โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่308 ตัดขาดกันแล้วไม่ใช่หรอ

บทที่308 ตัดขาดกันแล้วไม่ใช่หรอ

ข้อมือที่ถูกฉูเจ๋อหยางมัดนั้น ถูกว่านต้าเผิงเหยียบซ้ำลงอีกครั้ง เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกแค่ว่าเจ็บแปลบที่ข้อมือ เธอรู้สึกได้ชัดเจนว่ากระดูกข้อมือนั้นแตกออก ขยับซ้ายขวาไม่ได้ ต้องแพลงแน่ๆ

เหงื่อเห็นไหลอาบใบหน้าเธอลงมา ลมหายใจของเธอหอบคล้ายจะเป็นลม

“แกล้งตายเรอะ เธอคิดว่าอย่างนี้แล้วฉันจะปล่อยเธอไปรึไง ฝันไปเถอะ” ว่านต้าเผิงคิดว่าเป้ยฉ่ายเวยจะแกล้งทำเป็นตาย เขาไม่เพียงแต่จะยกเท้าออก แต่กลับออกแรงเหยียบหนักขึ้นกว่าเดิมอีก

“อ้า----” เป้ยฉ่ายเวยทนไม่ไหวจนร้องออกมา เจ็บ เจ็บเหลือเกิน นิ้วทั้งห้าดูเหมือนจะขาดหายไปแล้วเจ็บปวดจนอธิบายไม่ได้ ความเจ็บปวดนั้นผ่าซ่านไปทั่วร่างกาย

ว่านต้าเผิงเห็นว่ามือเป้ยฉ่ายเวยแน่นิ่งไม่มีแรงอยู่กับพื้น เธอหน้าขาวซีดไม่มีสีเลือด เหงื่อไหลชุ่มหลัง หายใจพะงาบพะงาบเหมือนปลาขาดน้ำ “ฮ่าฮ่า เป้ยฉ่ายเวยผมคิดว่าคุณจะเจ๋งซะอีก แค่นี้เองหรอ”

เป้ยฉ่ายเวยอยากจะตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ว่าเจ็บจนพูดไม่ออกแล้ว

แต่ว่านต้าเผิงก็ได้ใจอยู่ไม่นาน เขาเจ็บแปลบที่หลัง ทั้งตัวถลาบินออกไป นอนราบลงกับพื้นเหมือนกับหมากินขี้ เขาเจ็บจนแยกเขี้ยว เขาหันกลับมาพร้อมสายตาดุร้าย “เจ็บชิบหาย ไอ้หน้าไหนเตะกู!”

ฉูเจ๋อหยางรีบมาถึงที่เกิดเหตุเห็นเป้ยฉ่ายเวยถูกว่านต้าเผิงเหยียบติดดินขยับไม่ได้ ใบหน้าน้อยๆนั้นแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด หัวใจเขาเหมือนกับถูกต่อยพลอยเจ็บปวดไปด้วย เขาพุ่งเตะตรงไปยังว่านต้าเผิง

แต่เมื่อเห็นเขาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ

“ฉูเจ๋อหยาง…” คุณมาตรงนี้ได้ยังไง คุณตัดขาดฉันแล้วไม่ใช่หรอ

เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บปวดที่ข้อมือหรือว่าความน้อยใจกันแน่ ทำอย่างไรก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ เธอคิดว่าเขาไม่มีทางมาเด็ดขาด แต่เขากลับมาปรากฏตัวแล้ว

ฉูเจ๋อหยางเผยริมฝีปากบาง ใบหน้าอันเย็นชา เขาเดินเข้าหาเป้ยฉ่ายเวย อุ้มเธอขึ้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ สายตาเขาจ้องที่ข้อมือที่ห้อยต่องแต่ง แววตานักฆ่าของเขาแผ่ซ่านออกมา

ว่านต้าเผิงแกตายแน่ บทเรียนคราวก่อนยังไม่พอ คราวนี้ยังกล้าพาคนมาซุ่มทำร้ายเป้ยฉ่ายเวยอีก

ว่านต้าเผิงตกใจไปไม่กี่วินาที ลูกน้องมาช่วยพยุงเขาขึ้นมา เขาตะโกนอย่างเหนื่อยหอบ “อย่าเพิ่งไป หยุดอยู่ตรงนั้น ฉูเจ๋อหยางอย่าคิดว่าผมกลัวคุณ”

แม่งเอ้ย เท้าฉูเจ๋อหยางทำด้วยเหล็กหรือยังไง ตอนนี้หลังเอวของเขาทั้งบวมทั้งแดง แค่สัมผัสโดนก็ปวด แค้นเดิมบวกกับแค้นใหม่ เขาหมดความอดทนแล้ว

โชคดีที่ฉูเจ๋อหยางมาคนเดียว ส่วนเขามีลูกน้องสองสามคน น่าจะเอาชนะเขาได้ไม่มีปัญหา

ฉูเจ๋อหยางยังไม่ได้เตรียมตัวไป ก่อนนี้ไม่ได้รังแกผู้หญิงของเขายังพอที่จะถอนตัวได้ แต่ตอนนี้ เตรียมขุดหลุมฝังศพไว้ได้เลย

เขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดี แต่ไหนแต่ไรมาเพื่อภาระหน้าที่ คนที่ต้องตกตายในมือเขาก็มีไม่น้อย ถ้าหากว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอ จะอยู่รอดท่ามกลามเหล่าบรรดาแร้งทึ้งนี่ได้อย่างไร

“ยืนไหวไหม” ฉูเจ๋อหยางเหมือนน้ำนิ่ง เขาจ้องด้วยนัยน์ตาดำเข้มไปยังทิศทางของว่านต้าเผิง แต่ปากกลับพูดกับหญิงสาวในอ้อมอก

เป้ยฉ่ายเวยนิ่งอึ้งไป เธอเงยหน้าขึ้นมองขากรรไกรอันเด็ดเดี่ยวเหนือศีรษะของตัวเอง ก่อนจะพยักหน้า “อื้อ”

ฉูเจ๋อหยางไม่ได้พูดอะไรเขาวางตัวคนลงบนพื้นอย่างเบามือ จากนั้นก็ยกมือขึ้นเพื่อแก้มัดเน็คไท ต่อด้วยถอดชุดสูทบนร่างกายออก โยนไปข้างๆ ดวงตาทั้งเหมือนเหยี่ยวและนกอินทรี ทั้งน่ากลัวและคมชัด

เห็นท่าทางฉูเจ๋อหยางแล้ว ว่านต้าเผิงก็อดใจไม่ไหวที่จะกลืนน้ำลายลงคอ เขาถอยเท้าไปก้าวหนึ่ง แม่เอ้ย เห็นชัดๆอยู่แล้วว่าฉูเจ๋อหยางคนเดียว ทำไมต้องกลัวด้วยวะ

เขาเห็นลูกน้องข้างๆก็เหมือนจะหวาดกลัวฉูเจ๋อหยางตรงหน้า เขายิ่งรู้สึกว่าสีหน้าตัวเองได้หายไปหมดแล้ว เขากัดฟันตัดใจพูดออกไป “ไป จัดการผู้ชายคนนั้นซะ กลับไปจะตบรางวัลให้คนละห้าหมื่น”

ลูกหมาสองตัวแต่เดิมไม่กล้าลงไม้ลงมือ แต่เมื่อได้ยินว่านต้าเผิงจะเพิ่มให้พวกเขาคนละห้าหมื่น พวกเขาสบตากัน จากนั้นก็พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง “ได้ นายน้อยว่าน เชิญชมการแสดงฉากนี้ให้สนุกเถอะ”

“ฉูเจ๋อหยาง…” เป้ยฉ่ายเวยเห็นลูกน้องสองคนของว่านต้าเผิงสูงเหมือนม้า แขนก็เต็มไปด้วยรอยสัก มองแวบแรกก็คิดไปต่างๆนาๆ ใจเธอรู้สึกเป็นห่วงเขาขึ้นมา

ต่อให้ฉูเจ๋อหยางร้ายกาจ ฝีมือคล่องแคล่ว แต่ก็ไม่น่าจะเอาชนะเจ้าสองคนนี้ได้หรอกนะ

ปราดเดียวเท่านั้น เธอก็รู้ว่าความเป็นห่วงของเธอช่างไร้สาระเหลือเกิน

ฉูเจ๋อหยางไม่ได้ใช้ความพยายามใดๆเลยก็สามารถเตะหมาสองตัวหัวคะมำ ไม่เพียงเป้ยฉ่ายเวยเท่านั้นที่ตกตะลึง ว่านต้าเผิงก็ตกตะลึงเช่นกัน

เจ้าสองตัวนั้นเป็นลูกน้องที่เขาจ่ายเงินให้ไปตั้งมากให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้คัดเลือกมาให้ ทำไมถูกฉูเจ๋อหยางจัดการได้ง่ายๆอย่างนั้นล่ะ เป็นไปไม่ได้

ไม่ทันรอให้ว่านต้าเผิงหายจากความตกใจ ร่างของฉูเจ๋อหยางก็พุ่งตรงมาถึงหน้าเขา ความสูงของเขาน่าจะสักร้อยแปดสิบเซนไม่น้อยกว่านี้ แต่ว่าเมื่อยืนตรงหน้าฉูเจ๋อหยาง เขารู้สึกว่าหัวตัวเองหดลงไปเล็กน้อย ได้แต่ชะเง้อมองขึ้นไปที่เขา

ไม่ใช่ ไม่ใช่ว่าเขาเตี้ย แต่ว่ารัศมีพลังของฉูเจ๋อหยางนั้นแข็งแกร่งเกินไป ทำเอาเขาหดงอหลังลงโดยไม่รู้ตัว

“ฉู ฉูเจ๋อหยาง คุณ คุณจะเอายังไง! อย่าลืมครั้งก่อน ผมจะไม่ไปโรงพยาบาลเป็นครึ่งปีอีกแล้ว”

ฉูเจ๋อหยางมองว่านต้าเผิงครู่หนึ่งด้วยสายตาไม่แยแส มุมปากนั้นยกสูงขึ้นเล็กน้อย ในสายตาไม่อยากจะเชื่อของว่านต้าเผิง ทันใดนั้นเขาก็ยกขาขึ้น แตะอย่างรุนแรงและแม่นยำไปที่กระดูกหัวเข่าของว่านต้าเผิง

“ป๊อก” เสียงอันคมชัด เสียงกระดูกหัวเข่าแตกร้าวดังกึกก้อง ทำเอาว่านต้าเผิงร้องระงมด้วยความเจ็บปวด“อ้า ขากู ขากูขาดแล้ว เจ็บชิบหาย กูจะตายแล้ว!”ลูกน้องที่ถูกแตะกองอยู่ที่พื้นอยากลุกปีนขึ้นมาช่วยว่านต้าเผิง แต่เมื่อได้ยินว่าเสียงค่อยแผ่วอ่อนลงไป พวกเขาจึงนอนราบไปกับพื้นไม่กล้าลุกขึ้นมาเป้ยฉ่ายเวยไม่ได้คิดว่าฉูเจ๋อหยางจะใช้กำลังขนาดนี้ เล่นเอากระดูกหัวเข่าแตก ต้องใช้พละกำลังมากขนาดไหน กระดูกสะบ้าหัวเข่าของชายหนุ่มถึงได้แตกได้เธอยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉูเจ๋อหยางต้องทำเช่นนี้ ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องออกมาปรากฏตัวเลยก็ได้ลึกๆในใจ เธอก็รู้สึกขอบคุณการปรากฏตัวของเขา ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าหากไม่ใช่ฉูเจ๋อหยาง เธอคงไม่สามารถเอาตัวรอดจากแผนการของว่านต้าเผิงแน่มีคนจงใจเปิดเผยตำแหน่งที่อยู่ของเธอ นี่แหละที่ทำให้เธอรู้สึกกลัวว่านต้าเผิงทำตัวเอง แพ้เพราะตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาให้คนไปคอยดูต้นทางไว้ ป่านนี้คงดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก คงไม่กล้าร้องโอดโอยเป็นลูกหมาอย่างนี้หรอก

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์