ยฉ่ายเวยแบบนี้หรอ ผู้หญิงของตัวเองหายไปยังมีหน้ากล่าวทักทายคนอื่นอีก สายตาเป้ยฉ่ายเวยไม่ได้เรื่องจริงๆ

ถึงใจฉูเจ๋อหยางจะกล่าวเช่นนี้ แต่ว่าเขากลับเป็นห่วงจนยืนไม่ติด เขายกเท้าเดินไปยังทิศทางของเป้ยฉ่ายเวย

ทันใดนั้นแขนเขาก็ถูกเกี่ยวไว้ ผู้หญิงรูปร่างบอบบางนั้นโผล่เข้ามา “อาเจ๋อ คุณจะไปไหนคะ”

หนานฉิงเตรียมที่จะพาฉูเจ๋อหยางไปเจอเพื่อนของเธอ แต่พอหันมาก็เห็นว่าเขากำลังจะจากไป เดินไปอย่างเร่งรีบหลังจากที่เป้ยฉ่ายเวยถูกว่านต้าเผิงจับได้ เธอถูกผลักล้มลงบนพื้น มือถือก็กระเด็นออกมาจากกระเป๋า เธอรีบยื่นมือออกไป เพื่อเก็บมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอแตกตื่นต้องการกดโทรหาหลี่จื่อเชียนเธอไม่รู้ว่าจื่อเชียนได้รับหรือไม่ ถ้าหากว่ารับ ดูตามระยะห่างระหว่างงานเลี้ยงกับสวนหลังบ้าน ไม่ว่าอย่างไร จื่อเชียนน่าจะรีบมาถึงแล้วถึงจะถูกต้องแต่เมื่อเธอเปิดดูบันทึกการโทร ถึงได้พบว่าเบอร์ที่โทรหานั้นเป็นเบอร์ของฉูเจ๋อหยาง สีหน้าเธอขาวซีดโดยไม่รู้ตัวทำไมถึงเป็นฉูเจ๋อหยาง เขาน่าจะใจดำวางสายเธอไป จะมาช่วยเธอได้ยังไงขณะที่เป้ยฉ่ายเวยกำลังตกใจอยู่นั้น ข้อมือก็รู้สึกเจ็บ โทรศัพท์มือถือในมือเธอบินไปไกล “เพี๊ยะ” จากหนึ่งกลายเป็นสองเสียงปรากฏว่าว่านต้าเผิงเห็นเป้ยฉ่ายเวยจะกดโทรอีกครั้ง เขาโมโหจนเตะหลังเท้าไปที่ข้อมือเธอ ตอนนี้ทางที่ดีได้แต่เหยียบข้อมือเธอเอาไว้ ออกแรงกดไว้ด้วยเท้า “ไม่เห็นเจ็บเลย ทำต่อไปสิ ไม่กล้าหรือยังไง”โชคดีที่คนคนนั้นเตือนเขาเอาไว้ว่าเป้ยฉ่ายเวยมีลูกไม้เยอะ เกือบถูกเธอต้มซะแล้ว

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์